ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,844 รายการ
วันนี้ในอดีต 20 กรกฎาคม น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 10 ผู้ทรงเปิด อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครคีรี เมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2532
โดยเรื่องราวและความเป็นมาของ “พระนครคีรี” เป็นพระราชวังในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ประกอบไปด้วย หมู่พระที่นั่ง ตําหนักและอาคารต่าง ๆ ซึ่งสร้างด้วยไม้ อิฐ และปูน เมื่อ พ.ศ. 2426 ภายหลังจากที่พระราชวังสร้างแล้วเสร็จ 24 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ก็โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระนครคีรีทั่วทั้งบริเวณ ด้วยทรงมีพระราชประสงค์จะใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานพักผ่อนพระอิริยาบถ และเพื่อใช้รับรองพระราชอาคันตุกะ นับเป็นการบูรณะซ่อมแซมครั้งแรกของพระราชวังแห่งนี้ ทว่าหลังจากปลาย พ.ศ. 2526 นั้นก็ไม่พบหลักฐานการบูรณะอีกเลยมีเพียงการตกแต่งและดัดแปลงพื้นที่บนพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ เพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะ เมื่อต้น พ.ศ. 2553 เท่านั้น หลังจากนั้นพระนครคีรีก็ร้างไป ไม่มีเจ้านายเสด็จมา ประทับอีก จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2496
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดําเนินเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตร เห็นความรกร้าง ขาดการดูแล หมู่พระที่นั่งและอาคารต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ชํารุดทรุดโทรมทั่วกันตามกาลเวลา เช่น สีหมองมัว มีคราบรา และตะไคร่น้ำขึ้นทั่วไป อาคารบางหลังเหลือเพียงเสาหรือผนัง หลังคารั่ว ปูนเปื่อยยุ่ย ผุกร่อนและอาคารบางหลังพังทลายลงในที่สุด พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีพระราชดําริให้บูรณปฏิสังขรณ์พระนครคีรีขึ้นให้คงสภาพ
กรมศิลปากรได้ดําเนินการสํารวจ และประกาศขึ้นทะเบียนพระนครคีรีเป็นโบราณสถานสําคัญของชาติ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 (ประกาศกรมศิลปากร ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 หน้า 3693 วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2478) กําหนดเขตโบราณสถานไว้ทั้งภูเขา รวม 3 ยอดเขา และกั้นเขตบริเวณโดยรอบพระนครคีรีออกไปจากตีนเขาอีก 20 เมตร และในคราวนั้นเมื่อกรมศิลปากรได้รับงบประมาณจึงดําเนินการบูรณะพระที่นั่งและอาคารบางส่วน นับเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ของพระนครคีรี เป็นครั้งที่ 2
ต่อมากรมศิลปากรได้ประกาศจัดตั้ง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี เมื่อวันที่ สิงหาคม พ.ศ. 2522 เป็นพิพิธภัณฑ์ประเภทแหล่งอนุสรณ์สถาน และได้ดําเนินการบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2524 - 2530 นับเป็นการบูรณะครั้งที่ 3 โดยได้จัดทําโครงการเสนอแผนทํานุบํารุงส่งเสริมศิลป วัฒนธรรมเข้าในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 ชื่อโครงการอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครคีรี ซึ่งในครั้งนั้นกรมศิลปากรร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี ข้าราชการ คณะสงฆ์ และประชาชน
ได้มีส่วนร่วมในการตําปูนสําหรับบูรณะพระธาตุจอมเพชรกว่า 2,493 คน เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติแก่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัฐบาลในขณะนั้นได้กําหนดให้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร)
เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 เมื่อกรมศิลปากรดําเนินการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10 ) หรือในขณะนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งดํารงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดําเนินแทนพระองค์ ทรงเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครคีรี พร้อมทั้งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระธาตุจอมเพชร เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2532
ตลอดระยะเวลากว่า 43 ปีที่พระนครคีรี ร้างไปนั้น โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่อยู่ในอาคารและห้องต่าง แต่เดิมได้นําไปเก็บรักษาไว้ที่อื่น ยกเว้นเครื่องราชูปโภคบางองค์ที่อยู่ในสภาพชํารุด ภายหลังเมื่อกรมศิลปากร ได้ดําเนินการบูรณะอาคารจึงนําเครื่องราชูปโภคทั้งหมดที่ได้รับมอบกลับคืนมาจากสํานักพระราชวังและ กระทรวงมหาดไทย มาขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ อนุรักษ์ และนําออกจัดแสดงภายในพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ โดยจัดแสดงให้อยู่ในสภาพใกล้เคียงกับแบบเดิมให้มากที่สุด
โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่จัดแสดงและเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี จําแนกได้ เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เช่น พระแท่นบรรทม โต๊ะทรงพระอักษร โต๊ะและเก้าอี้รับแขก โต๊ะเสวย และโต๊ะเครื่องพระสําอาง เป็นต้น เครื่องราชูปโภคดังกล่าวนี้ได้แบบมาจากยุโรป แต่ใช้ช่างจีนในเมืองไทยทํา จึงมีลักษณะผสมระหว่างศิลปะยุโรป จีน และไทย นอกจากนี้ยังมีสิ่งของเครื่องใช้ เช่น เชิงเทียน แจกัน ขวด หมึกพร้อมที่วางปากกา ฯลฯ ซึ่งเป็นของที่ซื้อหรือส่งมาจากต่างประเทศ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
2. รูปหล่อโลหะสําริดและทองเหลือง ใช้สําหรับตกแต่งห้องต่าง ๆ ในพระที่นั่ง สันนิษฐานว่าพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงซื้อมาจากต่างประเทศในคราวเสด็จประพาสยุโรป
3. เครื่องกระเบื้อง ซึ่งมีทั้งเครื่องกระเบื้องของจีน เช่น กระถางต้นไม้และกรองกระถาง เครื่องกระเบื้อง ของญี่ปุ่นที่เป็นเครื่องราชูปโภค เช่น ชุดสรงพระพักตร์และขวดเครื่องพระสําอาง เครื่องใช้ เช่น แจกัน ชุดอาหาร เป็นต้น
ขอบคุณรูปภาพ : สำนักหอจดหมายเหตุเเห่งชาติ
ชื่อเรื่อง ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏธกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถ (ธมฺมปทขั้นปลาย)อย.บ. 240/12หมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 56 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ; ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พุทธ ศาสนา บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ
องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ตั๋วเมืองน่ารู้...ร่วมอนุรักษ์และสืบสานอักษรธรรมล้านนา"เมืองน่าน"เมืองเก่าล้านนาตะวันออก มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ปรากฏหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จวบจนในสมัยประวัติศาสตร์ตามลำดับพัฒนาการของศูนย์กลางเมือง ได้แก่ เมืองวรนครหรือเมืองปัว เวียงภูเพียงแช่แห้ง เวียงน่านใต้ เวียงน่านเหนือ และเวียงน่านหรือนันทบุรี ในปัจจุบัน#องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน #อักษรธรรมล้านนา
กรมศิลปากร โดยสำนักการสังคีต ขอเชิญชม โครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๗ "เหมันต์สุขศรี สุนทรีย์สังคีต" ในวันอาทิตย์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับรายการแสดง ดังนี้
๑. การบรรเลงดนตรีสากล (เริ่ม ๑๖.๓๐ น.)
