ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ

พระมหามงคล: Phra Maha Mongkhon   เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 35           เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 35 ทรงพระราชนิพนธ์ในพุทธศักราช 2502 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานแก่นายเอื้อ สุนทรสนาน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2502 ให้เป็นเพลงประจำวงดนตรี  สุนทราภรณ์ ในโอกาสที่ก่อตั้งมาครบ 20 ปี นายเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงจึงได้ขอพระราชทานพระบรม ราชานุญาต ตั้งชื่อเพลงว่า “พระมหามงคล” และได้อัญเชิญมาบรรเลงนำประจำวงสุนทราภรณ์มาจนทุกวันนี้ เพลงพระราชนิพนธ์นี้ไม่มีคำร้อง   Royal Composition Number 35           The thirty-fifth royal musical composition was written in 1959 and granted to Mr. Ua Sunthornsanan on 20 November 1959 as the signature tune of the Suntaraporn Band on the occasion of its 20th founding anniversary. Mr. Ua Sunthornsanan, the band - leader then asked for royal permission to name the tune "Phra Maha Mongkhon" - A Great Royal Blessing, which has since been perfomed to lead in the band up to the present. This tune has no vocal parts.


รายชื่อผู้เข้าประกวดสุนทรพจน์ระดับอุดมศึกษา เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๕๙ รอบชิงรางวัล



กรมศิลปากรชี้แจงประเด็นข่าวกุฏิพระโบราณ ที่วัดสิงห์ จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหาย สาเหตุจากช่างที่กรมศิลปากรจ้างมาซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ กรมศิลปากรแถลงข่าวชี้แจงประเด็นกุฏิพระโบราณที่วัดสิงห์ จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหาย โดยนายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร นายประทีป เพ็งตะโก ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี นายช่างโยธาและวิศกรควบคุมงาน เป็นผู้แถลงข่าว ณ ห้องประชุมกรมศิลปากร ตามที่รายการเรื่องเล่าเสาร์ – อาทิตย์ ประจำวันอาทิตย์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ประจำวันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง ๓ และหนังสือพิมพ์ข่าวสด หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ได้เสนอข่าวเกี่ยวกับกุฏิพระโบราณ ที่วัดสิงห์ ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหายทั้งหมด สาเหตุจากช่างที่กรมศิลปากรจ้างมาซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์ นั้น   กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ขอชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวดังนี้ ๑. วัดสิงห์ ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งยังปรากฏเจดีย์ โบสถ์ วิหารเก่าแก่ ควรค่าแก่การศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี พระพุทธรูปสำคัญของวัดคือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อเพชร) นอกจากนี้ยังมีโกศบรรจุอัฐิหลวงพ่อพญากราย ซึ่งเป็นพระมอญธุดงค์มาจำพรรษา ที่วัดสิงห์ บนกุฏิของวัดมีพิพิธภัณฑ์ เก็บรักษาของเก่า ได้แก่ ตุ่มสามโคก แท่นบรรทมของพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองสามโคก ใบลานอักษรมอญ ตู้พระธรรม และพระพุทธรูป ด้านหน้าวัดสิงห์มีการขุดค้นพบโบราณสถานเตาโอ่งอ่าง ซึ่งถือ เป็นหลักฐานของการตั้งชุมชนมอญในสมัยแรกในบริเวณนี้นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ เล่มที่ ๑๐๙ ตอนที่ ๑๐๙   ๒. กรมศิลปากร สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานที่ประสบอุทกภัย โครงการบูรณะโบราณสถานวัดสิงห์ จำนวน ๑๒,๐๒๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งเป็น ๒ โครงการ - โครงการงานบูรณะโบราณสถาน จำนวนเงิน ๔,๔๕๐,๐๐๐ บาท - โครงการงานปรับยกระดับ (ปรับดีด) วงเงินสัญญาจ้าง ๗,๕๓๙,๐๐๐ บาท ดำเนินการว่าจ้างบริษัทกันต์กนิษฐ์ ก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ดำเนินงาน ตามสัญญาจ้างเลขที่ ๑๒/๒๕๕๕ เริ่มสัญญาวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ สิ้นสุดวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีนายเฉลิมศักดิ์ ทองมา นายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี เป็นผู้ควบคุมงาน   ๓. เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เวลา ๒๑.