ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,761 รายการ

(๕ พฤศจิกายน) เป็นวันคล้ายวันพิราลัยในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ (พระนามเดิม เจ้าน้อยจักรคำ ณ ลำพูน) เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย ทางเพจเราจึงขอหยิบยกเกร็ดประวัติเจ้านายท่านนี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งว่ากันตามการรับรู้ถึงพระประวัติของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ นอกจากจะสืบวงศ์มาแต่เชื้อเจ้าเจ็ดตนในราชวงศ์ทิพย์จักรแล้ว ท่านยังสืบพงศาวลีได้ถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มีเชื้อสายในราชวงศ์จักรี คือเป็นหลานตาทวดของเจ้านายสายสกุลอิศรเสนา ณ อยุธยา อีกด้วย สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าจักรคำขจรศักดิ์กับราชสำนักสยาม อาจกล่าวได้ว่าท่านเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือที่มีความผูกพันทางสายเลือดกับราชวงศ์จักรี คือมีมารดาเป็นหม่อมราชวงศ์ในสายวังหน้า (แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี) ผู้สืบเชื้อสายจาก “พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพงษ์อิศเรศร์ กรมหมื่นกษัตริย์ศรีศักดิเดช” พระราชโอรสในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาสำลี (พระธิดาในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) ทั้งนี้ เสด็จในกรมหมื่นกษัตริย์ศรีศักดิเดช ยังถือเป็นเจ้านายวังหน้าพระองค์สำคัญ ถึงที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า “ควรตำแหน่งเจ้าฟ้าในพระบวรราชวัง” (ราชสกุลวงศ์ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, หน้า ๑๑๗) อนึ่ง เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ อรรคสัตยาทิคุณ หริภุญไชยรัษฎาธิวาส ประชาราษฎร์บริบาล ธาตุเจติยสถานบูชากร ลำพูนนครเชษฐกุลวงษ์ จำนงภักดีนราธิปก เอกัจโยนกชนาธิบดี เจ้าผู้ครองนครลำพูน พระองค์ที่ ๑๐ ยังถือเป็นเจ้าหัวเมืองประเทศราชที่ดำรงพระชนม์ชีพเป็นองค์สุดท้าย (พิราลัยเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๖) ภายหลังการยกเลิกตำแหน่งเจ้าหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ท้ายที่สุดแอดมินขอปิดท้ายด้วยพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะหริภุญชัย เพียงหนึ่งเดียวในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่มีลักษณะเด่น คือ มีเม็ดพระศกแหลม พระพักตร์สี่เหลี่ยม พระขนงยาวจรดกันเป็นรูปปีกกา ชายสังฆาฏิตัดตรงยาวจรดพระนาภี ฐานด้านหน้ามีจารึกเป็นอักษรมอญโบราณ โดยสมุดทะเบียนระบุอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ภาพที่ ๑ เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ภาพที่ ๒ พระพุทธรูปปางมารวิชัย (หน้า) ภาพที่ ๓ พระพุทธรูปปางมารวิชัย (หลัง) ภาพที่ ๔ จารึกอักษรมอญ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ Post by Admin Sarun / Photo by Nai9Kob




             นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรมศิลปากร โดยสำนักสังคีตได้จัดการแสดงละครเรื่อง เลือดสุพรรณ ระหว่างวันที่ 6 และ 7 กรกฎาคม 2567 ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นการนำกลับมาจัดแสดงใหม่ในรอบ 20 ปี ปรากฏว่าบัตรเข้าชมการแสดง จำนวน 800 ที่นั่ง ถูกจองเต็มทุกที่นั่งทั้ง 2 รอบ แสดงถึงการตอบรับจากประชาชนที่ต้องการชื่นชมนาฏดุริยางคศิลป์อันเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ มั่นใจการแสดงในครั้งนี้จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างแน่นอน               ทั้งนี้ รมว. สุดาวรรณ ได้มอบนโยบายด้านการบริหารจัดการโรงละครแห่งชาติแก่กรมศิลปากร ในช่วงที่โรงละครแห่งชาติ กรุงเทพฯ ปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ไปจนถึงปลายปี 2568 ให้กรมศิลปากรจัดการแสดงสังคีตสัญจร  นำศิลปินของสำนักการสังคีตไปจัดการแสดงนอกสถานที่ โดยเฉพาะโบราณสถานสำคัญให้ครบทั้งสี่ภูมิภาคภายในหนึ่งปี สำหรับโรงละครแห่งชาติในภูมิภาคสองแห่ง ได้แก่  ขอให้มีการวางแผนจัดการแสดงที่น่าสนใจและหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแสดงโขน ละคร ดนตรีไทย และดนตรีสากล โดยมีการจัดแสดงตลอดทั้งปี และอยากให้วิทยาลัยนาฏศิลป์ในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแสดงกับทางสำนักการสังคีต กรมศิลปากร รวมทั้งเปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอกใช้สถานที่จัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์จากโรงละครแห่งชาติภูมิภาคอย่างคุ้มค่า และเป็นการสร้างความสุขให้กับแฟนละครของกรมศิลปากร ทั้งนี้ จากความสำเร็จของละครเรื่อง เลือดสุพรรณ จึงได้มอบให้กรมศิลปากรจัดการแสดงละครสดุดีวีรสตรี “ท้าวสุรนารี” ในเดือนตุลาคมนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 197 ปีแห่งการสถาปนาตำแหน่งท้าวสุรนารี โดยร่วมมือกับทางจังหวัดนครราชสีมาต่อไป คาดว่าจะเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของกรมศิลปากร ภาพ : การแสดงละครเรื่อง เลือดสุพรรณ ที่จะจัดขึ้นวันที่ 6 - 7 กรกฎาคม 2567 ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรีภาพ : โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก สุพรรณบุรี ภาพ : โรงละครแห่งชาติภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมาภาพ : การแสดงโขน ณ โบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยาภาพ : การแสดงระบำศรีเทพ ณ โบราณสถานเขาคลังนอก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์





            สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญชวนผู้ชื่นชอบงานอาร์ตทอย ร่วมลุ้นสุ่มกาชาปองชุดพิเศษ “ร้อยพิพิธ”จัดทำโดย มือกระบี่ มาในธีม Cabinet of Curiosity เฉลิมฉลอง 150 ปี กิจการพิพิธภัณฑ์ไทย มีทั้งหมด 9 แบบ พร้อมการ์ด วันละ 120 จุ่ม ราคาจุ่มละ 100 บาท เท่านั้น หากท่านใดจุ่มถึง 9 ตัว แบบใดก็ได้ สามารถแลกซื้อกล่องมินิมิวเซียม ในราคา 299 บาท แต่ถ้าแยกซื้อต่างหาก จำหน่ายในราคา 399 บาท เริ่มจุ่มเวลา 10.00 น. ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วันที่ 19 - 21 กันยายน 2567 และบริเวณด้านหน้ามิวเซียมชอป วันที่ 22 กันยายน 2567


วัดบางทีง           วัดบางทีง ตั้งอยู่ที่ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๓ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาใน พ.ศ. ๒๔๔๔  การสร้างวัดบางทีงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าริมคลองบางทีงและคลองบางกล่ำเป็นชุมชนชาวพุทธที่มีมานานตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ศิลปกรรมโบราณภายในวัดบางทีงที่หลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ อุโบสถ เจดีย์ กุฏิ หอระฆัง และหอพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งแสดงรูปแบบศิลปกรรมพื้นถิ่นภาคใต้ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ โดยในปีพ.ศ. ๒๕๕๖ กรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะวัดบางทีง           กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดบางทีง ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๓๐๙ ง วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ Wat Bang Thing           Built in 1780, Wat Bang Thing is located in Bang Riang Subdistrict, Khuan Niang District, Songkhla Province. It was officially registered as a temple in 1901. It is among the oldest temples situated by the banks of Khlong Bang Thing and Khlong Bang Klam, reflecting Buddhist practices of old settlements that have been around in the area since the early Ratthanakosin period.           The remaining significant structures within the precinct of Wat Bang Thing are the ordination hall, the stupa, the monks’ residence, the bell tower, and the shrine of the Buddha’s footprint, which represent the local art style of southern Thailand and are worth preserving.In 2013, the restoration work of Wat Bang Thing was conducted by the 11th Regional Office of Fine Arts, Songkhla, the Fine Arts Department, Ministry of Culture.           The Fine Arts Department announced the registration of Wat Bang Thing as a national monument in the Government Gazette, Volume 135, Special Part 309, dated December 4, 2018.   


ชื่อเรื่อง : ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง หัวเรื่อง : ศิลาจารึก              ศิลาจารึกภาษาไทย คำค้น : ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง รายละเอียด : ปรับปรุงจากปาฐกถาของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แสดงที่สมาคมครูโรงเรียนราษฎร์ ณ หอปรระชุมคุรุสภา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2508 ผู้แต่ง : เสนีย์ ปราโมช, ม.ร.ว.                 แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : ศรีมิตรการพิมพ์ ปีที่พิมพ์ : 2517 วันที่เผยแพร่ : 30 มกราคม 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ : - รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : ปาฐกถาว่าด้วยเรื่องศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง โดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และเนื้อหาที่ถ่ายทอดจากหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงทั้ง 4 ด้าน เลขทะเบียน : น. 32 บ. 4720 จบ. เลขหมู่ : 495.9117709            ศ537ศส


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       82/2หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               54 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลานฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา 





ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ.                       138/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               76 หน้า กว้าง 5.3 ซม. ยาว 55.3 ซม.หัวเรื่อง                     พระอภิธรรมปิฎก                              พระปุคคลบัญญัติบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน  ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.