ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,774 รายการ
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การบูรณะประติมากรรมปูนปั้นยักษ์ วัดอุโมงค์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยนายชินณวุฒิ วิลยาลัย ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้รายงานว่า การบูรณะประติมากรรมปูนปั้นรูปยักษ์เฝ้ารักษาประตูทางเข้าสู่พระธาตุวัดอุโมงค์ บริเวณเชิงบันไดด้านทิศตะวันออกของทางเข้าพระธาตุวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 โดยประติมากรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานวัดอุโมงค์ ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ยังมีการใช้ประโยชน์ในการประกอบศาสนกิจ มีพระภิกษุจำพรรษา มีผู้มาแสวงบุญและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง
สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เสนอแนวคิดในการบูรณะเป็นสองแนวทาง ได้แก่ แนวคิดที่ 1 บูรณะโดยการอนุรักษ์และรักษาสภาพของยักษ์ทั้ง 2 ตนไว้ โดยการทำความสะอาด เสริมความมั่นคง และรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ ไม่มีการต่อเติมประติมากรรมที่ชำรุดให้สมบูรณ์ แต่เมื่อประเมินสภาพประติมากรรมที่ชำรุดอย่างมากการอนุรักษ์ตามแนวทางนี้ อาจจะรักษาประติมากรรมดังกล่าวได้เพียงระยะหนึ่ง เนื่องจากเป็นประติมากรรมที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง หากในอนาคตที่มีปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม เช่น ฝนตกหนัก แผ่นดินไหว ขาดการดูแลรักษาปล่อยให้วัชพืชขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดการชำรุดและอาจพังทลายลง ส่วนแนวคิดที่ 2 บูรณะโดยการฟื้นคืนสภาพและรูปแบบดั้งเดิมของประติมากรรมรูปยักษ์ เมื่อพิจารณาสภาพก่อนการบูรณะ ซึ่งมีหลักฐานทางศิลปกรรมหลงเหลืออยู่มากกว่า 80% ประกอบกับการวิเคราะห์การเสื่อมสภาพของวัสดุเดิม สภาพแวดล้อมโดยรอบ ปัจจัยความเสี่ยงอื่นในอนาคตที่จะเร่งให้เกิดความเสียหาย การใช้ประโยชน์ของโบราณสถานในปัจจุบัน คติความเชื่อ อีกทั้งที่ผ่านมากรมศิลปากรมีการเลือกแนวทางการบูรณะแบบฟื้นคืนสภาพนี้มาแล้วหลายแห่ง เช่น องค์พระมงคลบพิตร ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา องค์พระอจนะ วัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย จึงพิจารณาเลือกดำเนินการบูรณะในแนวคิดที่ 2
ทั้งนี้ วิธีการอนุรักษ์ประติมากรรมยักษ์ 2 ตน โดยการฟื้นคืนสภาพ ได้ดำเนินการตามหลักการอนุรักษ์โดยล้างทำความสะอาดคราบเชื้อรา ตะไคร่น้ำ และวัชพืชออก ผนึกปูนปั้นเดิมด้วยการไล้ผิวด้วยน้ำปูน หลังจากนั้นไล้ผิวด้วยปูนหมักเพื่อให้ผิวประติมากรรมที่มีรอยร้าวผสานเข้ากับปูนปั้นที่ใช้ในการบูรณะ โดยให้คงชั้นความหนาของปูนปั้นเดิมให้มากที่สุด เพื่อให้ขนาดของประติมากรรมหลังจากการบูรณะไม่เปลี่ยนแปลงไป และวิธีการนี้ยังช่วยป้องกันน้ำฝนที่จะซึมเข้าสู่ภายในองค์ยักษ์ อันเป็นปัจจัยที่ทำให้เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วอีกด้วย ทั้งนี้ได้ปั้นปูนใหม่เสริมในส่วนที่ขาดหาย เสริมโครงสร้างใหม่ (แขน) เชื่อมต่อโครงสร้างเดิมและปั้นปูนตกแต่งตามล้อตามลวดลายเดิมที่ปรากฏอยู่ (บริเวณใบหน้า , หู , ปาก ฯลฯ) และตกแต่งผิวให้เรียบ ส่วนกระบอง ไม่พบหลักฐานที่แตกหักหรือตกหล่นอยู่บริเวณนี้ จึงออกแบบให้เป็นกระบองแบบผิวเรียบ (มีเกลียวเล็กน้อย) และขนาดตามสัดส่วนของรูปยักษ์
อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวอีกว่า สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้หารือแนวทางการบูรณะกับทางจังหวัดก่อนที่จะดำเนินการ โดยปฏิบัติตามตามมาตรฐานการบูรณะประติมากรรม มีการสำรวจตรวจสภาพโบราณสถาน ลักษณะความเสียหาย ภูมิประเทศสภาพแวดล้อม ปัจจัยองค์ประกอบที่เร่งในการชำรุดเสียหายของโบราณสถาน ศึกษาเปรียบเทียบวิเคราะห์ศิลปกรรมที่มีอยู่หรือสร้างอยู่ในยุคเดียวกัน อีกทั้งประเมินแนวคิด ความเสี่ยง ความคุ้มค่า การบริหารจัดการในอนาคต มีการศึกษารูปแบบศิลปกรรมเดิม และคัดเลือกช่างท้องถิ่นที่เป็นช่างฝีมือที่เหมาะสมเข้ามาดำเนินการบูรณะ ซึ่งการบูรณะในครั้งนี้ ได้ให้หอจดหมายเหตุเชียงใหม่เข้าบันทึกภาพและขั้นตอนต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐานสำหรับเป็นข้อมูลในการศึกษาและการบูรณะที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองมหกรรมวันพิพิธภัณฑ์ไทย ระหว่างวันที่ 19 – 21 กันยายน นี้ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ออกแบบตราสัญลักษณ์กิจกรรมเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “150 ปี พิพิธภัณฑ์ไทย สยามซิวิไลซ์ : A Passage to Wisdom” ที่ซ่อนความหมายและเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์ไทยที่เดินทางผ่านกาลเวลามาแล้วกว่า 150 ปี.“ช้าง” สัตว์มงคลจากมิวเซียมหลวงช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทยที่มักพบในตราสัญลักษณ์ของหน่วยงานต่างๆ โดยช้างที่ปรากฏบนสัญลักษณ์นี้ ได้ถอดแบบมาจากช้างที่อยู่บนตรามิวเซียมหลวง ณ หอคองคอเดีย (The Royal Siamese Museum) เพื่อสื่อถึงความเป็นพิพิธภัณฑ์ไทย และเป็น Mascot หลักของกิจกรรมวันพิพิธภัณฑ์ไทยของทุกปี.“คองคอเดีย” พิพิธภัณฑสถานที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมแห่งแรกในสยามพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปิดมิวเซียมหลวง ณ หอคองเดีย ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ และเป็นวิเทโศบายสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสยามประเทศให้มีความทันสมัย (ซิวิไลซ์).“Passage” การเดินทางผ่านกาลเวลาของพิพิธภัณฑ์ไทยจากวันแรกของมิวเซียมหลวงจนถึงวันนี้ พิพิธภัณฑ์ไทยแสดงให้เห็นว่า ตลอดการเดินทางผ่านกาลเวลามาแล้วกว่า 150 ปี พิพิธภัณฑ์ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งสะสม แต่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย บอกเล่าเรื่องราวและความเป็นมาของตนเอง นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อันเป็นสะพานที่เชื่อมโยงภูมิปัญญากับสังคมเข้าด้วยกัน.“Wisdom” แหล่งสะสมความรู้ มุ่งหมายให้เกิดปัญญาปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ยังคงทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เปรียบดั่งแสงสว่างของดวงอาทิตย์เพื่อมุ่งหมายให้ผู้คนเกิดปัญญา เป็นสถาบันที่ให้บริการทางการศึกษา มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
กรมศิลปากร สำนักช่างสิบหมู่ ขอเชิญชวนทุกท่านชมการสาธิตงานช่างสิบหมู่ ในงานท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน “4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งกรุงเก่าฯ” ระหว่างวันที่ 9 - 17 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. - 17.00 น. ณ วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยวันที่ 12 - 14 พฤศจิกายน 2567 มีงานช่างของสำนักช่างสิบหมู่ ร่วมสาธิตงาน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มงานช่างปั้น กลุ่มงานช่างประดับมุก และกลุ่มงานแม่พิมพ์ วันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน 2567 มีงานช่างของสำนักช่างสิบหมู่ ร่วมสาธิตงาน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มงานช่างลายรดน้ำ กลุ่มศิลปะประยุกต์และเครื่องปั้นดินเผา และกลุ่มงานช่างแกะ
ผู้สนใจสามารถชมการสาธิต และพูดคุยกับช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ได้อย่างใกล้ชิด พร้อมชมชิ้นงานที่นำไปจัดแสดงภายในงานดังกล่าวด้วย
ชื่อเรื่อง : บูรพาทิตย์
หัวเรื่อง :1. เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระ 2.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า, โรงเรียน
คำค้น : สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, บูรพาทิตย์, กองวิชาประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์ภาคตะวันออก, ความมั่นคง, การป้องกันประเทศ, พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว, ร.ศ.112, ฉะเชิงเทรา, พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง, เมืองแปดริ้ว, วัดโสธรวรารามวรวิหาร, ชลบุรี, นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง, ฐานทัพเรือสัตหีบ, ประวัติศาสตร์จันทบุรี, โบราณคดีใต้น้ำ, แหล่งเรือเสม็ดงาม, โบราณสถานฝรั่งเศส, อัญมณีเมืองจันท์, ตราด ,วัดบุปผาราม, เขตแดนไทย-กัมพูชา, ปราจีนบุรี, พื้นที่อพยพ8, เมืองโบราณที่ปราจีนบุรี, ลุ่มแม่น้ำบางปะกง
