ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ธรรมาสน์วัดนางกุย
ตำบลสำเภาล่ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ธรรมาสน์วัดนางกุย ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตามประวัติระบุว่าได้รับมอบจากพระครูภัทรกิจโสภณ เจ้าอาวาสวัดพุทไธสวรรย์ ซึ่งแต่เดิมธรรมาสน์นี้เป็นสมบัติเดิมของวัดนางกุย สำหรับบันไดนาคได้มาจากวัดดุสิดาราม จ.พระนครศรีอยุธยา จึงทำให้ความสูงระหว่างบันไดกับชั้นร่องถุนของธรรมาสน์องค์นี้แตกต่างกันมาก
ธรรมาสน์องค์นี้ เป็นธรรมาสน์บุษบกขนาดใหญ่ไม่ย่อมุข ลักษณะหลายประการบนองค์ธรรมาสน์ถูกออกแบบขึ้นตามความคิดอย่างอาคารเครื่องก่อซึ่งสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ราวราชวงศ์ปราสาททองหรือราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ส่วนยอดของธรรมาสน์มีลักษณะคล้ายชั้นเรือนธาตุของเจดีย์ทรงปรางค์ ตัวธรรมาสน์ประดับตกแต่งด้วยลายฉลุเป็นลวดลายกระจัง และกระหนกต่างๆ รวมถึงมีการประดับตกแต่งด้วยการติดกระจก ส่วนฐานของธรรมาสน์ทำเป็นร่องถุนวางซ้อนอยู่บนชั้นฐานเขียง ๓ ชั้นอีกทีหนึ่ง ร่องถุนมีลักษณะเช่นเดียวกับอาคารที่สร้างขึ้นในราวปลายราชวงศ์ปราสาททองถึงสิ้นกรุง สำหรับบันไดนาคเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์แล้ว
ที่มา : ขวัญภูมิ วิไลวัลย์. สมุดภาพลายเส้น ธรรมาสน์แห่งกรุงศรีอยุธยา
พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง เชียงแสน: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/chiangsaen
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน ก่อตั้งขึ้นในปี พุทธศักราช 2500 เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำแหล่งโบราณคดีเมืองเชียงแสน ทำหน้าที่ในการเก็บรักษาและจัดแสดง โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ได้จากการสำรวจ ขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานในเขตเมืองโบราณเชียงแสน ตลอดจนพื้นที่อื่น ๆ ในเขตจังหวัดเชียงราย สู่สาธารณชน โดยเป็นหน่วยงานในกำกับของกรมศิลปากร
การจัดแสดงภายใน มุ่งเน้นการนำเสนอหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งหลักแหล่งของชุมชน ตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ อาทิเช่น เครื่องมือหินกะเทาะ และเครื่องมือหินขัด ที่พบในบริเวณริมแม่น้ำโขง มีอายุราว 13,000-1,000 B.C. ซึ่งแยกออกเป็นสังคมล่าสัตว์ และสังคมเกษตรกรรม จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ที่พบหลักฐานตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา จำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป ชิ้นส่วนประติมากรรมปูนปั้นประดับศาสนสถาน และศิลาจารึกที่มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษ 21-22 พื้นที่การจัดแสดงช่วงหลัง นำเสนอเรื่องราวของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองเชียงแสนและใกล้เคียง เช่น ชาวไทยวน ไทลื้อ อาข่า และเมี่ยน เป็นต้น
โบราณศิลปวัตถุชิ้นเอก ได้แก่ พระพุทธรูปศิลปะล้านนาที่มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 16-23 ที่มีความงดงามและแสดงถึงเทคโนโลยีการหล่อโลหะของช่างในสมัยโบราณ เช่น พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ จะใช้วิธีหล่อแยกส่วน แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกัน ก่อนทำการตกแต่งด้วยกรรมวิธีลงรักปิดทองจารึกที่มีเนื้อหากล่าวถึงการอุทิศถวายที่ดิน คน เงิน ทอง ให้วัดเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และใช้แรงงาน เพื่อเป็นพุทธบูชาและสืบพระพุทธศาสนาที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 จารึกด้วยอักษรล้านนา
ชิ้นส่วนประติมากรรมปูนปั้นจากแหล่งโบราณคดีวัดป่าสัก สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 19-22 เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเมืองเชียงแสนได้รับอิทธิพลรูปแบบทางศิลปกรรมจากอาณาจักรพุกาม อาณาจักรสุโขทัย แคว้นหริภุญไชย หรือจีน มาปรับปรุงจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และมีความหมายทางปรัญชา เช่น ประติมากรรมรูปหน้ากาล เป็นสัญลักษณ์ของกาลเวลาที่กัดกินทุกอย่างแม้แต่ตัวเอง นอกจากนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน ยังให้บริการแก่สาธารณชน ในฐานะแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น การจัดอบรมศิลปะสำหรับเยาวชน การฝึกอบรมเยาวชนให้มีความรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จัดนิทรรศการพิเศษ และการดูและโบราณศิลปวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของชาติแต่อยู่ในความดูแลครอบครองของวัดและเอกชนในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงรายอีกด้วย
ขออนุญาตทำการค้าโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
ขั้นตอนที่ ๑ ยื่นคำขอได้ที่สถานที่ ดังนี้
๑.๑ กรณีผู้ขอมีสถานที่ทำการค้าในเขตกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ให้ยื่น ณ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร
๑.๒ กรณีที่ผู้ขอมีสถานที่ทำการค้าในเขตจังหวัดอื่นนอกจากข้อ ๑.๑ ให้ยื่น
ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น หากในจังหวัดนั้นไม่มีพิพิธภัณฑ
สถานแห่งชาติ ให้ยื่น ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแห่งจังหวัดนั้น
ขั้นตอนที่ ๒ กรอกแบบฟอร์ม ศก.๑
๒.๑ กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
๒.๒ กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ
๒.๓ กรณีเป็นนิติบุคคล
ขั้นตอนที่ ๓ แนบเอกสารและหลักฐาน
๓.๑ กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
(ก) ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นซึ่งแทนบัตรประจำตัวประชาชนได้
(ข) สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้าน
(ค) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ของผู้ขอรับใบอนุญาต ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๒ รูป
(ง) แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ทำการค้า
(จ) สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์ ใบทะเบียนการค้า หรือใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
๓.๒ กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ
(ก) บัญชีรายชื่อและสัญชาติของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน
(ข) ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นซึ่งใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนได้ ของหุ้นส่วนผู้จัดการ
(ค) สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้านของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน
(ง) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ของหุ้นส่วนผู้จัดการ นาด ๑ นิ้ว ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๒ รูป
(จ) แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ทำการค้า
(ฉ) สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์ ใบทะเบียนการค้าหรือใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
๓.๓ กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
(ก) หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียน พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
(ข) บัญชีรายชื่อและสัญชาติของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน
(ค) ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นซึ่งแทนบัตรประจำตัวประชาชนได้ ของหุ้นส่วนผู้จัดการ
(ง) สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้จัดการ
(จ) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ของหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้จัดการ ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน ๒ รูป
(ฉ) แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ทำการค้า
(ช) สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์ ใบทะเบียนการค้าหรือใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
๓.๔ กรณีเป็นบริษัทจำกัด
(ก) หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ จัดตั้งขึ้นตามโครงการพิพิธภัณฑ์ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ โดยความร่วมมือระหว่างบรรดาลูกศิษย์และผู้ใกล้ชิดศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เพื่อรำลึกถึงเกียรติคุณของท่านในฐานะผู้ให้กำเนิดการศึกษาศิลปะสมัยใหม่ ศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2527 ซึ่งตรงกับวาระวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 92 ปี ของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี โดยฯพณฯ ชวน หลีกภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นให้เกียรติมาเป็นประธาน จากนั้นจึงมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบและบริหารจัดการ จนกระทั่งได้รับการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ เมื่อพ.ศ.2530 ปัจจุบัน สังกัดสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ในเครือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป
ภายในจัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ห้องชั้นนอก (บริเวณประตูทางเข้า) จัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ของบรรดาลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด เช่น นายเฟื้อ หริพิทักษ์ นายประยูร อุลุชาฎะ นายชลูด นิ่มเสมอ นายจำรัส เกียรติก้อง นายเขียน ยิ้มศิริ นายสวัสดิ์ ตันติสุข นายทวี นันทขว้าง เป็นต้น ผลงานส่วนใหญ่เป็นงานศิลปกรรมในยุคเริ่มแรกของศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย ซึ่งดำเนินรอยตามแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะตามหลักวิชาการที่ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้วางรากฐาน
ส่วนที่สอง ห้องชั้นใน จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ซึ่งประกอบไปด้วย โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องมือปั้น ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว โดยจำลองบรรยากาศโต๊ะทำงานดั้งเดิมเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดจนแบบร่างอนุสาวรีย์และประติมากรรมชิ้นสำคัญ เช่น แบบร่างพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 แบบร่างพระศรีศากยทศพลญาณ พระประธานพุทธมณฑล และต้นแบบพระเศียรรัชกาลที่ 8 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหนังสือหายากซึ่งเป็นหนังสือที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ใช้สำหรับค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะตะวันตก ให้บริการแก่ผู้มาเยี่ยมชมภายในห้องจัดแสดง
