ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,683 รายการ


ชื่อเรื่อง : ประชุมพระราชนิพนธ์ภาษาไทยในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาคที่ 1 (สารคดีธรรม) หัวเรื่อง : พุทธศาสนา -- รวมเรื่อง             พุทธศาสนา -- บทสวดมนต์ คำค้น : พุทธศาสนา รายละเอียด : มหามกุฎราชานุสสรณีย์ คณะธรรมยุตและมหามกุฎราชวิทยาลัย โดยสมเด็จพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ สมัยครบ 100 ปี จากวาระเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2511 ผู้แต่ง : จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย ปีที่พิมพ์ : 2511 วันที่เผยแพร่ : 29 มกราคม 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือที่รวบรวมเรื่องพุทธศาสนาและบทสวดมนต์ เลขทะเบียน : น. 32 บ. 2629 จบ. เลขหมู่ : 294.308             จ196ป      


ชื่อผู้แต่ง                    - ชื่อเรื่อง                     สนั่น  ศิลากรณ์ ประติมากรเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งที่พิมพ์                 พิมพ์ครั้งที่ 1 สถานที่พิมพ์               กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์พิฆเณศ ปีที่พิมพ์                    2529 จำนวนหน้า                349 หน้า : ภาพประกอบ ISBN                        974-7920-74-3 เลขเรียกหนังสือ            927.3 ส199 ฉ.14 เลขทะเบียนหนังสือ       024010หมายเหตุ                   พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสนั่น  ศิลากรณ์ ต.ช. ณ เมรุวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร  วันที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2529                                    สนั่น  ศิลากรณ์ ท่านรับราชการเป็นลูกมือในการทำงานของ ศาสตราจารย์ศิลป  พีระศรีท่านสร้างผลงานด้านประติมากรไว้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการออกแบบและสร้างอนุสาวรีย์สำคัญ ๆ หลายแห่งทั่วทั้งประเทศ เช่น อนุสาวรีย์ พระบรมราชชนก โรงพยาบาลศิริราชโรงพยาบาลสงขลา โรงพยาบาลประสาท อนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กระทรวงยุติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ อนุสาวรีย์ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร ภูเก็ต อนุสาวรีย์พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สัตหีบ ฯลฯ อนุสาวรีย์ใดที่ปรากฏขึ้น ย่อมหมายถึงความสำคัญ ความสำคัญเป็นของสร้างได้ยากมาก บุคคเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของเหตุการณ์ สร้างความกล้าหาญ ความเสียสละ ความปราดเปรื่องของมันสมอง ความงามความดีเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นแม้ในต่างประเทศและของ   ประเทศเราเอง ย่อมเป็นสิ่งที่ควรระลึกถึงและควรแก่เยี่ยงอย่าง  


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       77/5หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               26 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลานได้รับจาก วัดประดู่ทรงธรรม  อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อผู้แต่ง         บุญมี พิมพ์โพธิ์ ชื่อเรื่อง           ธรรมบทวิจารณ์ พิมพ์ครั้งที่       - สถานที่พิมพ์     พระนคร สำนักพิมพ์       โรงพิมพ์ ส.ธรรมภักดี ปีที่พิมพ์          ๒๔๙๔ จำนวนหน้า      ๑๒๘  หน้า รายละเอียด                     ธรรมบทวิจารณ์ เป็นตำราชุดพิเศษช่วยเรียนภาษาบาลีด้วยตนเอง แปลและวิจารณ์ โดย บุญมี  พิมพ์โพธิ์ และ สม แฝงศรีคำ พร้อมกับคำวิจารณ์ของพระศรีวิสุทธิโมลี เลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวงและคณะเปรียญเอกที่ปฤกษา




            กรมศิลปากร ขอขอบคุณ ผู้มีจิตศรัทธาที่มีส่วนร่วมในการหลอมทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ เพื่อหล่อพระรัศมีทองคำถวายแด่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘ อันตรงกับวันวิสาขบูชา ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยกรมศิลปากร ได้หลอมรวมทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ จากผู้มีจิตศรัทธา เพื่อเตรียมหล่อพระรัศมีถวายแด่พระพุทธสิหิงค์  โดยหลอมได้ทองคำ จำนวนทั้งสิ้น ๑๕๑๒.๐๕ กรัม ประกอบด้วย             ๑. ทองคำแท่ง มีส่วนประกอบของทองคำประมาณ ๙๖.๕๐%  จำนวน ๘๑๑.๖๔  กรัม             ๒. ทองรูปพรรณ มีส่วนประกอบของทองคำประมาณ ๘๔-๘๖% จำนวน ๗๐๐.๔๑ กรัม โดยกรมศิลปากรจะจัดพิธีหล่อพระรัศมีทองคำถวายองค์พระพุทธสิงหิงค์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ (วันอาสาฬหบูชา) รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัสดุ กลุ่มคลังและพัสดุ สำนักบริหารกลาง ชั้น ๓ อาคารกรมศิลปากร เทเวศร์ โทร.๐.๒๑๒๖ ๖๕๕๙ หรือ facebook: พระพิฆเนศวร ๑๐๘ ปี กรมศิลปากร https://www.facebook.com/profile.php?id=100064682776120