แหล่งที่มา : ต้นฉบับหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์นายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ลิขสิทธิ์ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือท้องถิ่น (ห้องจันทบุรี)
รายละเอียดเนื้อหา : เป็นหนังสือที่รวบรวมข้อมูลหลากหลายด้านในพื้นที่ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา เรื่องตามรอยพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จฯทรงเปิดรถไฟสายตะวันออก และเสด็จประพาสเมืองแปดริ้ว (พ.ศ.2450) วัดโสธรวรารามวรวิหาร ป้อมกำแพงเมืองฉะเชิงเทรา โครงการระบายน้ำทุ่งฝั่งตะวันออก ศาลาว่าการมณฑลปราจีนบุรี ณ เมืองฉะเชิงเทรา ชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ฐานทัพเรือสัตหีบ จันทบุรี ประวัติศาสตร์จันทบุรี โบราณคดีใต้น้ำ ในประเทศไทย แหล่งเรือเสม็ดงาม ภารกิจของ กปช.จต. โบราณสถานและสถานที่ทำการเดิมของฝรั่งเศส ณ จังหวัดจันทบุรี ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี อัญมณีศรีเมืองจันท์ ตราด วัดบุปผาราม เขตแดนไทย - กัมพูชา ปราจีนบุรี พื้นที่อพยพที่ 8 เมืองโบราณที่ปราจีนบุรี พัฒนาการเมืองโบราณชายฝั่งทะเลเดิมในลุ่มแม่น้ำบางปะกง
เลขทะเบียน : น 35 บ. 9075 จบ. (ร)
เลขหมู่ : ท 959.3 บ747
ค่ายเนินวง
ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เป็นเมืองโบราณที่มีกำแพงเมืองและ
คูเมืองล้อมรอบ สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. ๒๓๗๗ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เพื่อเป็นปราการป้องกันพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและที่ตั้งของค่ายเนินวงเป็นเนินดินสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ จึงเหมาะสมต่อการตั้งทัพป้องกันข้าศึกศัตรู
คูเมืองของค่ายเนินวงเกิดจากการขุดลงไปในชั้นศิลาแลงธรรมชาติ และนำดินมาถมเป็นกำแพงเมือง โดยบริเวณช่องประตูทั้ง ๘ ช่อง ก่อด้วยอิฐเป็นกำแพงกันดินเพื่อรองรับอาคารด้านบนซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหอรบหรือหอสังเกตการณ์ ปัจจุบันคงเหลือเพียงฐานอาคารที่ประตูต้นไทรทางด้านเหนือของเมืองเพียงแห่งเดียว ด้านข้างของอาคารมีแนวใบบังทำจากศิลาแลง และเชิงเทินยาวต่อเนื่องไปตามแนวกำแพงเมือง
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานค่ายเนินวง ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๑ ตอนที่ ๓ วันที่ ๕ มกราคม ๒๔๙๗ มีพื้นที่โบราณสถานประมาณ ๖๒๒ ไร่ ๒ งาน ๖๘ ตารางวา
Noen Wong Fortress
Noen Wong Fortress is in Bang Kacha Subdistrict, Mueang Chanthaburi District, Chanthaburi Province. It was built in 1834, during the reign of King Rama III, to protect the eastern of Thailand. Noen Wong means a circle hill that the fortress is located on. Therefore, this hill is appropriate to build a fortress surrounded by a moat and a rampart to prevent an enemy.
The rampart or city wall was built with laterite soil that dug out from the moat. All 8 doors made of brick as a retaining wall to support the superstructure that is assumed of the observation tower or battle tower, only remain at the Banyan Tree Gate on the north side.
On each side of the building, there are laterite merlons and the walkway throughout the length of the city wall.
The Fine Arts Department announced the registration of Noen Wong Fortress as an ancient monument in the Royal Gazette, Volume 71, Part 3, dated 5th January 1954. The total area is around 996,272 square meters.
รถในเมืองไทย. พระนคร: โรงพิมพ์ รสพ.เชิงสะพานยมราช, 2500.