๓๐ น. นายเฉลิมศักดิ์ ทองมา ได้รับแจ้งจากตัวแทนบริษัทกันต์กนิษฐ์ ก่อสร้าง จำกัด ในเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. ขณะที่คนงานอยู่ในช่วงพัก ไม่มีใครอยู่ภายในบริเวณอาคารกุฏิโบราณ ได้ยินเสียงพร้อมทั้งปูนฉาบของตัวอาคารกะเทาะหลุดร่วงลงมา แล้วมุมอาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกิดการทรุดตัวลง ทำให้กระเบื้องหลังคาและโครงสร้างหลังคาทั้งหมด ทรุดลงมากองอยู่บริเวณพื้นไม้ชั้นสองของอาคาร ทำให้น้ำหนักบรรทุกของพื้นมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นผนังด้านทิศใต้ ก็ได้พังทลายตามลงมาเนื่องจากรับหนักของหลังคาที่ทรุดลงมาไม่ไหว   ๔. เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น.ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี (นายประทีป เพ็งตะโก) นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ วิศวกรชำนาญการพิเศษ นายจมร ปรปักษ์ประลัย สถาปนิกชำนาญการ นายเฉลิมศักดิ์ ทองมา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสามโคก และคณะกรรมการวัดสิงห์ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและหาสาเหตุของการพังทลาย ได้ข้อสรุปดังนี้ ๔.๑ การที่อาคารเกิดการทรุดตัว เนื่องจากพื้นดินรับฐานรากอาคารอยู่ในที่ต่ำชุ่มน้ำตลอดทั้งปี ทำให้อ่อนตัวรับน้ำหนักอาคารไม่ไหวทำให้ผนังอาคารทรุดตัวลงมาประมาณ ๑ ใน ๔ ส่วน ๔.๒ ผนังอาคารมีร่องรอยแตกร้าวจำนวนมาก พบร่องรอยนี้จากการสำรวจเพื่อจัดทำรูปแบบรายการการอนุรักษ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ ๔.๓ ปูนสอเสื่อมสภาพจากการถูกน้ำแช่ขังและใช้งานอาคารมาเป็นเวลานาน ทำให้การยึดตัวของอิฐและปูนสอไม่ดี เป็นสาเหตุให้ตัวอาคารทรุดลงมา ๔.๔ สภาพอาคารที่ปูนฉาบผนังนอกหลุดร่อน ทำให้น้ำซึมผ่านเข้าไปในผนังทำให้ ปูนสอชุ่มน้ำ ทำให้แรงยึดเกาะระหว่างอิฐต่ำ ๔.๕ ขณะที่อาคารทรุดตัวอยู่ระหว่างการขุดเพื่อตรวจสอบฐานของอาคารส่วนที่ จมดินเพื่อเตรียมการกำหนดระยะที่ทำการตัดผนังเพื่อเสริมคานถ่ายแรง ยังไม่ได้ทำการตัดผนัง จึงยังมิได้มีการรบกวนโครงสร้างของอาคารโบราณ แต่ตัวอาคารก็เกิดการทรุดตัวลงมาเสียก่อน   หลังจากทำการตรวจสอบพื้นที่แล้ว สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้สั่งการให้บริษัทผู้รับจ้างทำการค้ำยันผนังส่วนที่เหลือโดยให้ดำเนินการตามคำแนะนำของวิศวกร และทำการจัดเก็บวัสดุส่วนที่สามารถนำมาก่อสร้างเพื่อคืนสภาพอาคารไปจัดเก็บในที่ให้เรียบร้อย รวมทั้งได้เร่งรัดให้ผู้รับจ้างดำเนินการบูรณะกุฏิให้คืนสภาพโดยเร็ว โดยให้บริษัทผู้รับจ้างร่วมกับสถาปนิก วิศวกร และผู้เกี่ยวข้อง ปรับปรุงรูปแบบรายการ และวิธีปรับดีดให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันของกุฏิ และให้ดำเนินการบูรณะกุฏิให้กลับคืนสภาพเดิม โดยให้เป็นไปตามรูปแบบรายการบูรณะที่ได้รับอนุญาต





วัสดุ ดินเผา แบบศิลปะ ศิลปะเขมรในประเทศไทย อายุสมัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-18 สถานที่พบ นายวีระ วุฒิจำนง มอบให้เมื่อ 11 เมษายน 2538 กระปุกทรงกลมทำเป็นรูปนก ด้านหนึ่งเป็นหัวนก ลักษณะคล้ายนกเค้าแมว ด้านหนึ่งเป็นหาง ที่หางนกเจาะรูขนาดเล็ก ด้านข้างของกระปุกทั้งสองข้างขีดเป็นลายปีกนก มีเชิงเตี้ย ด้านบนทำฝาปิดขนาดเล็กยอดแหลม เคลือบสีน้ำตาล ก้นไม่เคลือบ



    ตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2523  เป็นต้นมา  คณะสำรวจโบราณชีววิทยาไทย – ฝรั่งเศส  ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับซาดึกดำบรรพ์ของสัตว์มีกระดูก สันหลังในประเทศไทย  ซากดึกดำบรรพ์  คือ  ไดโนเสาร์ที่พบมีอายุเก่าแก่ที่สุดอยู่ในยุคไทรแอสซิกตอนปลาย  (209  ล้านปีก่อน)  และอายุน้อยที่สุดอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนกลาง  (100  ล้านปีก่อน)  ไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทยมีทั้งที่เป็นชนิดที่พบใหม่ของโลก  และชนิดที่พบอยู่ทั่วไป  โดยแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เช่น  จังหวัดขอนแก่น  กาฬสินธุ์  ชัยภูมิ  เป็นต้น  จึงมีการนำคำว่า  “อีสาน”  มาตั้งเป็นชื่อไดโนเสาร์และตั้งชื่อตามชื่อของบุคคลหรือสถานที่ที่ขุดค้นพบ ด้วย   สยามโมไทรันนัส  อิสานเอนซิส  (Siamotyrannus  isanensis)           ไดโนเสาร์ตระกูลใหม่ของไทยถูกค้นพบที่บริเวณหินลาดยาว  อำเภอภูเวียง  จังหวัดขอนแก่น  เมื่อเดือนสิงหาคม  พ.