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 26 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
วันจันทร์ที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา จัดโครงการเผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ งานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์คุณค่ามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา สู่เครือข่ายภาคประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบเชิงบูรณาการผ่านสื่อประชาสัมพันธ์แบบมืออาชีพ โดยจัดกิจกรรมภาคเช้า เป็นพิธีกรรมทางศาสนา นิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๙ รูป เจริญพระพุทธมนต์และฉันภัตตาหารเช้า และกิจกรรมภาคบ่าย เป็นการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนศึกอินทรชิต ชุดศรนาคบาศ โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่พื้นที่บริเวณแห่งนี้ ได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนสามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นเคย ในการนี้ได้รับเกียรติจากนายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน เครือข่ายชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรม ณ บริเวณลานเมรุพรหมทัต อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
เรื่องมหาดเล็ก
หนังสือเรื่องมหาดเล็ก ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี มหาดเล็กคือผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายยิ่งกว่าผู้อื่นจำต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติดีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ไว้ วางพระราชหฤทัยได้
กล่าวถึงการเดินทางของราชทูต (โกศาปาน) ที่เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส ตามเมืองต่างๆตั้งแต่บทที่ 49 - 64 ได้แก่ มณฑลฟลังดร์ เมืองแซงต์เดอนีส์ เมืองอาราส เมืองกาแลส์ เมืองดึงแกร์ก เมืองตูร์เนย์ เมืองวาลังเซียนส์ เมืองเดอแนง เมืองดูแอย์ เมืองกังแบรย์ เมืองเปรอน เมืองแซงต์กังแตง เมืองลาแฟร์ เมืองซวาซงส์ และเมืองวิแลร์ก็อตเตรต์ ซึ่งเป็นการบรรยาย ถึงเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะเดินทาง
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 26 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
ชื่อเรื่อง : พายุทอร์นาโด
ผู้เขียน : หลุยส์ และ ริชาร์ด สปิลเบอรี่
สำนักพิมพ์ : ดรีม พับลิชชิ่ง
ปีพิมพ์ : ๒๕๕๖
เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ : ๙๗๘-๙๗๔-๔๓๙-๒๓๔-๓
เลขเรียกหนังสือ : ๕๕๑.๕๕ ส๒๒๒พ
ประเภทหนังสือ : หนังสือทั่วไป
ห้องบริการ : ห้องหนังสือทั่วไป ๑
สาระสังเขป : ภัยธรรมชาติถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมนุษย์เราขึ้นทุกวันในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หรือกระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ล้วนส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและธรรมชาติมากยิ่งขึ้น "พายุหมุนทอร์นาโด" เป็น ๑ ในหนังสือเสริมความรู้วิทยาศาสตร์และสังคมศึกษา ชุด มหันตภัยล้างโลก ซึ่งในหนังสือชุดนี้ประกอบด้วยเรื่อง พายุหมุนทอร์นาโด ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ และมหาอุทกภัย โดยหนังสือ "พายุหมุนทอร์นาโด" เป็นหนังสือแปลจากงานเขียนของ หลุยส์ และ ริชาร์ด สปิลเบอรี่ ซึ่งนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพายุทอร์นาโดในแง่มุมต่างๆ เช่น พายุทอร์นาโดคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ไหนบ้าง การเตรียมตัวรับมือและการป้องกันพายุทอร์นาโด การช่วยเหลือเมื่อเกิดพายุทอร์นาโด เป็นต้น รวมทั้งมีการเสนอกรณีศึกษาของพายุทอร์นาโดครั้งรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ได้แก่ พายุทอร์นาโดไตรสเตด ประเทศสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. ๑๙๒๕) พายุทอร์นาโดประเทศอินเดียและประเทศบังกลาเทศ (๑๙๖๓) พายุทอร์นาโดเมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ (ค.ศ.๑๙๙๖) พายุทอร์นาโดเมืองพลิน รัฐมิสซูรี (ค.ศ. ๒๐๑๑) พายุทอร์นาโดหมู่เกาะคอโมโรส (ค.ศ. ๑๙๕๑) พายุทอร์นาโดรัฐแถบมิดเวสเทิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. ๑๙๖๕ และ ๑๙๗๔) พายุทอร์นาโดเมืองวิชิตอฟอลส์ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. ๑๙๗๙) พายุทอร์นาโดตอนกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา (๒๐๐๗) และ พายุทอร์นาโดเมืองจอพลิน รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. ๒๐๑๑) นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมศัพท์น่ารู้ที่เกี่ยวข้องกับพายุทอร์นาโดไว้ท้ายเล่มด้วย ซึ่งผู้อ่านจะได้รู้จักกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดประเภทหนึ่งมากยิ่งขึ้น และรู้วิธีรับมือหากเกิดภัยพิบัตินี้ขึ้นกับตัวเอง