ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
องค์ความรู้ : อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เรื่อง : ปีใหม่ไทยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ปราสาทพนมรุ้ง
เนื่องในวาระวันปีใหม่ไทย เทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๕ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่แวะมาเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้ง ศาสนสถานในวัฒนธรรมเขมรโบราณ อายุกว่า ๙๐๐ ปี ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวลัยสำหรับบูชาพระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ท่องเที่ยวเช็คอินขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในปราสาทพนมรุ้งแห่งนี้ เพื่อเสริมความสิริมงคลแก่ชีวิตต้อนรับปีใหม่ไทย อันได้แก่
(ภายในเขตโบราณสถานไม่อนุญาตให้นำพวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียน น้ำอบ เข้ามาสักการะด้านในโดยเด็ดขาด! รวมไปถึงกระทำการที่เสี่ยงให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถาน ทั้งนี้ในเขตโบราณสถานอนุญาตเพียงการแสดงความเคารพด้วยการยกมือไหว้เพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น)
(หากต้องการประกอบพิธีบวงสรวง ด้วยเครื่องบวงสรวง ธูปเทียน ฯลฯ ต้องมาขออนุญาตที่ สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง และทำพิธีเฉพาะบริเวณที่อุทยานฯจัดไว้ให้เท่านั้น)
๑. ศิวลึงค์ ประดิษฐานเป็นประธานของปราสาทพนมรุ้ง เป็นตัวแทนขององค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ตั้งอยู่ภายในห้องครรภคฤหะ ณ ปราสาทประธานของปราสาทพนมรุ้ง ดังนั้นการมาขอพรกับศิวลึงค์จึงเชื่อว่าเป็นการขอพรต่อองค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดผู้สามารถประทานพระได้ทุกสรรพสิ่ง
๒. หน้าบันโยคะทักษิณามูรติ อยู่บริเวณโคปุระด้านทิศตะวันออกของปราสาทพนมรุ้ง เป็นภาพสลักพระศิวะในปางมหาโยคี หรือ ภาพสลักดังกล่าวอาจเป็นภาพสลักของนเรนทราทิตย์ ผู้สร้างปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งออกบวชเป็นโยคีอยู่ที่ปราสาทพนมรุ้งแห่งนี้ก็เป็นได้ ด้านล่างของหน้าบัน พบการสลักภาพคนถูกงูกัด ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องราวในจารึกพบที่ปราสาทพนมรุ้งเนื้อหากล่าวถึง นเรทราทิตย์เป็นผู้วิเศษสามารถรักษาผู้คนที่ถูกงูกัดให้ฟื้นคืนจากความตายได้ ดังนั้นการขอพรสักการะที่หน้าบันดังกล่าว จึงมีความเชื่อว่าช่วยรักษาความเจ็บป่วย หรือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้
๓. ดอกบัวแปดกลีบ สลักอยู่บริเวณกึ่งกลางของสะพานนาคราชชั้นที่ ๑ และ ๒ ของปราสาทพนมรุ้ง ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ จุดกำเนิด และการบูชา การทำเป็นรูป ๘ กลีบ หมายถึงทิศทั้ง ๘ ทิศ หรือการเป็นศูนย์กลางของทิศทั้ง ๘ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและจุดกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นการขอพรกับดอกบัวแปดกลีบจึงเปรียบเสมือนการขอพรต่อเทพประจำทิศทั้ง ๘ ในคติศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ให้ช่วยปกป้องภัยอันตรายต่าง ๆ เหมือนดังการทำหน้าที่ปกป้องพระศิวะนั่นเอง
๔. ประติมากรรมโคนนทิ ตั้งอยู่ภายในมณฑปทิศตะวันออกของปราสาทประธาน โคนนทิเป็นพาหนะของพระศิวะ หันหน้าไปยังศิวลึงค์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะที่ประดิษฐานเป็นประธานของเทวาลัย ในคติศาสนาพราหมณ์ฮินดู วัวถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเนื่องจากเป็นพาหนะของพระศิวะ หรือตัวแทนของการเกษตรกรรม ดังนั้นเชื่อว่าการขอพรกับโคนนทิ สามารถช่วยให้การเพาะปลูก การเกษตรกรรมต่าง ๆ ราบรื่นและอุดมสมบูรณ์
๕. ท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ เป็นแท่นหินทรายทรงลูกบาศ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของปราสาทประธานปราสาทพนมรุ้ง (ใกล้กับท่อโสมสูตร) ตามคติในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู เป็นเทพประจำทิศเหนือและเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย ดังการการขอพรสักการะกับท้าวกุเวร จึงเชื่อว่าจะช่วยเสริมความมงคลในด้านการเงิน โชคลาภ และเสริมบารมีความมั่งคั่งร่ำรวย
เรียบเรียงโดย นายพงศธร ดาวกระจาย ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เอกสารอ้างอิง:
พิสิฐ เจริญวงศ์ และคณะ. ปราสาทพนมรุ้ง. พิมพ์ครั้งที่ ๖. บุรีรัมย์: สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร, ๒๕๕๑.
สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, หม่อมราชวงศ์. ปราสาทพนมรุ้ง ศาสนบรรพตที่งดงามที่สุดในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๓๙.
เสน่ ประกอบทอง และคณะ. เทพประจำทิศ เทพพาหนะ. พิมพ์ครั้งที่ ๑. นครราชสีมา: โจเซฟ พลาสติกการ์ด(โคราช)แอนด์ ปริ้นท์, ๒๕๔๗.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร "๕๑ ปีแห่งการก่อตั้ง ย้อนความหลังแต่แรกเริ่ม" พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ชวนทุกท่านย้อนอดีตกลับไปเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๔ ซึ่งเป็นวันเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร อย่างเป็นทางการ นายประพัฒน์ ตรีณรงค์ ได้บันทึกรายละเอียดเหตุการณ์พิธีเปิด สรุปได้ดังนี้วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๔ เวลาเช้า เริ่มพิธีสงฆ์ ซึ่งพิธีดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการจังหวัดกำแพงเพชรจัดทำ ณ ปะรำพิธีหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ซึ่งกรมศิลปากรได้เข้าร่วมด้วย เช่น จัดปีพาทย์ของกองการสังคีตมาบรรเลง และเจ้าหน้าที่ของหน่วยศิลปากรต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยศิลปากรที่ ๓ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร กับข้าราชการกรมศิลปากรที่มาจากพระนครเข้าช่วยดูแลประสานงานเวลา ๑๐.๐๐ น. นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ ๙ รูป มีพระราชเมธี เข้อาวาสวัดเศวตรฉัตร จังหวัดธนบุรี และเจ้าคณะภาค ๔ เป็นประธานสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และฉันภัตตาหารเพล รวมทั้งเตรียมจัดงานเพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งตามหมายกำหนดการว่า จะเสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาทรงเปิดตามกำหนดการ คือ เวลา ๑๕.๓๐ น. ต่อไปเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. รับทราบจากทางราชการทหารว่า อากาศไม่อำนวยงดการเสด็จพระราชดำเนิน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่แทนพระองค์ในพิธีเปิดเวลา ๑๖.๐๐ น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะผู้แทนพระองค์มาถึงปะรำพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและรับศีล จากนั้น นายเชื้อ สาริมาน อธิบดีกรมศิลปากร อ่านรายงานเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร เมื่ออธิบดีกรมศิลปากรรายงานเสร็จ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงจากปะรำพิธีไปตัดริบขึ้นแพรแถบที่ประตูเข้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ปี่พาทย์กรมศิลปากรและแตรวงลูกเสือบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนำแขกผู้มีเกียรติเข้าชม โดยมีอธิบดีกรมศิลปากร นายชิน อยู่ดี ภัณฑารักษ์พิเศษ และนายมะลิ โคกสันเทียะ หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่ ๓ เป็นผู้นำชม เมื่อชมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เสร็จแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามในสมุดเยี่ยม จากนั้นได้ไปถ่ายภาพร่วมกับอธิบดีกรมศิลปากร และเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรที่มาในงาน หลังจากนั้นรับประทานน้ำชา เป็นเสร็จงานเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชรกรมศิลปากรได้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร เพื่อเก็บรวบรวม สงวนรักษา และจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ได้จากการดำเนินงานทางโบราณคดีภายในเขตจังหวัดกำแพงเพชร เพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปกรรมท้องถิ่นของจังหวัดกำแพงเพชร ทุกท่านสามารถเข้าชมได้ในวันพุธ – วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ ๐ ๕๕๗๑ ๑๕๗๐ หรือส่งข้อความในกล่องข้อความเฟสบุ๊คแฟนเพจ