ศ. 2536  ไดโนเสาร์เทอโรพอด  (ไดโนเสาร์ที่เดิน  2  เท้า)  ขนาดใหญ่  ยาวประมาณ 6.5  เมตร มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นเมื่อประมาณ  130  ล้านปีก่อน  มีขาหลังที่ใหญ่และแข็งแรงมาก  พบกระดูกสันหลัง  สะโพกและหางที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ฝังในชั้นหินทราย  จากการศึกษาพบว่าอยู่ในวงศ์ไทรันโนซอริเดที่เก่าแก่ที่สุด ทำให้สันนิษฐานได้ว่ากลุ่มของ ไทรันโนซอร์เริ่มวิวัฒนาการครั้งแรกในเอเชียแล้วค่อยแพร่กระจาย ไปทางเอเชียเหนือ และสิ้นสุดที่อเมริกาเหนือก่อนที่สูญพันธุ์ไป   ภูเวียงโกซอรัส  สิรินธรเน่ (Phuwiangosaurus sirindhornae)          ไดโนเสาร์ซอโรพอด  (ไดโนเสาร์ที่เดิน  4  เท้า  คอและหางยาว  กินพืชเป็นอาหาร)  ชนิดแรกของไทย  ถูกค้นพบที่บริเวณประตูตีหมา  อำเภอภูเวียง  จังหวัดขอนแก่น   มักอยู่รวมกันเป็นฝูง  พบกระดูกของพวกวัยเยาว์รวมอยู่ด้วย  ซึ่งมีขนาดยาว  2  เมตร  และสูงเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น  ไดโนเสาร์ชนิดนี้มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นเมื่อประมาณ  130  ล้านปีก่อน  ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี     สยามโมซอรัส สุธีธรณี  (Siamosaurus  suteethorni)          ไดโนเสาร์ชนิดแรกของไทย  ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่  นายวราวุธ  สุธีธร  ผู้มีส่วนร่วมในการสำรวจ พบที่บริเวณประตูตีหมา  อำเภอภูเวียง  จังหวัดขอนแก่น   ไดโนเสาร์เทอโรพอด  (ไดโนเสาร์ที่เดิน  2  เท้า)  ขนาดใหญ่  ความยาวประมาณ  7  เมตร มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นประมาณ  130  ล้านปีก่อน  สันนิษฐานว่าไดโนเสาร์เทอโรพอดทีทมีฟันรูปทรงกรวยมีแนวร่องและสันเรียงสลับ ตลอด  ฟันคล้ายจระเข้  และมีลักษณะปากคล้ายสัตว์เลื้อยคลานพวกกินปลา  มีแหล่งหากินอยู่ริมน้ำและกินปลาเป็นอาหาร   คอมพ์ซอกนาธัส  [Compsognathus]          ไดโนเสาร์ขนาดเล็กตัวเท่าไก่  พบที่  อ.ภูเวียง  จ.ขอนแก่น  มีลักษณะคล้ายนก  ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็กพวกซีลูโรเซอร์  ขนาดยาวประมาณ  70  เซนติเมตร  น้ำหนักประมาณ  3.5  กิโลกรัม  วิ่งด้วยขาหลังทั้งสองข้าง   ซิททาโกซอรัส  สัตยารักษ์คิ  (Psittacesaurus  sattayaraki)          ไดโนเสาร์พวกสะโพกแบบนก  เป็นพวกเซอราทอปเชียน  หรือไดโนเสาร์ปากนกแก้ว  ค้นพบโดย  นายนเรศ  สัตยารักษ์  ขุดพบที่จังหวัดชัยภูมิ  มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนกลาง  ประมาณ 100 ล้านปีก่อน  กินพืชขนาดเล็กเป็นอาหาร  ยาวประมาณ  1  เมตร  ใน อดีตพบเฉพาะในแถบเอเชียกลาง  บริเวณซานตุง  ประเทศจีน  ประเทศมองโกเลีย  และไซบีเรียเท่านั้น  ในประเทศไทยพบที่จังหวัดชัยภูมิในชั้นหิน  การค้นพบซากไดโนเสาร์ชนิดนี้เป็นการยืนยันว่า  เมื่อต้นยุคครีเทเชียส  แผ่นดินอินโดจีน เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ทวีปเอเชียแล้ว   กินรีมิมัส  (Kinnareemimus)          ไดโนเสาร์นกกระจอกเทศตัวแรกของไทย  พบที่  อ.ภูเวียง  จ.ขอนแก่น  วิ่งเร็ว  ปราดเปรียว  เป็นเทอโรพอด  (ไดโนเสาร์ที่เดิน  2  เท้า)  ที่ไม่มีฟัน  กินทั้งพืช และสัตว์เป็นอาหาร  ขนาดยาวประมาณ 1 - 2 เมตร   อีสานโนซอรัส  อรรถวิภัชน์ชี (Isanosaurus  attavipatchi)          ไดโนเสาร์กินพืชที่มีลักษณะเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา  เป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด  (ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่  เดิน  4  ขา  คอยาว  หางยาว)  พบที่  อ.หนองบัวแดง  จ.ชัยภูมิ  เมื่อปี  2541  เป็นไดโนเสาร์กินพืชคอยาว  อายุราว  210  ล้านปี  มีชีวิตอยู่ในยุคไทรแอสซิกตอนปลาย ประมาณ  209  ล้านปีมาแล้ว  ความยาว  13 – 15  เมตร  ชื่อชนิด  อรรถวิภัชน์ชิ  ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่  นายปรีชา  อรรถวิภัชน์  อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี   สเตโกซอรัส (Stegosaurus)          เป็น สายพันธุ์สเตโกซอริเตที่มีอายยุย้อนยุคไปไกลที่สุดในอดีต  คือ  140 –  152  ล้านปี  หรือยุคจูราสสิคตอนปลาย  พบกระดูกสันหลังที่ชั้นหินทรายสีเทา  ขุดพบที่  จ.กาฬสินธุ์  ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นของสเตโกซอรัส  เนื่องจากไดโนเสาร์ชนิดนี้มีกระดูกสันหลังใช้เป็นเกราะป้องกันตัว  หรือใช้สำหรับขู่คู่ต่อสู  เป็นลักษณะที่ต่างจากไดโนเสาร์ชนิดอื่นอย่างเห็นได้ชัด  ไดโนเสาร์ชนิดนี้ชอบกินพืช  เคลื่อนไหวเชื่องช้า       ที่มา : Science  in  action  (ปีที่  3  ฉบับที่  6  พ.ศ.  2550)  หน้า  10 – 11.


งานประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อศรีเทพ ประจำปี ๒๕๕๕จัดขึ้น ณ วันที่ ๒๕ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ (ขึ้น ๒ - ๓ ค่ำ เดือน ๓)  ณ บริเวณศาลเจ้าพ่อศรีเทพ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพพิธีเปิดภาคกลางคืน โดยนายคณีธิป บุณยเกตุ ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธาน พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อศรีเทพ นายจิรายุทธ  วัจนะรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธานกิจกรรมในงานประกอบด้วย การประกวดขนมจีน ข้าวต้มมัด ขบวนแห่และธิดาเจ้าพ่อศรีเทพ  โดย อบต.และเทศบาลต่างๆในพื้นที่อำเภอศรีเทพ การออกร้านของกิ่งกาชาดและร้านค้าอื่นๆ วงดนตรีลูกทุ่งของโรงเรียน การแสดงมหรสพ เช่น ลิเก ภาพยนตร์ หมอลำ สตริง และมวย



ถือเป็นอาคารจัดแสดงหลักของพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงหลักๆ อยู่จำนวน 2 ชั้น การจัดแสดงนิทรรศการในบริเวณชั้นล่าง เน้นการจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทพระพุทธรูปซึ่งมีทั้งสมัยทวารวดี ลพบุรี สุโขทัย และอยุธยา พระพุทธรูปชิ้นสำคัญคือ เศียรพระจากวัดธรรมิกราช ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างขึ้น ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาหรือในช่วงต้นของกรุงศรีอยุธยา และพระพุทธรูปศิลาขาว ขนาดใหญ่ ศิลปะสมัยทวารวดี ซึ่งเคยประดิษฐานอยู่ที่บริเวณฐานพระเจดีย์ วัดพระเมรุ (ร้าง) จังหวัดนครปฐม นอกจากนั้นยังจัดแสดงงานเครื่องไม้ต่างๆ เช่น บานประตูแกะสลักรูปเทวดา จากวัดพระศรีสรรเพชญ์ หน้าบันรูปนารายณ์ทรงครุฑ จากวัดแม่นางปลื้ม และครุฑโขนเรือ ซึ่งเป็นหัวเรือพระที่นั่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา การจัดแสดงนิทรรศการในบริเวณนี้เน้นโบราณวัตถุที่พบจากกรุวัดมหาธาตุ และกรุวัดราชบูรณะ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ทางฝั่งซ้ายมือหรือฝั่งทิศตะวันตกจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุจากวัดมหาธาตุ อยุธยา ซึ่งพบบรรจุอยู่ภายในผอบหินที่ฝังลึกลงไปในดินถึง 17 เมตร ส่วนห้องจัดแสดงทางฝั่งขวามือ หรือฝั่งทิศตะวันออกจัดแสดงโบราณวัตถุจากกรุวัดราชบูรณะ ซึ่งส่วนใหญ่ได้คืนจากการติดตาม จับกุมผู้ร้ายที่ลักลอบขุดกรุวัดราชบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2500 ประกอบด้วย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชูปโภคทองคำ เครื่องทรงถนิมพิมพาภรณ์ พระปรางค์ทองคำ พระเจดีย์ทองคำ เครื่องราชบรรณาการ และเครื่องอุทิศต่างๆ ในสมัยอยุธยาตอนต้น


***บรรณานุกรม***  กรมหลวงนรินทรเทวี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จดหมายเหตุความทรงจำ ของ กรมหลวงนรินทรเทวี พิมพ์พร้อมกับฉบับเพิ่มเติม (พ.ศ. 2310-2381) และ พระราชวิจารณ์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเฉพาะตอน พ.ศ. 2310-2363 พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต โปรดให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินีณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช2501 พระนคร  โรงพิมพ์พระจันทร์ 2501


วัดท่าแค ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี สิ่งสำคัญ : หอไตรประวัติและความสำคัญ : วัดท่าแค สร้างขึ้น พ.ศ. ๒๓๕๗ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลัง วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้ผูกพันธสีมา วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ หอไตร ลักษณะรูปแบบศิลปกรรม : หอพระไตรปิฎกวัดท่าแค เป็นอาคารไม้ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสชั้นเดียวสมัยรัตนโกสินทร์ ใต้ถุนยกสูงโล่ง หลังคาทำเป็นจัตุรมุขซ้อนลดหลั่นกัน ๓ ชั้น หน้าจั่วประดับไม้ฉลุรองรับหลังคา มุงด้วยกระเบื้องว่าว ปูนปั้นทับสันเป็นบางส่วน และหลังคาปีกนกเทลาดต่อเนื่องกันโดยตลอดประดับหลังคา ปั้นลม และเชิงชายด้วยเสาไม้กลึง และลายฉลุเครือเถา พื้นอาคารชั้นบนปูไม้กระดานตีชนตลอดแนว ฝาผนังห้องเก็บพระไตรปิฎกทำเป็นประตูบานเฟี้ยมตลอดแนว ส่วนล่างของบานประตูเป็นไม้แกะสลักภาพต้นไม้ กระถางแจกันดอกไม้และรูปสัตว์ ส่วนบนของบานประตูกรุด้วยกระจก ช่องลมทำฉลุไม้โดยรอบ ภายในห้องด้านทิศตะวันตกยกพื้น ทำเป็นตู้เก็บพระไตรปิฎก ประดับด้วยไม้แกะสลัก และกระจกสีที่ระเบียงด้านทิศตะวันออกทำเป็นช่องบันไดขึ้น - ลง ตัวอาคารประกอบด้วยเสาไม้กลมที่ระเบียงมีราวระเบียงและลูกกรงไม้โดยรอบ เสาระหว่างระเบียงประดับด้วยลวดลายไม้ฉลุ สภาพปัจจุบัน : โบราณสถานได้รับการบูรณะแล้ว เมื่อปีงบประมาณ ๒๕๖๒ "การขึ้นทะเบียน" ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๙๐ วันที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๓๕ ที่มาของข้อมูล : ทะเบียนโบราณสถานในเขตสำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี


รายงานการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๖–๙ กันยายน ๒๕๕๙   ๑. ชื่อโครงการ  การประชุมในโครงการเครือข่ายนานาชาติของกลุ่มบรรณารักษ์รุ่นใหม่ของห้องสมุด ในอาเซียน ครั้งที่ ๒ (the 2nd Convening of International Network of Emerging Library Innovator-Association of Southeast Asian Nations: INELI–ASEAN) ๒. วัตถุประสงค์  เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์การทำงานด้านห้องสมุดและ เพิ่มศักยภาพความเป็นผู้นำห้องสมุดของบรรณารักษ์รุ่นใหม่ในอาเซียน ๓. กำหนดเวลา  ระหว่างวันที่ ๖–๙ กันยายน ๒๕๕๙ ๔. สถานที่ ๑) หอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์                 ๒) Jurong Regional Library                 ๓) Library@Chinatown                 ๔) Library@Orchard ๕. หน่วยงานผู้จัด  หอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ ๖. หน่วยงานสนับสนุน - ๗. กิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้ วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๙ ๐๙.๔๐ น.   เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย สู่ท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ เที่ยวบิน SQ973 ๑๗.๐๐ น.   ร่วมนำชมหอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ งานเลี้ยงอาหารค่ำ ชมการแสดงวัฒนธรรมร่วมสมัยของสิงคโปร์ และกล่าวต้อนรับโดย Ms. Tay Ai Cheng, Deputy Chief Executive &  Chief Librarian National Library Board of Singapore ณ ห้องประชุม ชั้น ๑๖ หอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น.   ลงทะเบียน กล่าวเปิดการประชุมฯ โดย Ms. Blesila Velasco, Project Director,               INELI-ASEAN และชมเทปบันทึกการกล่าวต้อนรับโดย Ms. Deborah Jacobs, Director, Global Libraries, Bill and Melinda Gates Foundation ๐๙.๐๐ น.   เริ่มการประชุมฯ ประกอบด้วยกิจกรรมดังนี้               ๑) การทำแบบฝึกหัดออนไลน์โดยการเข้าเว็บไซด์ www.ineliasean.org               ๒) การแนะนำตัวของผู้เข้าร่วมประชุมฯ คนใหม่ จำนวน ๘ คน ดังนี้     ๒.๑) ผู้เข้าร่วมประชุม ประเภท Sponsors ได้แก่ Mr. Joao Fatima da Cruz, Director, National Library of Timor-Leste; Ms. Woro Titi Haryanti, Deputy Director,  National Library of Indonesia และ นางสาวเนาวรัตน์ ปัญญางาม บรรณารักษ์ชำนาญการ-พิเศษ กลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ สำนักหอสมุดแห่งชาติ     ๒.๒) ผู้เข้าร่วมประชุมประเภท Mentors ได้แก่ Ms. Marybel Caasi, Head Librarian College of Nursing, University of the Philippines     ๒.