ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 34,643 รายการ




ดุษฎี  บริพัตร ณ อยุธยา, หม่อม.  นกกระจาบ. มปท: มปพ, 2505.           เป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับนกกระจาบตายแล้วไปเกิดเป็นมนุษย์ ชื่อว่า สรรพสิทธิ์ และนางสุวรรณเกสร ซึ่งสรรพสิทธิ์เป็นลูกชายเศรษฐีชื่อโกณฑัญญะ มีภรรยาชื่อนางเขมา  สรรพสิทธิ์เดินทางไปพร้อมพี่เลี้ยงเรียนวิชาการรบทั้งถอดหัวใจและเรื่องการรบ ที่เมืองตักกสิลา  ฝ่ายในเมืองพาราณสีนี้ท้าวพรหมทัตมีธิดาชื่อสุวรรณเกสร ซึ่งเป็นนกกระจาบมาเกิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะจะอาเจียน  ท้าวพรหมทัตจึงให้ประทับในประสาทที่ไกลจากชายทั้งมวล และได้ป่าวประกาศให้บุตรชายของท้าวพระยาทั้งหลายมาพูดกับบุตรี  ถ้าผู้ใดทำให้นางพูดด้วยได้ก็จะยกตำแหน่งอุปราชให้ ซึ่งสรรพสิทธิ์ก็คิดวิธีการพูดคุยด้วยการเล่านิทาน  เมื่อไปถึงสรรพสิทธิ์ก็ทักทายบานประตูว่าจะมาเล่านิทานให้ฟัง และได้เล่านิทาน 4 เรื่อง ดังนี้ เรื่องที่ 1  สรรพสิทธิ์ถอดใจพี่เลี้ยงไว้ที่ประตˆ เล่าว่ามีชายหนุ่ม 4 คน มีวิชาที่เล่าเรียนกันมาคนละอย่าง วันหนึ่งเข้าไปเที่ยวในป่าและได้ถามหมอดูว่า หมอดูบอกว่าพวกเขาจะมีลาภมาหาด้วยนกอินทรีจะคาบหญิงสาวผ่านมาชายแม่นธนูยิงถูกนกนกตกใจก็ปล่อยให้หญิงสาวตกลงไปในน้ำและสิ้นชีวิตไป ชายที่มีวิชาก็ชุบให้นางฟื้นคืนชีพขึ้นมา สรรพสิทธิ์จึงถามว่าหญิงสาวควรเป็นของใคร ประตูตอบว่า หญิงสาวต้องตกเป็นของหมอดูสิ นางสุวรรณเกสรไม่เห็นด้วยในคำตอบจึงพูดว่า “ควรเป็นของของชายประดาน้ำ” เมื่อทราบว่านางสุวรรณเกสรพูดออกมาท้าวพรหมทัตก็คิดว่าสรรพสิทธิ์และนางสุวรรณเกสรคงเป็นเนื้อคู่กัน เรื่องที่ 2 สรรพสิทธิ์ได้ถอดหัวใจเข้าไว้ในตะเกียง  และเล่านิทานว่ามีชายหนุ่มสี่คน วันหนึ่งชายคนที่หนึ่งตกแต่งแผ่นไม้ ชายคนที่แกะสลักรูปผู้หญิง คนที่สามชุบรูปผู้หญิงให้มีชีวิตขึ้น ชายคนที่สี่เอาผ้ามาห่อหุ้มให้ สรรพสิทธิ์ก็ถามตะเกียงว่าใครควรได้นางไว้เป็นคู่ ซึ่งนางสุวรรณเกสรไม่เห็นด้วย เมื่อพนักงานดนตรีได้ยินก็ประโคมดนตรี ท้าวพรหมทัตก็ปลาบปลื้มยิ่งนัก เรื่องที่ 3 สรรพสิทธิ์ก็ถอดหัวใจพี่เลี้ยงไว้ที่พานพระศรี และเริ่มเล่านิทานให้พานพระศรีฟัง เริ่มว่าครั้งหนึ่งมีนายโจรดุร้ายเก่งกล้าอยู่คนหนึ่ง  เที่ยวปล้นสะดมเก็บหออมรอบริบทรัพย์ไว้มากและลักเด็กผู้หญิงไปเลี้ยงไว้ในถ้ำ เมื่อนางไม่สบายก็เดินทางไปหาหญิงชาที่เป็นหมอนวดไปรักษากระทั่งหายแต่โจรขอร้องให้ยายอยู่ต่อ วันหนึ่งยายหนีออกจากถ้ำและเล่าเรื่องที่หายตัวแก่ชายหนุ่มและบอกให้เดินตามทางแนวผักที่งอกขึ้นมา ชายหนุ่มก็เดินไปยังถ้ำ และพบรักกับหญิงสาวในถ้ำกระทั่งตั้งครรภ์ ฝ่ายโจรเมื่อจับได้ก็คิดจะจับชู้รักลูกสาว ในขณะนั้นมีชายหนุ่มคายเมียซ่อนไว้ในพุ่มไม้แล้วลงเล่นน้ำ ฝ่ายภริยาก็คายชายชู้ที่อมไว้ออกจากปากแล้วก็รักใคร่สมสู่กัน  เมื่อขึ้นจากน้ำก็เอาเมียอมในปากตามเดิม  ฝ่ายโจรก็รู้สึกสงสารแล้วชวนมากินข้าวที่บ้าน ต่อจากนั้นด้วยความเสียใจก็กระโดดหน้าผาตายไปด้วยความเสียใจและความผิดที่เกิด ฝ่ายยายเฒ่าหมอนวดเมื่อรู้ก็เสียใจว่าเป็นต้นเหตุในคราวนี้ สรรพสิทธิ์ก็ถามพี่พานศรีว่าเป็นความผิดของผู้ใด พานตอบวาชายหนุ่มที่รักกักลูกสาวโจร  แต่นางสุวรรณเกสรกลับตอบมาว่าเป็นความผิดของยายหมอ เมื่อพนักงานดนตรีได้ฟังก็ประโคมดนตรีขึ้นเป็นครั้งที่สาม           เรื่องที่ 4  คราวนี้สรรพสิทธิ์ถอดดวงใจไปไว้ที่ม่านทอง พลางชวนคุย และเล่าว่ามีสาวพรหมจารี 4 คน ท่องเที่ยวแสวงหาสามี เมื่อชายหนุ่มจะไปหา นางจะตอบเป็นปริศนา คนที่หนึ่งที่ที่เต้านม คนที่สองดึงผม คนที่สามชี้คาง คนที่สี่บอกตลาดจอแจ  ชายทั้งสี่ก็เดินหาบ้านก็ไม่พบ คนโทษเห็นก็คิดจะช่วยแต่ต้องขอน้ำมาให้กินก่อน


ชื่อเรื่อง                    สพ.ส.19 คดีความประเภทวัสดุ/มีเดีย      สมุดไทยดำISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                  จดหมายเหตุลักษณะวัสดุ              31; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง                    จดหมายเหตุ           ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก                   ประวัติวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่  อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 16 ส.ค.2538 


          แหล่งเรือจมบางกะไชย ๒ เป็นแหล่งเรือจมสำเภาโบราณในสมัยอยุธยา ที่กองโบราณคดีใต้น้ำในดำเนินการขุดค้นศึกษามาอย่างต่อเนื่องถึง ๕ ครั้ง (ปีงบประมาณ ๒๕๓๗, ๒๕๔๒, ๒๕๔๓, ๒๕๔๔ และ ๒๕๔๕) ทั้งยังพบหลักฐานโบราณวัตถุสำคัญมากมายหลากหลายประเภท กองโบราณคดีใต้น้ำจึงขอนำเสนอความรู้จากหลักฐานสำคัญประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเรือ ซึ่งก็คือ สมอไม้ ของเรือบางกะไชย ๒ ที่มาของข้อมูล : กองโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร https://www.facebook.com/100069197290106/posts/291975493119025/?d=n


 วัดโพธิ์ศิลา บ้านเปือย หมู่ที่ ๖ ตำบลเปือย อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ มีลักษณะเป็นเนินดินสูง สภาพปัจจุบันปูพื้นด้วยศิลาแลง มีบันไดทางขึ้นเนินอยู่ด้านทิศตะวันตก ส่วนรอบเนินอีกสามด้าน  มีขอบกั้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ถัดลงไปเป็นเขื่อนหินกั้นดินสไลด์ และได้มีการนำใบเสมามาปักเรียงใหม่เป็น ๒ แถว อยู่บนพื้นที่ปูด้วยศิลาแลง รวมจำนวน ๑๖ ใบ สลักจากหินทราย มีขนาดใหญ่ ที่ฐานสลักเป็นกลีบบัวคว่ำ-บัวหงาย ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพชำรุด แตก หัก มี ๒ ใบ ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ใบเสมาวัดโพธิ์ศิลากำหนดอายุอยู่สมัยประวัติศาสตร์ตอนต้นในวัฒนธรรมทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๕           เสมาใบที่ ๑ สลักลวดลายกลีบบัวคว่ำ บัวหงาย รองรับสันนูนตรงกลางคล้ายสถูปยอดเรียวชะลูดจนสุดปลายใบ อีกด้านสลักลวดลายคล้ายกันมีหม้อปูรณฆฏะ(หม้อน้ำ)ที่ส่วนยอด ซึ่งมีการแตกหักหายไปบางส่วน             เสมาใบที่ ๒ สลักลวดลายหม้อปูรณฆฏะ(หม้อน้ำ)รองรับสันนูนตรงกลางคล้ายสถูปยอดเรียวชะลูดจนสุดปลายใบ อีกด้านสลักคล้ายกันมีฐานบัวสลักลายรูปธรรมจักรแทรกที่ส่วนยอด สภาพยอดแตก บิ่นเล็กน้อย  ใบเสมาวัดโพธิ์ศิลา กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๑๙ ตอนพิเศษ ๑๓๑ ง หน้า ๒ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๕ มีพื้นที่โบราณสถานประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน ------------------------------------------------ อ้างอิงจาก - คันฉาย มีระหงส์. รายงานผลการตรวจสอบโบราณสถานวัดโพธิ์ศิลา. (เอกสารอัดสำเนา), กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี, ๒๕๖๑. - สิริพัฒน์  บุญใหญ่ และคณะ. รายงานการสำรวจแหล่งโบราณคดี โบราณสถาน ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ. สำนักศิลปากรที่ ๑๑ อุบลราชธานี, ๒๕๕๙, หน้า ๑๒๗.    ------------------------------------------------ ที่มาของข้อมูล : สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02Mp6rqU38t8gXiegT72DkRjdPouNWB9AWdZ8NZRuv7zcnd142sR11HNk1aFXmDCJwl&id=835594323191791


          กรมศิลปากร ขอเชิญร่วมกิจกรรมเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย พุทธศักราช ๒๕๖๕ Museum Talk “พลังพิพิธภัณฑ์ สร้างสรรค์ไทย: The Power of Thai Museums” พร้อมเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม ในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร            ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ ๑๙ กันยายน ของทุกปี เป็นวันพิพิธภัณฑ์ไทย กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ไทยขอเชิญร่วมรับฟัง Museum Talk “พลังพิพิธภัณฑ์ สร้างสรรค์ไทย: The Power of Thai Museums” กับมุมมองหลากหลายและประสบการณ์จากเครือข่ายพิพิธภัณฑ์กรมศิลปากร ที่จะมาเป็นแรงพลังให้พิพิธภัณฑ์ไทยอีกมากมาย ก้าวเดินต่อไปพร้อมกับสังคมโลกอย่างมั่นคง ในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น เป็นต้นไป และถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube และ Facebook : Office of National Museums, Thailand ประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษ เรื่อง พิพิธภัณฑ์กับการอนุรักษ์มรดกไทย โดยอธิบดีกรมศิลปากร การบรรยายพิเศษ “A New Museum Definition: ICOM Prague 2022” โดยนางสมลักษณ์ เจริญพจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ (SPAFA) และการบรรยายใน ๓ หัวข้อ ได้แก่           "The Power of Achieving Sustainability" เรื่อง การเพิ่มคุณค่าสู่การสร้างมูลค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยพระปลัดประพจน์ สุปภาโต เจ้าอาวาสวัดสำโรง พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดสำโรง จังหวัดนครปฐม เรื่อง พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน การอนุรักษ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยนายเอิบเปรม วัชรางกูร ที่ปรึกษาด้านโบราณคดี มูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เรื่อง พิพิธภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความหลากหลายและความยั่งยืนทางวัฒนธรรม โดย ผศ.ดร.พรู คูศรีพิทักษ์ วิวิธชาติพันธุ์ พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาวัฒนธรรม สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล            “The Power of Innovating on Digitalisation and Accessibility" เรื่อง การปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์: นิทรรศการหมุนเวียนเล่าเรื่องอาคารกับวันวานรอบพิพิธภัณฑ์และการเริ่มต้นเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลพระปกเกล้าศึกษา โดยนางกาญจนา ศรีปัดถา ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง E-BOOK ใน QR CODE โดย นาวาเอก ไพรัช สมุทรสินธุ์ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ กองประวัติศาสตร์ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ กองทัพเรือ เรื่อง การบริหารพิพิธภัณฑ์ในยุคดิจิทัล โดยนางสาวสำเภาว์ งามเชย รองผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) เรื่อง พิพิธภัณฑ์กับการสื่อสารร่วมสมัย โดยนายชนะภพ วัณณโอฬาร ภัณฑารักษ์ สำนักศิลปและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา            “The Power of Community Building Through Education” เรื่อง พิพิธภัณฑ์ในสังกัดกองส่งเสริมและพัฒนาทรัพย์สินมีค่าของรัฐ และการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยนายชลทิตย์ ไชยจันทร์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาทรัพย์สินมีค่าของรัฐ กรมธนารักษ์ เรื่อง งานวิจัยพื้นที่สามวัยโดยบริบทของนิทรรศการ และกิจกรรมในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เป็นฐาน โดยนางสาววิลาสินี ไตรยราช ผู้อำนวยการกองวิจัยและบริการวิชาการ ศูนย์พัฒนาความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เรื่อง ความรู้เรื่องที่ดินกับชุมชนผ่านวัตถุจัดแสดง โดยนายชัยวัฒน์ ไชยประเสริฐ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑ์กรมที่ดิน เรื่อง พิพิธภัณฑ์รัฐสภา: MUSEUM FOR ALL โดยนายเชษฐา ทองยิ่ง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง มิวเซียมสยามและชุมชนท่าเตียน โดยนายทวีศักดิ์ วรฤทธิ์เรืองอุไร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและกิจกรรม มิวเซียมสยาม สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ          ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษ งดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม โดยสามารถเข้าชมการจัดแสดงนิทรรศการได้ทุกห้องจัดแสดง  อาทิ นิทรรศการพิเศษ เรื่อง “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย: สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน การจัดแสดงนิทรรศการถาวร ประณีตศิลป์สยาม ณ หมู่พระวิมาน พระราชวังบวรสถานมงคล การจัดแสดงนิทรรศการถาวร ประวัติศาสตร์และโบราณคดี อาคารมหาสุรสิงหนาท และอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร           นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนำผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย : สานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในวันจันทร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. บรรยายนำชมโดยวิทยากรจากทีมงานผู้จัดนิทรรศการฯ ทั้งนักโบราณคดี ภัณฑารักษ์และนักวิชาการอิสระ และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถเข้าชมและฟังการบรรยายได้อย่างทั่วถึง จึงจัดการเข้าชมเป็นสองรอบคือ รอบแรกเวลา ๑๓.