บันทึกการเดินทางของคณะทูตสหรัฐอเมริกา
สู่ราชสำนักบูรพาทิศ โคจินจีน สยาม และมัสกัต
(เฉพาะตอนประเทศสยาม)
ในเรือรบพีค็อกของสหรัฐอเมริกา
กัปตันเดวิด ไกซิงเกอร์ ผู้บังคับการเรือ
ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๕ - ๒๓๗๗
(ค.ศ. ๑๘๓๒ – ๑๘๓๔)
โดย
เอ็ดมันด์ โรเบิร์ตส์
(Edmund Roberts)
นางสาวปภัชกร ศรีบุญเรือง
แปลและเรียบเรียง
กรมศิลปากรพิมพ์เผยแพร่
พุทธศักราช ๒๕๖๕
จี้ทองคำเลียนแบบเหรียญโรมัน จัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
แผ่นทองคำทรงกลมแบน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๘ เซนติเมตร ด้านหน้าตรงกึ่งกลางเป็นรูปบุคคลนูนต่ำ หันด้านข้างเห็นเฉพาะส่วนศีรษะถึงหน้าอกด้านขวา รูปบุคคลมีจมูกโด่ง ผมเป็นลอน โดยรอบตกแต่งด้วยลายจุดกลมหรือลายเม็ดประคำ ๒ ชั้นซ้อนกัน ด้านหลังเป็นรอยยุบและนูนตรงข้ามกับรูปด้านหน้า แสดงให้เห็นเทคนิคการผลิตที่อาจเกิดจากการดุนลายก็เป็นได้ ส่วนบนเหนือศีรษะรูปบุคคลมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่พบงอลงมา สันนิษฐานว่าแต่เดิมอาจเป็นห่วงสำหรับร้อยกับเชือกหรือสายสร้อยสำหรับสวมใส่
เมื่อเปรียบเทียบลวดลายบนจี้กับเหรียญโรมัน ตัวอย่างเช่น เหรียญจักรพรรดิวิคโตรินุส (อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๙) จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือตรงกึ่งกลางมีรูปบุคคลหันด้านข้างขวา เห็นเฉพาะศีรษะและหน้าอก ส่วนลายจุดกลมบริเวณศีรษะทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง น่าจะปรับเปลี่ยนมาจากแถวตัวอักษรภาษาละตินซึ่งระบุพระนามของจักรพรรดิที่ล้อมรอบอยู่ริมขอบเหรียญ ส่วนการทำแถบลายจุดกลมล้อมรอบริมขอบอีกแถบหนึ่งก็พบในเหรียญโรมันเช่นกัน
จี้ที่ทำเลียนแบบเหรียญโรมันยังพบที่แหล่งโบราณคดีคลองท่อมหรือควนลูกปัด จังหวัดกระบี่ เมืองออกแอว ประเทศเวียดนาม รวมถึงพบที่รัฐอานธรประเทศ ในประเทศอินเดียด้วย พบทั้งแบบที่มีภาพด้านหน้าเพียงด้านเดียว และแบบที่มีภาพสองด้านเลียนแบบเหรียญโรมันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บางชิ้นสามารถระบุได้ว่ามีต้นแบบจากเหรียญโรมันของจักรพรรดิองค์ใด เนื่องจากมีตัวอักษรภาษาละตินระบุพระนามค่อนข้างชัดเจน จี้จำนวนหนึ่งมีห่วงขดลวดทรงกระบอกสำหรับร้อยสายสร้อยติดอยู่ด้วย
สันนิษฐานว่าจี้ทองคำนี้เป็นของที่นำเข้ามาโดยพ่อค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนกับคนพื้นถิ่น ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย - สมัยทวารวดี หรือบางชิ้นอาจผลิตขึ้นในดินแดนไทยก็เป็นได้ เนื่องจากพบหลักฐานแม่พิมพ์จี้เลียนแบบเหรียญโรมันที่แหล่งโบราณคดีคลองท่อม บริเวณภาคใต้ของประเทศไทยด้วย
--------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
Brigitte Borell. The Power of Images – Coin Portraits of Roman Emperors on Jewelry Pendants in Early Southeast Asia. [Online]. Retrieved 14 May 2022, from: https://www.academia.edu/12682533/The_Power_of_Images_Coin_Portraits_of_Roma n_Emperors_on_Jewellery_Pendants_in_Early_Southeast_Asia.
Brigitte Borell, Bérénice Bellina and Boonyarit Chaisuwan. Contacts between the Upper Thai - Malay Peninsula and the Mediterranean World. [Online]. Retrieved 14 May 2022, from: https://www.academia.edu/5625563/Contacts_between_the_Upper_Thai_Malay _Peninsula_and_the_Mediterranean_World.