๓) ผู้เข้าร่วมประชุมประเภท Innovators ได้แก่ Mr. Hok Sothik, President, Cambodia Library Association; Mr. Americo Benigno Ximenes, Asst. Director, National Library of Timor-Leste and Mr. Francisco da Cruz, Librarian, National- Library of Timor-Leste     ๒.๔) ผู้เข้าร่วมประชุมประเภท Consultant ได้แก่ Prof. Rhea Rowena Apolinario, Asst. Prof., University of the Philippines                   ๓) การแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์ด้านการทำงานเป็นทีม ความเปลี่ยนแปลงหลังจากร่วมโครงการฯ จุดอ่อน จุดแข็ง และแรงบันดาลใจในอาชีพบรรณารักษ์ โดยผ่าน ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมวาดภาพมือบนกระดาษ โดยระบุความรู้สึกบนนิ้วต่าง ๆ ลงบนกระดาษ และกิจกรรมหมุนเข็มนาฬิกาเพื่อการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมโครงการท่านอื่น โดยวิทยากร Dr. Wilma Reyes, Ms. Elanor Bayten และ Ms. Xenia B. Romero               ๔) แนะนำโครงการพิเศษ ASEAN Public Libraries Information Network (APLiN) พร้อมประกาศรายชื่อคณะกรรมการ (Executive Board) จำนวน ๑๐ คน ดังนี้     ๔.๑) Dayangku Masdiana Pengiran Hj Damit   Brunei Darussalam    ๔.๒) Mao Kolap                                       Cambodia                    ๔.๓) Irhamni Ali                                       Indonesia           ๔.๔) Khanphathat Manotham                      Laos                  ๔.๕) Wan Mazli Wan Razali                        Malaysia                      ๔.๖) Aung Than Htut                                Myanmar           ๔.๗) Marween Terry Pascual                      Philippines     ๔.๘) ปุณณภา สุขสาคร                               Thailand             ๔.๙) Americo Benigno Ximenes                   Timor-Leste    ๔.๑๐) Tran My Dung                                Viet Nam              ในการนี้คณะผู้จัดโครงการพิเศษ APLiN แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าจะดำเนินการจัดการประชุมคณะกรรมการ (Executive Board) ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น   ๑๕.๓๐ น.   การศึกษาดูงาน Jurong Regional Library          ผู้จัดโครงการนำคณะผู้เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน ณ Jurong Regional Library ซึ่งตั้งอยู่เขตตะวันตกของสิงคโปร์ เป็นห้องสมุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวนห้องสมุดที่อยู่ภายใต้การดูแลของ National Library Board of Singapore มีพื้นที่ใช้งาน ๑๒,๐๐๐ ตารางเมตร   มีทั้งหมด ๔ ชั้น และ หนึ่งชั้นใต้ดิน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นอยู่ในช่วงวัยรุ่น ให้บริการหนังสือหลากหลายที่ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยห้องสมุดได้จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะ เรียกว่า “Verging All Teen” หรือ V.A.T. ซึ่งห้องสมุดเปิดโอกาสให้ผู้อ่านและอาสาสมัครที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นสามารถสร้างสรรค์และออกแบบพื้นที่ให้บริการในห้องสมุดด้วยตนเอง โดยมีบรรณารักษ์ของห้องสมุดเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลให้คำแนะนำ นอกจากนี้ห้องสมุดได้มีบริการมุมสำหรับเด็ก (Early Literacy Library) เพื่อส่งเสริมการอ่านและพัฒนาการของเด็กในกลุ่มผู้ใช้เด็กเล็กอายุ ๓ -๖ ปี   วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น.   การบรรยายทางวิชาการโดย Mentors จำนวน ๕ คน ได้แก่               ๑) Ms. Clara Bessa da Costa, Deputy Chief Librarian, Senate Digital Library               ๒) Ms. Maryble Caasi, Head Librarian, College of Nursing, University of the Philippines                             ๓) Ms. Ngian Lek Choh, Consultant, National Library Board of Singapore (NLB)               ๔) Ms. Ramkali Kasiram Rabilall, District Manager, eThekwini Municipal Libraries               ๕) Ms. Rashidah Binti Bolhassan, Chief Executive Director, Sarawak State Library ๐๙.