( หย 388.341 ร725ด )
ประวัติ ความเป็นมา และพัฒนาการของยานพาหนะ และวิวัฒนาการของการขนส่งแต่ละประเภทในประเทศไทย โดยแบ่งตามประเภทของยานพาหนะและผู้เขียนในแต่ละหัวข้อ ดังนี้ เรื่องปฏิวัติในการขนส่ง เขียนโดย สอ เสถบุตร, เรื่องของเกวียน เขียนโดย นายประสิทธิ์ พึ่งวิชัย, ราชรถ เขียนโดย นายวิบูลย์ แสวงสุทธิ์, รถม้า เขียนโดย นายวิบูลย์ แสวงสุทธิ์, รถลาก เขียนโดย นายสงวน อั้นคง, รถจักรยาน เขียนโดย นายสงวน อั้นคง, รถสามล้อ เขียนโดย นายปรารภ พุทธิเกษตริน และ รถยนต์ เขียนโดย นายสงวน อั้นคง
- พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายแดง เรืองวิเศษ ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม พระนคร วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พระพุทธศักราช 2500
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 102/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 26 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 56.7 ซม.หัวเรื่อง พระไตรปิฎก พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ธรรมอีสาน ฉบับล่องชาด มีไม้ประกับ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ขอเชิญผู้สูงวัยมาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและภูมิปัญญาไทย “ภูมิปัญญาหอมกรุ่น: ยาดมสมุนไพรไทยเสริมสุขภาพ สร้าง Soft Power ด้วยมือผู้สูงวัย” เรียนรู้สมุนไพรไทยในชีวิตประจำวัน และลงมือทำยาดมสมุนไพรอย่างง่าย เป็นการเสริมศักยภาพผู้สูงวัยให้เป็นพลังของชุมชน วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 9.30 น. เป็นต้นไป ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมกิจกรรม ต้องเป็นผู้สูงวัยที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป รับจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่านเท่านั้น ร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้สนใจสามารถสแกนลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ทาง QR CODE หรือกดลิ้งค์นี้ https://forms.gle/corQENCZB6bKgYUK6 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3525 1586 หรือ Facebook พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม:Chantharakasem National Museum
เลขทะเบียน : นพ.บ.613/7ก ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 18 หน้า ; 4 x 48 ซ.ม. : ล่องชาด-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 200 (37-48) ผูก 7ก (2568)หัวเรื่อง : สัตตัปปกรณาภิธรรม--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อแบบฉบับ : มหานิปาตวณฺณนา ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (ผูก ก1)
ชื่อเรื่อง : ทสชาติ สุวรรณสามชาดก-นารทชาดก (ผูก ก1 สุวรรณสามชาดก)
เลขทะเบียน : ชม.บ.557/ก1
ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ ผู้สร้าง : อุบาสิภิกษุ ปีที่สร้าง : จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266)
จำนวน : 1 คัมภีร์ 14 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก ก1, ข1-3, ค1-5:4ก, ฆ1-2, ง1-2)
จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด จำนวนหน้า : 46 หน้า
อักษร : ธรรมล้านนา ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา เส้น : จาร
ฉบับ : ล่องชาด ไม้ประกับ : ทารัก ขอบทาชาด ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน
ประวัติ : อุบาสิภิกษุสร้าง จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266 สมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) มี 5 เรื่อง ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568
เลขทะเบียน : นพ.บ.747/ก/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4 x 53 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 233 (362-369) ผูก ก1 (2568)หัวเรื่อง : กจฺจายนมูล --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง : ปกิณณกเทศนา ของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ฯ วัดเจดีย์หลวงนครเชียงใหม่
ผู้แต่ง : -
ปีที่พิมพ์ : 2472
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์กิมหลีหงวน
จำนวนหน้า : 46 หน้า
สาระสังเขป : ปกิณณกเทศนา ของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ฯ วัดเจดีย์หลวงนครเชียงใหม่ พิมพ์เนื่องในงานศพแม่เจ้าจามรี ณ นครเชียงใหม่ อัครชายาเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ แม่เจ้าจามรีนับว่าเป็นผู้สืบสายโลหิตมาแต่ต้นวงศ์สกุล ณ เชียงใหม่แท้ นอกจากประวัติแม่เจ้าจามรี ยังมีเทศนาปัพพโตปมคาถา ถวายพระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ เทศาภิบาลมณฑลพายัพ ในงานศพแม่เจ้าจามรี ที่คุ้มหลวงนครเชียงใหม่ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2472, เทศนาฌาปนกิจวิภาค ของเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ฯ (สิริจนฺโท) วัดพระเจดีย์หลวง เชียงใหม่ พระมหาทอง (โฆสิต) แสดงในงานสัตตมวารศพ แม่เจ้าจามรี ณ เชียงใหม่ วันที่ 2 ตุลาคม พุทธศักราช 2472, อาฬวกคาถา พระมหาทอง (โฆสิต) วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ แสดงในการบำเพ็ญกุศล สัตตมวารศพ แม่เจ้าจามรี วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2472, ประวัติของอาฬวกยักษ์ และสังคหธรรมเทศนา พระมหาทอง (โฆสิต) แสดงวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472
เลขทะเบียนหนังสือหายาก : 973
เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : nlcm_rb2568_00973
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568