ชื่อเรื่อง : ที่ระลึกในงานกฐินพระราชทานกรมอาชีวศึกษา วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี ศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 15 หัวเรื่อง : อาชีวศึกษา             วัดเขาบางทราย คำค้น : กฐินพระราชทาน รายละเอียด : - ผู้แต่ง : กรมอาชีวศึกษา แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักพิมพ์/โรงพิมพ์ : โรงพิมพ์ส่งเสริมอาชีพ ปีที่พิมพ์ : 2515 วันที่เผยแพร่ : 26 มิถุนายน 2568             ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF. ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : กรมอาชีวศึกษาได้เผยแพร่ประวัติแนวคิดในการพัฒนาอาชีวศึกษาของไทย และเรื่องแนวคิดในการจัดอาชีวศึกษาระดับปริญญาเพื่อให้ผู้สนใจได้ทราบ เลขทะเบียน : น. 68 บ. 79039 จบ. (ร) เลขหมู่ :         ห               370.113                อ616ท  


เลขทะเบียน : นพ.บ.658/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 36 หน้า  ; 4.5 x 54 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 211 (142-154) ผูก 1ก (2568)หัวเรื่อง : มหานิปาตวณฺณนา--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          ในเทศกาลเข้าพรรษานี้ พี่บรรณนี่ขอชวนผู้อ่านไปค้นพบเรื่องราวความรู้ที่น่าสนใจจากหนังสือดีที่มีให้บริการในหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา”           “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” เป็นประเพณีตักบาตรดอกไม้หนึ่งเดียวในโลก ที่จัดขึ้น ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงก่อนเข้าพรรษาระหว่างเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยจะมีพิธีตักบาตรดอกเข้าพรรษา วันละ 2 รอบ คือรอบเช้า และรอบบ่าย ซึ่งดอกไม้ที่ใช้ตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์นั้นจะต้องเป็น “ดอกเข้าพรรษา” เท่านั้น           “ดอกเข้าพรรษา” หรือ “ดอกหงส์เหิน” เป็นดอกไม้ที่ออกดอกปีละครั้งเฉพาะในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเท่านั้น ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ต้นเข้าพรรษา” ในท้องที่อำเภอพระพุทธบาท พบได้ใน 2 สกุล ได้แก่ สกุลกระเจียว มีดอกสีขาวหรือขาวอมชมพู และสกุลหงส์เหิน ลักษณะดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกบอบบาง มีก้านเกสรยาว มีดอกหลายสี ทั้งเหลือง เหลืองทองอมส้ม ขาว และสีชมพูอมม่วง รูปร่างคล้ายนกบินจึงเรียกว่า “หงส์เหิน” ชาวอำเภอพระพุทธบาทใช้ดอกเข้าพรรษามาตักบาตรถวายพระสงฆ์ ตามประเพณีดั้งเดิมเก่าแก่ที่เรียกว่า “ประเพณีตักบาตรดอกไม้” ในเทศกาลเข้าพรรษา เชื่อกันว่าเมื่อนำดอกไม้นี้มาตักบาตรจะได้บุญกุศลแรง พร้อมกับการล้างเท้าพระสงฆ์ขณะบิณฑบาต โดยมีความเชื่อว่าการล้างเท้าพระสงฆ์เพื่อให้เท้าสะอาดก่อนที่จะเดินขึ้นสู่รอยพระมณฑปพระพุทธบาท เสมือนการล้างพระพุทธบาทขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และเมื่อพระสงฆ์ได้รับดอกไม้จากการบิณฑบาตแล้วก็จะนำไปสักการะรอยพระพุทธบาท อันจะส่งผลบุญให้ผู้ทำบุญตักบาตรได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์           สำหรับตำนานของการตักบาตรดอกไม้นั้น มีแจ้งในพุทธตำนานว่า นายมาลาการ ผู้ทำหน้าที่นำดอกมะลิสดไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร พระราชาแห่งเมืองราชคฤห์เป็นประจำทุกวัน มาวันหนึ่งขณะที่นายมาลาการออกไปเก็บดอกมะลิอยู่ในสวน พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกบิณฑบาตผ่านมา นายมาลาการเห็นดังนั้นจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนำดอกมะลิ 8 กำมือไปถวายแด่พระพุทธองค์ ด้วยจิตอันเปี่ยมด้วยศรัทธาอันแรงกล้าของนายมาลาการได้บังเกิดปาฏิหาริย์ทำให้ดอกมะลิลอยวนแล้วเกิดเป็นแพบังแดดบริเวณโดยรอบพระพุทธองค์ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบเรื่องก็เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จากนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสั่งสอนว่า “การทำความดีนั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำได้ ผลกรรมนั้นขึ้นอยู่กับเจตนามากกว่า อย่างนายมาลาการที่มีเจตนาอันแรงกล้า จึงเป็นการทำดีอันยิ่งใหญ่” ภายหลังจากนั้นพระเจ้าพิมพิสารจึงพระราชทานสิ่งของให้นายมาลาการเพื่อเป็นบำเหน็จรางวัล ด้วยอานิสงส์ของการใส่บาตรดอกไม้แทนการตักบาตร ดังที่นายมาลาการได้รับนั้น ชาวพุทธจึงถือปฏิบัติประเพณี “ตักบาตรดอกไม้” สืบต่อกันมา           ผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวของประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา และตำนานความเป็นมาของการตักบาตรดอกไม้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ “ชื่อนี้มีที่มา เล่ม 1 ชุดประเพณีไทย” และ “เทศกาล ประเพณี และการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีทั่วไทย 2564” โดยหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี มีให้บริการที่ห้องหนังสือทั่วไป 1 ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ ชื่อนี้มีที่มา เล่ม 1 ชุดประเพณีไทย.  กรุงเทพฯ: เพื่อนเรียน, [2549]. สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม. เทศกาล ประเพณี และการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีทั่วไทย 2564.  กรุงเทพฯ: สำนักงาน, 2564. ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา จังหวัดสระบุรี.  [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2568, จาก       https://saraburi.m-culture.go.th/th/db_30_saraburi_33/50642 #ตักบาตรดอกเข้าพรรษา #ตักบาตรดอกไม้ #ดอกเข้าพรรษา #รู้หรือไม่กับพี่บรรณนี่ #หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษกจันทบุรี #สำนักศิลปากรที่5ปราจีนบุรี #กลุ่มเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรมศิลปากร สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร  



ชื่อเรื่อง : ยุทธภัยและความเป็นชาติโดยแท้จริง ชื่อผู้แต่ง : พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จ ปีที่พิมพ์ : 2517 สถานที่พิมพ์ : - สำนักพิมพ์ : - จำนวนหน้า : 34 หน้า สาระสังเขป : ประวัติโดยย่อนางฉลวย สมบูรณ์ และเรื่องยุทธภัยและความเป็นชาติโดยแท้จริงนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้น โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า "อัศวพาหู" เป็นบทความร้อยแก้วสำหรับตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทย ในระหว่าง พ.ศ. 2457-2461 ซึ่งอยู่ในระหว่าง มหา-สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุทธภัย คือ ความเดือดร้อนและเสียหายอันบังเกิดขึ้นเพราะการรบนั้น มีเป็นอเนกประการ ทั้งเป็นภัยอันมิได้เลือกหน้าบุคคล ถ้าแม้สงครามมาติดเมืองใดเข้าแล้ว บรรดาผู้ที่ตั้งเคหสถานอาศัยอยู่ในเมืองนั้น ย่อมจะพากันพลอยเดือดร้อนไปด้วยกันทั่วหน้า


        กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ขอเชิญชมนิทรรศการ “ศิลป์ นิยาม : ความรัก ความงาม ความสุข” นิทรรศการพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 133 ปีชาตกาล ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ระหว่างวันที่ 15 - 25 กันยายน 2568 ณ อาคารนิทรรศการ 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร         นิทรรศการฯ เชิญให้ผู้ชมร่วมค้นหาและดื่มด่ำกับนิยามของ “ศิลปะ” ผ่าน 3 มุมมองอันเป็นนิยามศิลปะของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย ได้แก่ “ความรัก” ที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ “ความงาม” ที่ศิลปะได้ถ่ายทอด และ “ความสุข” ที่มอบคืนให้ผู้คน พร้อมนวัตกรรมการจัดแสดงโฮโลแกรมอาจารย์ศิลป์ ที่จะทำให้เรื่องราวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทั้งนี้ ในวันที่ 15 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นวันศิลป์ พีระศรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ขอเชิญร่วมรำลึกและวางดอกไม้สักการะอัฐิแด่ ”ครูฝรั่ง“ ผู้วางรากฐานทางด้านศิลปะของไทย ตั้งแต่เวลา 09.00 - 15.00 น.          ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือชื่อเดิมว่า นายคอร์ราโด เฟโรจี (Corrado Feroci) เป็นชาวอิตาเลียน เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2435 ณ ตําบลซานตาจิโอวานี นครฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี สําเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาศิลปะชั้นสูงแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) มีพระประสงค์ต้องการบุคลากรที่เชี่ยวชาญในด้านศิลปะตะวันตกเพื่อเข้ามารับราชการเป็นช่างปั้นในแผ่นดินไทยและทําการฝึกสอนช่างไทยให้มีความสามารถในการสร้างงานประติมากรรมแบบตะวันตก ทางรัฐบาลอิตาลีจึงส่งคุณวุฒิและผลงานของศาสตราจารย์คอร์ราโด เฟโรจี ให้สยามพิจารณา ด้วยเหตุนี้ศาสตราจารย์คอร์ราโด จึงเดินทางสู่แผ่นดินสยาม เพื่อเข้ามารับราชการเป็นช่างปั้นประจํากรมศิลปากร กระทรวงวัง เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2466 และได้รับการแต่งตั้งเป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากรสถานแห่งราชบัณฑิตยสภา ในปี พ.ศ. 2469 ผลงานการสร้างสรรค์ประติมากรรมและอนุสาวรีย์ชิ้นสําคัญ เช่น พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ที่เสียสละและอุทิศตนเพื่องานศิลปะของไทย โดยเป็นผู้ที่ทําให้วงการศิลปะของไทยเริ่มต้นเข้าสู่รูปแบบที่เป็นสากล ด้วยการนําความรู้ทางด้านศิลปะตามหลักวิชาการแบบตะวันตกมาเป็นแนวทางในการวางรากฐานการศึกษาในมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยทางด้านศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย นับว่าเป็นผู้บุกเบิกการสร้างสรรค์ผลงานศิลปกรรมสมัยใหม่ ศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทยอย่างแท้จริง จนได้รับการยกย่องว่า “บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย”         ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการฯ ระหว่างวันที่ 15 - 25 กันยายน 2568 เปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร) เวลา 09.00 - 16.00 น. ณ อาคารนิทรรศการ 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 240 บาท


                       ส่องอักษรดูสาระ นำเสนอและเผยแพร่เกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากคำศัพท์และองค์ความรู้ที่น่าสนใจในเอกสารโบราณที่มีอยู่ ณ ห้องอีสานศึกษา ของหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา สำหรับวันนี้ นักภาษาโบราณขอพาไปส่องข้อความบนปกคัมภีร์ใบลานเมื่อ 100 ปีก่อน !!! เนื้อหามีดังนี้                        ก่อนที่เราจะไปส่องข้อความบนปกคัมภีร์ใบลานเมื่อ 100 ปีก่อน ขออธิบายข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเอกสารโบราณประเภทหนังสือใบลานหรือคัมภีร์ใบลานเพื่อสร้างความเข้าใจของผู้อ่านก่อนเข้าสู่ประตูห้องอีสานศึกษา                        หนังสือใบลาน หรือ คัมภีร์ใบลาน คือ เอกสารโบราณประเภทหนึ่งที่บันทึกสรรพวิชาการต่าง ๆ ลงบนใบของต้นลาน เนื้อหาที่บันทึกเกี่ยวกับทางโลก เช่น วรรณกรรมพื้นบ้าน ตำรายา โดยทั่วไปเรียกว่า หนังสือใบลาน หากเนื้อหาที่บันทึกเกี่ยวกับทางธรรม เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา จึงเรียกว่า คัมภีร์ใบลาน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักนิยมเรียกเหมารวมทั้งหมดว่า คัมภีร์ใบลาน                        กรรมวิธีการบันทึกตัวอักษรลงบนใบลานนั้น หากใช้เหล็กจารบันทึกตัวอักษร เรียกว่า การจาร อักษรที่ถูกบันทึก เรียก เส้นจาร หากใช้ปากกาคอแร้งหรือปากกาปากไก่จุ่มหมึกบันทึกตัวอักษร เรียกว่า การชุบ อักษรที่ถูกบันทึก เรียก เส้นชุบ/เส้นชุบหมึก ซึ่งในปัจจุบันมีเส้นพิมพ์ที่จัดทำขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ มักพบเห็นได้จากร้านค้าที่ขายเครื่องสังฆภัณฑ์หรือทางออนไลน์                        ข้อความที่ระบุบนปกใบลานนั้นถือเป็นหลักฐานสำคัญและมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาและที่มาของเอกสารโบราณ โดยเฉพาะกับนักภาษาโบราณและผู้ที่มีความสนใจในด้านเอกสารโบราณ เมื่อออกสำรวจหรือพบเอกสารโบราณหากบนปกของเอกสารโบราณได้ระบุชื่อเรื่อง ชื่อผู้สร้าง หรือปีที่สร้าง จะทำให้การทำงานของนักภาษาโบราณสะดวกและรวดเร็วขึ้น และง่ายต่อการศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาภายในเรื่อง อีกทั้งการระบุชื่อผู้สร้าง ชื่อเรื่อง ปีที่สร้าง หรือวัตถุประสงค์ในการสร้างนั้น ล้วนสะท้อนและแสดงถึงวัฒนธรรมในยุคนั้น ๆ ผ่านตัวอักษร ได้เห็นวิวัฒนาการของตัวอักษรและภาษาที่ใช้ในแต่ละยุคสมัย ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้สร้าง                        องค์ประกอบของปกใบลานแต่ละหมายเลข คือ                        1 = ชื่อผู้สร้าง                        2 = วัตถุประสงค์ของผู้สร้าง                        3 = สิ่งที่ผู้สร้างปรารถนา                        4 = ที่อยู่ผู้สร้าง                        5 = ปีที่สร้าง                        6 = ชื่อเรื่อง                        โดยส่วนใหญ่ข้อความที่ระบุบนปกหนังสือใบลานหรือคัมภีร์ใบลานนั้น มักระบุเพียงแค่ชื่อเรื่อง มีจำนวนน้อยที่จะระบุชื่อผู้สร้าง ปีที่สร้าง หรือวัตถุประสงค์ในการสร้าง ซึ่งคัมภีร์ใบลานเรื่อง อานิสงส์บรรพชาผูกนี้ถือเป็นอีกหนึ่งผูกที่ระบุข้อความบนปกได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ทราบที่มาของเอกสาร โดยระบุชื่อบุคคล(ชื่อผู้สร้าง) ชื่อสถานที่ วัตถุประสงค์ในการสร้าง สิ่งที่ผู้สร้างปรารถนา ปีที่สร้าง และชื่อเรื่อง ซึ่งเอกสารโบราณภายในห้องอีสานศึกษานั้นยังมีผูกอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ปรากฏชื่อผู้สร้าง ปีที่สร้าง และชื่อเรื่อง มีทั้งผู้สร้างที่เป็นบุคคลสำคัญ ได้แก่ท่านพญาปลัด คุณผู้หญิงโม และบุคคลทั่วไป และแม้จะเป็นบุคคลสำคัญหรือไม่สำคัญ บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือไม่มีชื่อเสียง แต่สำหรับนักภาษาโบราณเอกสารทุกเล่มทุกฉบับทุกผูกที่ท่านได้สร้างไว้นั้นเปรียบเสมือนครูอาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดสรรพวิชาการความรู้ต่าง ๆ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ได้สืบทอดสรรพวิชาการเหล่านั้นจากรุ่นสู่รุ่นเพื่ออนุรักษ์และคงอยู่สืบต่อไป                        หากท่านใดสนใจศึกษาเพิ่มเติม เรียนเชิญได้ที่ห้องอีสานศึกษา ชั้น 2 หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ค่ะ   บรรณานุกรม • “อานิสงส์บรรพชา” หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา.  หนังสือใบลาน 1 ผูก. อักษรขอม-ไทย.  ภาษาบาลี – ไทย.  เส้นจาร.  ฉบับทองทึบ.  พ.ศ.๒468. เลขที่ นม.บ.180/2. • สำนักหอสมุดแห่งชาติ.  คู่มือสำรวจ จัดหา รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศเอกสารโบราณ ประเภทคัมภีร์ใบลานและหนังสือสมุดไทย.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ, 2563.   เรียบเรียงโดย นางสาวกุลริศา รัชตะวุฒิ นักภาษาโบราณ กราฟิกโดย นายพีรยุทธ กษิติบดินทร์ชัย บรรณารักษ์ปฏิบัติการ


black ribbon.