๓๐ น. (ลงทะเบียน เวลา ๑๓.๐๐ น.) และรอบที่สองเวลา ๑๔.๔๕ น. (ลงทะเบียนเวลา ๑๔.๐๐ น.) รอบละ ๓๐ คนเท่านั้น ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่หน้าห้องประชุม อาคารดำรงราชานุภาพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ และ ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓ เวลา ๐๘.๓๐ น. – ๑๖.๓๐ น. วันพุธ - วันอาทิตย์ สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ทางผู้จัดฯ มีของที่ระลึกแจกสำหรับผู้ที่แต่งกายเข้ากับบรรยากาศของนิทรรศการพิเศษ 


อาสาฬหบูชา “การบูชาในเดือน ๘”       หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๘ เพื่อรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นการพิเศษ เนื่องในวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ทำให้เกิดมีปฐมสาวก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ และเกิดสังฆรัตนะคำรบพระรัตนตรัย       ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?        ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์เอกสารอ้างอิงพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต เข้าถึงได้โดย https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CD%D2%CA%D2%CC%CB%BA%D9%AA%D2พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรปฐมเทศนา เข้าถึงได้โดย https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=4...


ชื่อเรื่อง                                วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดสุพรรณบุรีครั้งที่                                   -ผู้แต่ง                                  กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ประเภทวัสดุ/มีเดีย               หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                          -หมวดหมู่                             ภูมิศาสตร์และการท่องเที่ยวเลขหมู่                                959.373 ว394สถานที่พิมพ์                        กรุงเทพฯสำนักพิมพ์                          โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าวปีที่พิมพ์                              2544ลักษณะวัสดุ                        30 ซม. : 269 หน้าหัวเรื่อง                               วัฒนธรรม -- สุพรรณบุรี                                          สุพรรณบุรี -- ประวัติศาสตร์                                          สุพรรณบุรี -- ภูมิศาสตร์และการท่องเที่ยว                                          สุพรรณบุรี -- ความเป็นอยู่และประเพณีภาษา                                 ไทยบทคัดย่อ/บันทึก            รวบรวมเรื่องราวท้องถิ่นจังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบด้วยสภาพภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อมและสังคม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การตั้งถิ่นฐาน มรดกทางธรรมชาติ มรดกทางวัฒนธรรม ภาษาและวรรณกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาชาวบ้านและเทคโนโลยีท้องถิ่น เอกลักษณ์ของจังหวัด บุคคลสำคัญ ตลอดจนพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนาท้องถิ่น เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ




           กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมเรียนรู้พร้อมรับพรปีใหม่อันเป็นมงคลจากผู้คุ้มครองดวงชะตาทั้งจากพระและเทพเจ้า รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ผู้ทำหน้าที่ปกปักรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในกิจกรรม “นบพระ ไหว้ (เทพ) เจ้า” เนื่องในเทศกาลปีใหม่ ในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๗.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. วันละ ๑ รอบๆ ละ ๔๐ – ๕๐ คน ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมในวันงาน (เวลา ๑๖.๓๐ น.) ณ ศาลาลงสรง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร             เส้นทางกิจกรรมนำชมในครั้งนี้ แบ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกเป็น ๒ ประเภทคือ ๑. เทพเจ้ากับพระพุทธ ผู้ครองเรือนชะตามนุษย์ และ ๒. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปกปักรักษา ดังนี้            ๑. ผู้ครองเรือนชะตามนุษย์ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ได้แก่ นพเคราะห์ทั้ง ๙ (อุปสรรค) ผู้ให้คุณและโทษแก่ผู้เกิดในวันนั้น ๆ โดยมีพระคเณศเป็นเจ้าแห่งอุปสรรคทั้งหลาย นพเคราะห์เหล่านี้เองที่เป็นต้นแบบให้กับ รูปแม่ซื้อ ที่แขวนไว้เหนือเปลเด็กเกิดใหม่ โดยนำภาพสัตว์เทพพาหนะของแต่ละองค์มาแทนศีรษะ  แม่ซื้อในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์์โปรดให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงคัดเลือกลักษณะปางหรือมุทราตามที่ปรากฏในพุทธประวัติของพระบรมศาสดา จำนวน ๔๐ ปาง มาสร้างถวายเป็นพุทธบูชา และต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ จึงปรากฏการสร้างพระพุทธรูปแทนนพเคราะห์ประจำวันเกิด ดังปรากฏใน   พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ที่อัญเชิญมาให้สักการะในปีใหม่นี้           ๒. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปกปักรักษา ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นั้น ประกอบด้วย พระชัยหลังช้าง ผู้ปกปักรักษากองทัพในการสงคราม พระพุทธรูปแกะสลักจากนอระมาด ของทนสิทธ์ผู้ปกปักรักษาบ้านเรือนให้ร่มเย็น รอดพ้นจากอัคคีภัย สัตตมงคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของครูโขนละคร ผู้ปัดเสนียดจัญไร พระภูมิเจ้าที่ผู้ปกปักรักษาบ้านเรือน ไร่นา และยุ้งฉาง และเจ้าพ่อหอแก้ว ศาลพระภูมิประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์            สำหรับเส้นทางนำชมเรียงตามลำดับทักษิณาวรรต ได้แก่            ๑. พระพุทธสิหิงค์ และพระพุทธรูปประจำวันเกิด ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์              ๒. พระชัยในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระแกะสลักจากนอระมาด ณ พระตำหนักแดง              ๓. บัตรนพเคราะห์และแม่ซื้อ ณ พระตำหนักแดง              ๔. พระคเณศและสัตตมงคล ณ พระที่นั่งทักษิณาภิมุข              ๕. พระภูมิเจ้าที่ ณ มุขเด็จ              ๖. พระชัยเมืองนครราชสีมา ณ พระที่นั่งบูรพาภิมุข              ๗. เจ้าพ่อหอแก้ว ณ ศาลพระภูมิประจำวังหน้า             นอกจากนี้  ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ยังได้ร่วมลุ้นรับของที่ระลึกสุดพิเศษ (*วันละ ๑๐ ชิ้นเท่านั้น) "เครื่องรางโอมาโมริแก้ชง ปีเถาะ ธาตุน้ำ" ภายในบรรจุยันต์ "องค์ไท่ส่วย" ปี ๒๕๖๖ รับเมตตาอธิษฐานจิตจากพระอาจารย์จีนคณาณัติจีนพรต (เย็นงี้) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 149/5เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/6ฉเอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง : อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงสวัสดิ์วรสาส์น (สวัสดิ์ คชะสุต) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2514 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ : การพิมพ์ไชยวัฒน์ จำนวนหน้า : 76 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้ได้จัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงสวัสดิ์วรสาส์น (สวัสดิ์ คชะสุต) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2514 หลวงสวัสดิ์วรสาส์นเคยรับราชการประจำ ณ สถานฑูตสยาม กรุงลอนดอนระหว่าง พ.ศ. 2466-2471 เคยใกล้ชิดเจ้านายหลายพระองค์ด้วยความภักดี จึงเห็นสมควรจัดพิมพ์ลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม ดิศกุล พระธิดาองค์ใหญ่ระหว่างเสด็จประพาสยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2473