๑๐ น. การบรรยายทางวิชาการโดย วิทยากร จำนวน ๓ คน ได้แก่ ๑) Ms. Amarjeet Kaur Gill, Former Director, Libraries of the Future National Library Board of Singapore หัวข้อ “Collaboration and partnerships: A strategy    to develop resource rich libraries of the future” ๒) Ms. Chin Loy Jyoon, Deputy Director, the National Library of Malaysia     หัวข้อ “Public libraries collaboration and partnerships in Southeast Asia:        Best practices” ๓) Dr. Melinda Bandalaria, Learning Facilitator, INLELI-ASEAN หัวข้อ “Working together virtually learning portal/issues and concerns” ๑๓.๐๐ น. การประชุมกลุ่มย่อย (Modified unconference) เป็นแสดงความคิดเห็นด้านวิชาการของ   ทุกคนในบริบทของห้องสมุดหรืองานของตนเอง ภายใต้ ๓ หัวข้อ ได้แก่ Integration Partnership และ Collaboration ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเลือกเข้ากลุ่มย่อยหัวข้อที่ตนเอง   มีความสนใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เช่น ด้านการบูรณาการ (Integration) เป็นการเสนอประเด็นด้านการเพิ่มขีดความสามารถในวิชาชีพบรรณารักษ์หรือเพิ่มสมรรถนะของบรรณารักษ์ในอาเซียนให้มีมาตรฐานเดียวกัน และพัฒนาสู่มาตรฐานสากล ทั้งนี้ วิชาชีพบรรณารักษ์จะเป็นอาชีพที่มั่นคงและสามารถสร้างความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนความรู้ และฝึกงานในห้องสมุดต่าง ๆ ได้ทั้งประเทศในอาเซียนและทั่วโลกต่อไป   ๑๔.๓๐ น.   การศึกษาดูงาน Library@Chinatown         ผู้เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน ณ Library@Chinatown ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้างสรรพสินค้า ในย่านไชน่าทาวน์ ห้องสมุดแห่งนี้เป็นห้องสมุดแรกที่การร่วมดำเนินงานโดยอาสาสมัครของเมือง ซึ่งมีหน้าที่ทำความสะอาดหนังสือที่รับจากเครื่องคืนหนังสืออัตโนมัติแล้วนำขึ้นชั้น และให้ผู้ใช้บริการตนเอง หากมีข้อซักถามผู้ใช้สามารถสอบถามบรรณารักษ์ (Cybrarian Kiosk) ผ่านระบบทางไกล ห้องสมุดมีเนื้อที่ใช้ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร บนชั้น ๓ ของตึกในย่านไชน่าทาวน์   การออกแบบตกแต่งห้องสมุดเป็นศิลปะแบบจีนประยุกต์ ให้บริการทรัพยากรสารสนเทศหนังสือเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับศิลปะ วรรณกรรม ดนตรี วัฒนธรรม และประเพณีของจีน นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว และกวางตุ้งให้บริการอีกด้วย ๑๕.๓๐ น.   การศึกษาดูงาน Library@Orchard         ผู้เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน ณ Library@Orchard  ซึ่งเป็นอีกห้องสมุดหนึ่งที่ตั้งอยู่   ใจกลางห้างสรรพสินค้าที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย มีทรัพยากร-สารสนเทศให้บริการจำนวนมากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ชื่อเรื่อง ส่วนใหญ่เน้นไปที่เรื่องไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) การออกแบบ (Design) และศิลปะประยุกต์ (Applied art) โดยแบ่งหนังสือเป็นหมวดใหญ่ๆ คือ People, Space, Product  และ Visual Design ห้องสมุดแห่งนี้ให้บริการด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยและเป็นห้องสมุดแห่งแรกที่ให้บริการจองหนังสือออนไลน์ โดยผู้ใช้สามารถจองหนังสือผ่านทางออนไลน์และรับที่ล็อคเกอร์ของห้องสมุดด้วยตัวเอง   วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๙ ๐๙.๐๐ น.   การนำเสนอโครงการกลุ่มย่อย ๕ กลุ่ม ประกอบด้วย               กลุ่มที่ ๑ ชื่อโครงการ “Online ASEAN Children Book”               กลุ่มที่ ๒ ชื่อโครงการ “More than Books: Reinventing Century Lamp Library Spaces as Valued Community Asset in Myanmar”               กลุ่มที่ ๓ ชื่อโครงการ “Demonstrating Library Impact” มีนายประสิทธิชัย เลิศรัตนเคหกาล  ตัวแทนประเทศไทยเป็นสมาชิกกลุ่ม               กลุ่มที่ ๔ ชื่อโครงการ “ASEAN Library Portal: An Assessment of Library Advocacy   Practices for Regional Cooperation” มีนางสาวปุณณภา สุขสาคร ตัวแทนประเทศไทย   เป็นหัวหน้ากลุ่ม               กลุ่มที่ ๕ ชื่อโครงการ “Library Must Create High-Impact Partnership That Best Leverage Community Resources” มีนางสาวลินดา พืชสี ตัวแทนประเทศไทยเป็นสมาชิกกลุ่ม   ๑๑.