--------------------------------------------------
ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง https://www.facebook.com/Uthongmuseum/posts/pfbid09cN9jGbmJ11DBJWJU82KC8SmDPsunyJU51PF84J97YAVEKW9LiXb3sPZYwdA7ss2l
จากสถานการณ์น้ำในคลองบางกอกน้อยที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา กรมศิลปากร ได้ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยระหว่างวันที่ 5 - 13 ตุลาคมนี้ น้ำทะเลจะหนุนสูง ประกอบกับมีมรสุม และการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นสูง ส่งผลกระทบต่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย จึงเตรียมมาตรการรับมือเพื่อปกป้องเรือพระราชพิธีและวัตถุจัดแสดง ตามแผนบริหารความเสี่ยงจากเหตุอุทกภัยที่สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและกรมอู่ทหารเรือร่วมกันจัดทำไว้เมื่อปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากประสานอู่ทหารเรือธนบุรี เข้าร่วมตรวจสอบสภาพหมอนรองรับเรือพระราชพิธีทุกคานทุกลำและดำเนินการแก้ไขให้มีความมั่นคงแข็งแรง จากนั้นยกคานเรือพระราชพิธีขึ้นในระดับสูงสุด ผูกรัดเรือพระราชพิธีทุกลำ และเปิดวาล์วเรือพระที่นั่งเพื่อลดผลกระทบจากน้ำต่อโครงสร้างของเรือ แล้วจัดเก็บวัตถุจัดแสดงให้อยู่ในพื้นที่สูง เสริมความมั่นคงแข็งแรงให้กับโบราณวัตถุที่มีความเปราะบาง และจัดทำสะพานทางเดินชั่วคราวสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานระหว่างน้ำขึ้นท่วมทางเดิน สำหรับระดับน้ำล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ระดับน้ำท่วมในช่วงน้ำขึ้นสูงสุด 74 เซนติเมตรจากทางเดินปกติ
ทั้งนี้ กรมศิลปากร ได้ปิดการให้บริการเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ชั่วคราวระหว่างวันที่ 4-16 ตุลาคม 2565 ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมเรือพระราชพิธี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 2424 0004
การทำลายเอกสารหรือหนังสือราชการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๖๖ - ๗๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๔เอกสารของหน่วยงานที่ครบอายุการจัดเก็บตามตารางกำหนดอายุการเก็บเอกสารขององค์กรและหมดความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาไว้ก็ควรทำลายด้วยวิธีการที่เหมาะสมตามวิธีปฏิบัติที่หน่วยงานกำหนด การทำลายต้องมีหลักเกณฑ์มีการควบคุมกันอย่างรัดกุมนับตั้งแต่เริ่มขนย้ายไปจนถึงทำลายแล้วเสร็จ เพราะอาจเกิดความเสียหายตามมา อาทิ เอกสารสำคัญถูกทำลายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๖๖ - ๗๐ กำหนดว่าภายใน ๖๐ วัน หลังจากสิ้นปีปฏิทิน ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการจัดเก็บหนังสือ สำรวจหนังสือที่ครบกำหนดอายุการเก็บในปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เก็บไว้เองหรือฝากเก็บไว้ที่***กองหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร แล้วจัดทำบัญชีหนังสือขอทำลายเสนอหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการทำลาย ***หนังสือสำหรับขั้นตอนการทำลายหนังสือราชการนั้นสามารถ ดูได้ในแผ่นภาพอินโฟกราฟฟิค .ในรูปหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลานั้น ได้รับมอบหมายให้ดูแล พิจารณาขอทำลาย เเละขอสงวนเอกสารราชการของหน่วยงานราชการในพื้นที่ ๖ จังหวัด ได้แก่ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา เเละสตูลนางสาวเพ็ญทิพย์ ชุมเทพ นักจดหมายเหตุเรียบเรียงนายวีรวัฒน์ เหลาธนู นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ ทำภาพอินโฟกราฟฟิก***หนังสือ คือ หนังสือราชการ หรือเอกสารราชการ***กองหอจดหมายเหตุแห่งชาติ คือสำนักหอจดหมายเหตุในปัจจุบันเรียกชื่อนี้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร พ.ศ. ๒๕๔๕สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมฝ่ายบบริหารเอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลาโทร ๐ ๗๔๒๑ ๒๔๗๙ ต่อ ๑๐๒ โทรสาร ๐ ๗๔๒๑ ๒๑๘๒
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 53/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 44 หน้า : กว้าง 4.6 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
มหามกุฎราชสันตติวงศ์ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๒๘ วันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๕๓ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๒๘
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๓๐ สิริพระชันษา ๒ ปี
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกำหนดงานพระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้สิ่งก่อสร้างเป็นไม้จริง ด้วยมีพระราชประสงค์ว่าเมื่อเสร็จการแล้วจะพระราชทานแก่โรงพยาบาล เมื่อเสร็จการพระเมรุแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระเมรุไปสร้างเรือนคนไข้ได้จำนวน ๔ หลัง ภายในโรงพยาบาล และพระราชทานเครื่องเรือน เครื่องใช้ทั้งปวงให้แก่โรงพยาบาลวังหลัง พร้อมทั้งพระราชทานนามโรงพยาบาลวังหลังใหม่ว่า "โรงพยาบาลศิริราช"
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่สืบสายจากพระบรมชนกนาถ
ภาพ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 37/5ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 42 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 132/4เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 168/4
เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 21/6ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า : กว้าง 5.2 ซม. ยาว 54.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 56/4ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 82 หน้า : กว้าง 5.3 ซม. ยาว 57.8 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา