ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,683 รายการ

ชื่อวัตถุ  ธรรมจักร ศิลปะ  ทวารวดี พุทธศตวรรษที่  ๑๓ – ๑๔ ขนาด  เส้นผ่านศูนย์กลาง ๘๐ ซ.ม. วัสดุ  หินทราย ขุดค้นพบที่  แหล่งโบราณคดีบ้านคูเมือง ตำบลห้วยชัน อำเภออินทร์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรี สถานที่เก็บรักษา ห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ลักษณะ ประติมากรรมรูปวงล้อ มี ๑๒ ซี่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกของพระพุทธเจ้า โดยทรงแสดงธรรมเทศนาให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน     เปรียบเหมือนวงล้อราชรถของพระมหาราชาที่ขับเคลื่อนไปในทุกๆที่ เช่นเดียวกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกเผยแพร่ดุจวงล้อธรรมที่เคลื่อนไป พระธรรมเทศนาในครั้งนี้จึงถูกเรียกว่า “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” ชื่อวัตถุ  พระพุทธรูปยืนปางประทานธรรม (ปางวิตรรกมุทรา) ศิลปะ  ทวารวดี พุทธศตวรรษที่  ๑๓ – ๑๔ ขนาด สูงรวมฐาน ๘๐ ซ.ม.กว้าง ๑๙ ซ.ม. วัสดุ  หินเขียว ขุดค้นพบที่  แหล่งโบราณคดีบ้านคูเมือง ตำบลห้วยชัน  อำเภออินทร์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรี สถานที่เก็บรักษาห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ลักษณะ เป็นประติมากรรมที่ยังทำไม่แล้วเสร็จ ที่เห็นชัดกว่าส่วนอื่น คือ  พระพักตร์รูปไข่ พระเนตรเหลืบมองต่ำ ครองจีวรห่มคลุม พระหัตถ์สองข้างสลักติดกับพระวรกายชิดกัน พระหัตถ์ยกขึ้นสูงเสมอพระอุระ ถึงแม้จะยังสลักไม่เสร็จ แต่ก็เห็นร่องรอยว่ากระทำปางประทานธรรม  พระเศียรและพระอุษณีษะยังมีลักษณะเป็นโกลน ชื่อวัตถุ  พระศรีอริยเมตไตรย ศิลปะ  รัตนโกสินทร์ ขนาด ตักกว้าง ๖๗.๕ ซ.ม. สูง ๗๔ ซ.ม. สูงพร้อมฐาน ๘๙ ซ.ม. วัสดุ  ทองเหลือง สถานที่เก็บรักษาห้องจัดแสดงอัฐบริขาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ลักษณะ           ประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์แสดงธรรม ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานดอกบัว พระหัตถ์ขวาวางคว่ำเหนือพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายวางเหนือพระเพลาถือด้ามตาลปัตรแบบแว่นแก้วบังพระพักตร์ พัดแฉกทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ กลางตาลปัตรเป็นช่องโปร่ง มีคติเรื่องราวที่มาการสร้างตามพระไตรปิฎก คัมภีร์ และวรรณกรรมทางศาสนาที่ว่าพระศรีอริยเมตไตรยเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีคอยช่วยเหลือสัตว์โลก บรรลุถึงพุทธภูมิอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตรอเวลาที่จะเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลกตรัสรู้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในอนาคต ชื่อวัตถุ  เทวรูปฟ้อนรำ (ส่วนยอดของเสาธง) ศิลปะ  ลพบุรี ขนาด สูง ๑๒.๘ ซ.ม. วัสดุ  สำริด สถานที่เก็บรักษาห้องจัดแสดงอัฐบริขาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ชื่อวัตถุ             พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ศิลปะ               รัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ – ๒๕ ขนาด               กว้าง ๘.๗ ซ.ม. ยาว๒๐ ซ.ม. สูงพร้อมฐาน ๑๙.๕ ซ.ม. วัสดุ                 ทองเหลือง สถานที่เก็บรักษาห้องจัดแสดงอัฐบริขาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ลักษณะ           ประติมากรรมรูปหีบศพ ตั้งบนฐานสูงมีพระพุทธบาทยื่นออกมาออกมาจากหีบพระศพ    มักประกอบไปด้วยรูปภิกษุสาวก แสดงการสักการบูชาหรืออยู่ในอากัปกิริยาต่างๆกัน ๓ – ๔ รูป มีคติเรื่องราวที่มาการสร้างตาม มหาปรินิพพานสูตรในคัมภีร์ทีฆนิกายมหาวรรค เมื่อครั้งที่พระมหากัสสปเถระ ได้ทำการสักการะบูชาพระบรมศพของพระพุทธเจ้า ตั้งอธิษฐานขอให้พระบาททั้งสองของพระบรมศาสดาเคลื่อนจากหีบรองรับหัตถ์ทั้งสอง พระบาททั้งสองออกมาปรากฏอยู่ภายนอกเมื่อพระมหาเถระถวายบังคมด้วยเศียรเกล้าพร้อมทั้งภิกษุบริวารและมหาชนได้ถวายนมัสการพระบาทยุคลทั้งสิ้นแล้ว พระบาททั้งสองก็กลับคืนเข้าสู่หีบพระศพดังเดิมเป็นอัศจรรย์ ชื่อวัตถุ  พัดรอง  (งานพระราชพิธีเฉลิมพระสุพรรณบัฎ พระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ พระอรรคชายา รวม ๘ พระองค์) ศิลปะ  รัตโกสินทร์    ขนาดกว้าง ๔๐.๓ ซ.ม.  ยาว ๔๗.๒  ซ.ม. ด้ามยาว ๕๒.๖ ซ.ม. วัสดุ  ผ้า ด้ามไม้ สถานที่เก็บรักษาห้องจัดแสดงอัฐบริขาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ลักษณะ เป็นพัดหน้านาง ทำด้วยผ้ากำมยี่สีแดง ตรงกลางปักดิ้นทองและไหมสี รูปพระเกี้ยว ๘ องค์ ล้อมด้วยดาว ด้านล่างปักอักษร ๑๒๕๐ บนริบบิ้น ด้านหลังเป็นผ้าสีชมพู ปักอักษรพระนามทั้ง ๘ องค์ นมพัดรูปพุ่มข้าวบิณฑ์ งาแกะสลักด้ามไม้ประดับมุก สันงากลึง เป็นงานปักของงานที่ระลึกเฉลิมพระสุพรรณบัฎเจ้านาย ๘ พระองค์ ซึ่งใส่อยู่ในกรอบรูป เข้าใจว่าเป็นงานต้นแบบที่ส่งมาถวายรัชกาลที่ ๕ เพื่อทอดพระเนตรก่อนการสั่งทำ พัดรองงานเฉลิมพระสุพรรณบัฎพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอและพระอรรคชายาเธอรวม ๘ พระองค์ เมื่อ จ.ศ.๑๒๕๐ (พ.ศ. ๒๔๓๑) คือ                   ๑. พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร                    ๒. พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร                    ๓. พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล                    ๔. พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี                    ๕. พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามาลินีนนภาดารา                    ๖. พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล                    ๗. พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค                    ๘. พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวีลภิรมย์ ชื่อวัตถุ  พัดรอง พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ศิลปะ  รัตโกสินทร์    ขนาดกว้าง ๓๖.๕ ซ.ม.  ยาว ๔๑ ซ.ม. ด้ามยาว ๕๒ ซ.ม. วัสดุ  ผ้า ด้ามไม้สันทองเหลือง สถานที่เก็บรักษาห้องจัดแสดงอัฐบริขาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี ลักษณะ เป็นพัดหน้านาง ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำ ตรงกลางปักไหมรูปช้างไอราพต (ช้าง ๓ เศียร) ทูนวชิรปราสาท ขนาบด้วยเทวดา เชิญอภิรุมชุมสาย ช้างไอราพตนั้นยืนบนแท่นเหนือปุยเมฆ นมพัดเป็นสีเหลือง รูปกลมขอบหยักประดับมุกและแกะข้อความว่า “งานบรมราชาภิเษกสมโภช ร.ศ.๑๓๐” ด้ามไม้ประดับมุก สันทองเหลือง (พัดรองที่ระลึกงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๕๔ (ร.ศ.๑๓๐) เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว ได้ทรงประกอบงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภชอย่างสมพระเกียรติ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๔)


พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง นครศรีธรรมราช : www.virtualmuseum.finearts.go.th/nakhonsithammarat     การจัดตั้งประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เริ่มต้นจากการที่หน่วยศิลปากรที่ 8 กรมศิลปากร สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 11 นครศรีธรรมราช(ปัจจุบันคือสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโบราณสถานในเขตภาคใต้ตอนบนในปี พุทธศักราช 2507 ดำเนินการขุดแต่งบูรณะเจดีย์ยักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชระหว่างปี พุทธศักราช 2509 ถึง พุทธศักราช 2510 ได้โบราณวัตถุเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีสถานที่เก็บรักษานอกจากนั้นยังมีโบราณวัตถุที่ได้จากกการสำรวจขุดค้นในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต รวม 7 จังหวัด     รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุต่าง ๆ อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ไว้ในที่แห่งเดียวกันและจัดตั้งแสดงตามหลักสากลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การศึกษาค้นคว้าของนักเรียนักศึกษาและบรรดาผู้สนใจจึงอนุมัติงบประมาณให้กรมศิลปากรจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช     เมื่อปี พุทธศักราช 2513 โดยมีบริษัทพาณิชย์การไม้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง การก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จในปี พุทธศักราช 2517 ใช้งบประมาณเป็นเงิน 2,100,000 บาท ค่าจัดทำรั้วและถนนเป็นเงิน 500,000  บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นเป็นเงิน 2,600,000 (สองล้านหกแสนบาทถ้วน) สถาปนิกผู้ออกแบบคือ นายไพรัช ชุติกุล นายช่างพิเศษกองสถาปัตยกรรมผู้จัดแสดงโบราณวัตถุศิลปวัตถุ คือ นางจิรา จงกล ภัณฑารักษ์เอก นางสาวณัฏฐภัทร นาวิกชีวิน ภัณฑารักษ์ตรี นายเอกจารี พลกร ช่างตรี และนายอิทธิ ศาสตร์วิเศษวงษาช่างศิลปะตรีกองโบราณคดีกรมศิลปากร     เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พุทธศักราช 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดากิติวัฒนาดุลยโสภาคย์ (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี)ทรงประกอบพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราชนับเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในภูมิภาคแห่งที่ 6 ที่ทรงประกอบพิธีเปิด (แห่งแรกคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี้เป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทศิลปะโบราณคดี     ปีพุทธศักราช 2539 กรมศิลปากรได้รับงบประมาณจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ต่อเติมในส่วนที่ 2 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 11,800,000 บาท ก่อสร้างโดยบริษัทดำรงก่อสร้างวิศวจำกัดแล้วเสร็จสิ้นในปีพุทธศักราช 2540 ใช้เป็นอาคารสำนักงานอาคารอเนกประสงค์จัดแสดงนิทรรศการพิเศษและกิจกรรมต่างๆ     ปีพุทธศักราช 2543 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารคลังพิพิธภัณฑ์ ค.ส.ล. 2 ชั้น พื้นที่ประมาณ 260 ตารางเมตร 1 หลังและอาคารจัดแสดงโบราณวัตถุกลางแจ้ง ค.ส.ล. ชั้นเดียวพื้นที่ประมาณ 144 ตารางเมตร 1 หลังด้วยเงินงบประมาณ 3,596,000 บาท (สามล้านห้าแสนเก้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) ก่อสร้างโดยบริษัทมงคลวิทย์จำกัด     ปีพุทธศักราช 2552 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับงบประมาณ (เงินเหลือ - จ่าย) ปรับปรุงทาสีอาคารเป็นเงิน 1,320,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรัตน์ค้าไม้     ปีพุทธศักราช 2553 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับเงินงบประมาณเพื่อจัดทำแผนแม่บทการจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เป็นเงิน 450,000 บาท โดยบริษัทซิต้านีออนดิสเพลส์แอนด์คอนสตั๊คชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด     ปีพุทธศักราช 2554 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับงบประมาณโครงการปรับปรุงการจัดนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ห้องก่อนประวัติศาสตร์เป็นเงิน 3,990,000 บาท (สามล้านเก้าแสนบาทถ้วน) โดยบริษัทเซียมเวิร์คจำกัด     ปีพุทธศักราช 2556 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับงบประมาณปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ห้องศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นเงิน 5,780,000 บาท (ห้าล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) โดยบริษัทเซียมเวิร์คจำกัดปีพุทธศักราช 2558 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับงบประมาณปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ห้องศาสนาพุทธเป็นเงิน 15,000,000 บาท โดยบริษัทเซียมเวอร์คสจำกัด     ปีพุทธศักราช 2558 พิพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราชได้รับงบประมาณปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ห้องศาสนาพุทธ เป็นเงิน 15,000,000 บาท โดยบริษัท เซียมเวอร์คส จำกัด     ปีพุทธศักราช 2559 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ได้รับงบประมาณปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ห้องประณีตศิลป์ห้องพระรัตนธัชมุนีห้องบรรยายสรุปพร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเป็นเงิน 14,489,947 บาท (สิบสี่ล้านสี่แสนแปดหมื่นเก้าพันเก้าร้อยสี่สิบเจ็ดบาทถ้วน) โดยบริษัทเซียมเวอร์คสจำกัด  





สำนัก 13


พบเครื่องถ้วยชามลายน้ำทอง มีพระบรมฉายาลักษณ์ ร.5 ที่กาน้ำ และจาน ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่เคยเห็นในหนังสือ รวมทั้งภาพใน Internet ขอทราบรายละเอียดด้วยครับ



          เป็นหนังสือรวบรวมสุภาษิตของสุนทรภู่ โดยคัดจากนิราศต่างๆ เช่น นิราศพระบาท นิราศอิเหนา นิราศพระแท่นดงรัง และจากวรรณคดีที่เป็นบทประพันธ์ของสุนทรภู่ ซึ่งให้ข้อคิดและคติเตือนใจ เช่น           "อันกำเนิดเกิดมาในหล้าโลก            สุขกับโศกมิได้สิ้นอย่าสงสัย"                        หรือ           "การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ            ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน"           (จากเรื่องพระอภัยมณี)


***บรรณานุกรม***  นางกุลทรัพย์  เกษแม่นกิจ บทกวีนิราศตามคลองบางกอกน้อยถึงบางใหญ่  กรมศิลปากรจัดพิมพ์เป็นคู่มือทัศนศึกษา โครงการประกาศเกียรติคุณครูภาษาไทยดีเด่น 15 พฤศจิกายน 2529 กรุงเทพฯ  ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลสหประชาพาณิชย์ 2529


***บรรณานุกรม*** หนังสือหายาก พระธรรมสิริชัย.  นิบาตชาดก วีสตินิบาต พิมพ์เป็นที่ระลึกคล้ายวันเกิด 22 มีนาคม 2505.  พระนคร : โรงพิมพ์อาศรมอักษร, ๒๕๐๕.


ชื่อเรื่อง                     ประชุมพงศาวดาร เล่ม 39 (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 64 (ต่อ) พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา  ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)ผู้แต่ง                       -ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ประวัติศาสตร์ทวีปเอเชียเลขหมู่                      959.303 ล.39สถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าวปีที่พิมพ์                    2512ลักษณะวัสดุ               324 หน้าหัวเรื่อง                     ไทย -- ประวัติศาสตร์ -- กรุงศรีอยุธยาภาษา                       ไทยบทคัดย่อประชุมพงศาวดาร เป็นหนังสือที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะได้รวบรวมเรื่องเก่าๆ ที่มีสาระและคำอธิบายของผู้มีความรู้ในวิชาด้านทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย ประชุมพงศาวดารเล่ม 39 ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) เป็นเล่มต่อจากเล่ม 38


ชื่อเรื่อง                     นำเที่ยว พิมาย และโบราณสถานในจังหวัดนครราชสีมาผู้แต่ง                       -ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ภูมิศาสตร์และการท่องเที่ยวเลขหมู่                      915.933 ม453น สถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 ฉัตราการพิมพ์ปีที่พิมพ์                    2506ลักษณะวัสดุ               102 หน้าหัวเรื่อง                     นครราชสีมา – ภูมิประเทศและการท่องเที่ยว                              นครราชสีมา – โบราณสถาน                              พิมาย (นครราชสีมา) – โบราณสถานภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกหนังสือนำเที่ยว พิมาย และ โบราณสถานในจังหวัดนครราชสีมา เรียบเรียงโดย นายมานิต วัลลิโภดม พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายทองหล่อ บุณยนิตย์ ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส 29 ธันวาคม พ.ศ.2505    


หมวดหมู่                        นิทานพื้นเมืองภาษา                            บาลี/ไทยอีสานหัวเรื่อง                          นิทานพื้นเมือง                                    นิทาน -- ไทยประเภทวัสดุ/มีเดีย            คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ                    24 หน้า : กว้าง 6.5 ซม. ยาว 60 ซม. บทคัดย่อ                      เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากพระอธิการเด่น ปญฺญาทีโป วัดคิรีรัตนาราม  ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ดำเนินการอนุรักษ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2534



black ribbon.