๐๐ น.   การประกาศรางวัลดีเด่นประเภทกลุ่มและบุคคล ดังนี้               ๑) รางวัลกลุ่มดีเด่น ได้แก่ กลุ่มที่ ๓ ชื่อกลุ่ม Emergent Library มีนายนายประสิทธิชัย เลิศรัตนเคหกาล เป็นสมาชิกกลุ่มและสมาชิกในกลุ่ม รวม ๙ คน               ๒) รางวัลกลุ่มโครงการดีเด่น ได้แก่ กลุ่มที่ ๔ ชื่อโครงการ “ASEAN Library Portal: An Assessment of Library Advocacy Practices for Regional Cooperation”  มีนางสาวปุณณภา สุขสาคร เป็นหัวหน้ากลุ่มและสมาชิกในกลุ่ม รวม ๘ คน               ๓) รางวัลบุคคลที่มีเวลาเข้าเรียนแบบออนไลน์มากกว่า ๘๐% ได้แก่ ตัวแทนจากประเทศ               ฟิลิปปินส์จำนวน ๓ คน มาเลเซีย จำนวน ๒ คน บรูไนดารุสซาลามและเมียนมา จำนวน ๒ คน ๑๓.๐๐ น.   พิธีรับธงการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมครั้งที่ ๓ ณ หอสมุดแห่งชาติเวียดนาม เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ๑๓.๓๐ น.   กล่าวปิดการประชุม โดย Ms. Melody Madrid, Assistant Project Director, INELI-ASEAN ๑๔.๐๐ น.   ปิดการประชุม ๑๘.๐๐ น.   เดินทางจากท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัด สมุทรปราการ ประเทศไทย เที่ยวบิน SQ978   ๘. คณะผู้แทนไทย               ๑)  นางสาวเนาวรัตน์ ปัญญางาม  บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ สำนักหอสมุดแห่งชาติ หัวหน้าคณะผู้แทนไทย               ๒)  นายประสิทธิชัย เลิศรัตนเคหกาล บรรณารักษ์ชำนาญการ กลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ  สำนักหอสมุดแห่งชาติ               ๓)  นางสาวปุณณภา สุขสาคร บรรณารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มวิจัยและพัฒนาห้องสมุด สำนักหอสมุดแห่งชาติ               ๔)  นางสาวลินดา พืชสี บรรณารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มวิจัยและพัฒนาห้องสมุด สำนักหอสมุดแห่งชาติ           ๙. สรุปสาระของกิจกรรม               การเดินทางไปราชการ ณ ประเทศสิงคโปร์ในการประชุมในโครงการเครือข่ายนานาชาติของกลุ่มบรรณารักษ์รุ่นใหม่ของห้องสมุดในอาเซียน ครั้งที่ ๒ (the 2nd Convening of International Network of Emerging Library Innovator-Association of Southeast Asian Nations: INELI–ASEAN) ในครั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้รับความรู้จากการประชุมและความร่วมมือเป็นอย่างดี และได้ร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์หลายกิจกรรมซึ่งได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ และความรู้ที่หลากหลายในด้านการบริหารจัดการห้องสมุด การทำงานเป็นทีม การคิดวิเคราะห์อย่างเป็นกระบวนการ และการพัฒนาตัวเองให้มีความเป็นผู้นำด้านห้องสมุดของตนเองต่อไป   ๑๐. ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรม             การประชุมในโครงการฯ ครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ได้รับความรู้และประสบการณ์ใหม่ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการประชุมหรือการจัดโครงการของหน่วยงาน เช่น กิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง เป็นการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่ทันสมัยและเกี่ยวข้องในสายวิชาชีพ ซึ่งทำให้เปิดมุมมองและรับความรู้เพิ่มเติมได้ยิ่งขึ้น นอกจากนี้การเข้าร่วมประชุมในโครงการนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านห้องสมุดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น                                                                                                                       นางสาวปุณณภา สุขสาคร                                                             บรรณารักษ์ปฏิบัติการ                                                                  ผู้สรุปรายงาน                                                                                                      นางสาวเนาวรัตน์ ปัญญางาม                                                           บรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษ                                                                   ผู้ตรวจรายงาน


black ribbon.