๒. พิธีเปิด ฯ
๓. รำอวยพรเปิดสังคีตศาลา ปีที่ ๖๗
๔. การแสดงตำนานเทวะนิยาย เรื่องนารายณ์สิบปาง “วราหะวตาร”
๕. โขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดปฐมวงวานจักรี สร้างกรุงศรีอยุธยา
นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต กำกับการแสดงโดย ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ อำนวยการแสดงโดย ลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
บัตรราคา ๒๐ บาท (จำหน่ายบัตรก่อนการแสดง ๑ ชั่วโมง) ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐ ๒๒๒๑ ๐๑๗๑
แหล่งโบราณคดีประเทศไทย เล่ม 3
ผู้แต่ง : กองโบราณคดี กรมศิลปากร
ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร)
โรงพิมพ์ : กรมศิลปากรปีที่พิมพ์ : 2532
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ไทย
เลขทะเบียน : น.34บ. 6240 จบ(ร)เลขหมู่ : 959.3 ศ528ห
สาระสังเขป : เป็นข้อมูลรายละเอียดของแหล่งโบราณคดีในเขตจังหวัดสกลนคร จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุดรธานี จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วยแผนที่และรูปภาพที่สวยงาม
เทศกาลวันลอยกระทง
ผู้แต่ง : กรมศิลปากร
ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร)
โรงพิมพ์ : รุ่งเรืองธรรม
ปีที่พิมพ์ : 2504
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ไทย
เลขทะเบียน : น 31 บ 12412
เลขหมู่ : 294.3138 อ197ล
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี ขอเชิญร่วมกิจกรรม DIY POP-UP CARD ในโครงการ Kidsเรียนรู้ @หอสมุดแห่งชาติฯ กาญจนบุรี ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 - 16.00 น. ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ และไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3451 3926 หรือทางเฟสบุ๊ก เพจ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี https://www.facebook.com/nlkanhanaburi
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ขอเผยแพร่ องค์ความรู้ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ เรื่อง "ตามรอยรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ เมืองศรีสัชนาลัย” ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกพื้นที่ที่ทุรกันดารและทุกพื้นที่ที่ห่างไกล ในอดีตเมืองศรีสัชนาลัยถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลและเดินทางยากลำบาก แต่ความยากลำบากเหล่านี้มิได้เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรของพระองค์ ทั้งนี้จึงได้รวบรวมพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงเสด็จฯ เมืองศรีสัชนาลัย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๕ เพื่อน้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการในการอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบทอด และพัฒนามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร เสด็จพระราชดำเนินครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๐๑ วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประพาสภาคเหนือทรงเยี่ยมประชาชนจังหวัดต่างๆ รวมทั้งจังหวัดสุโขทัย เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังเมืองศรีสัชนาลัยในเวลาบ่ายและได้เสด็จพระราชดำเนินโดยพระบาท เสด็จเข้าทอดพระเนตรวัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง เสด็จพระราชดำเนินครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๐๙ วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ถึงเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. หลังประกอบพระราชพิธีแล้ว ได้เสด็จไปยังบ้านรับรองหน่วยศิลปากรที่ ๓ เมืองศรีสัชนาลัย ทอดพระเนตรรูปจำลองเมืองศรีสัชนาลัย และเสวยพระกระยาหารกลางวัน แล้วจึงได้เสด็จทอดพระเนตรโบราณสถาน วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ วัดนางพญา หลักเมือง พระราชวัง และวัดสวนแก้วอุทยานน้อย โดยมีนายมะลิ โคกสันเทียะ หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่ ๓ กราบบังคมทูลถวายคำบรรยายสรุปการปรับปรุงขุดแต่งและบูรณะที่เมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งในครั้งนั้นได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรว่า “โบราณสถานเมืองศรีสัชนาลัยนี้ เมื่อได้บูรณะเสร็จแล้วให้จัดการดูแลรักษาไว้ให้เป็นอย่างดี อย่าให้กลับชำรุดทรุดโทรมลงอีก โดยเฉพาะบริเวณพระราชวังที่ได้ขุดพบรากฐานนั้น ควรจะได้ขุดดูให้ทั่วถึง เพราะอาจพบจารึกหรือหลักฐานอันจะเป็นประโยชน์แก่ประวัติศาสตร์” กระแสพระดำรัสนี้ได้เป็นการพระราชทานแนวทางการบริหารจัดการโบราณสถานและแนวทางการศึกษาทางวิชาการโบราณคดี ซึ่งกรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานจวบจนประทั่งปัจจุบัน เสด็จพระราชดำเนินครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๑๕ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๑๐) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตรเมืองโบราณศรีสัชนาลัย ได้เสด็จทอดพระเนตรเขาพนมเพลิง เขาสุวรรณคีรี วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว (ทอดพระเนตรภาพเขียนในสถูป) วัดนางพญา (ทอดพระเนตรวิหารและลวดลายปูนปั้น) วัดสวนแก้วอุทยานน้อย และวัดเจดีย์เจ็ดยอด (วัดเจดีย์เก้ายอด) เอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร. จดหมายเหตุการอนุรักษ์เมืองโบราณศรีสัชนาลัย. กรุงเทพฯ: กองโบราณคดี กรมศิลปากร, ๒๕๓๓.สมาคมนักโบราณคดี. ๑๑๑ ปี โบราณคดีสโมสร. กรุงเทพฯ: สมาคมนักโบราณคดี, ๒๕๖๑.สำนักงานจังหวัดสุโขทัย. สุโขทัยใต้ร่มพระบารมี. (ม.ป.ท., ๒๕๔๕.).
ภาพเล่าเรื่องบุคคลนั่งชันเข่า
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น และดินเผา
- ขนาด กว้าง ๗๖.๕ ซม. ยาว ๘๐ ซม. หนา ๕ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จาการขุค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภาพปูนปั้นนี้เป็นรูปบุคคลนั่งหลังตรง หันด้านขวาของลำตัวออก ชันเข่าขวาขึ้น มือขวาประคองสิ่งของคล้ายภาชนะทรงกลมสูงตั้งบนเข่า ที่เบื้องหน้าของบุคคลดังกล่าว มีแท่นสี่เหลี่ยมตกแต่งด้านข้างด้วยลายวงกลมสลับรูปสี่เหลี่ยมฐานเว้า ด้านบนของแท่นมีชายผ้ารูปหางปลาติดอยู่ ถัดไปทางซ้ายของแท่นมีขาของอีกบุคคลหนึ่งในท่าก้าวเดิน อย่างไรก็ตาม ภาพนี้สามารถสะท้อนให้เห้นถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น เช่น ภาชนะทรงกลมมีฝาปิดเป็นรูปกรวยแหลม
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40076
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ โดยกลุ่มภาษาและวรรณกรรม กำหนดจัดกิจกรรมการแสดงสาธิต "พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์สู่การแสดง 'นารายณ์ปราบนนทก' ของกรมศิลปากร" ประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ "เอกสารล้ำค่า จารึกสยาม (Priceless Document of Siam)" ในวันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๒.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผู้สนใจขอเชิญลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมกิจกรรมทางแบบฟอร์ม https://forms.gle/kVXCYxsB8NWhCt947 รับจำนวน ๑๐๐ คน หรือสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook Live กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม https://www.facebook.com/FineArtsDept
#นานาสาระจากหนังสืออนุสรณ์งานศพ นำเสนอสาระความรู้ และแนะนำเรื่องที่น่าสนใจจากหนังสืออนุสรณ์งานศพ พร้อมประวัติของผู้วายชนม์โดยสังเขป
วันนี้ #หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ขอนำเสนอหนังสืออนุสรณ์งานศพ เรื่อง #สุภาษิตสอนสตรีของสุนทรภู่ หนังสือจัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางวุทธพิทักษ์ (แฃ วาสนะโชติ) ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2506
นางวุทธพิทักษ์ (แฃ) วาสนะโชติ เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2421 ณ ตำบลวัดเกาะ อำเภอสัมพันธวงศ์ พระนคร เป็นบุตรีคนที่ 4 ของหลวงทองสื่อ (วัน) ดารานนท์ กรมท่าซ้าย และคุณนายชุ่ม เมื่อ พ.ศ. 2449 ได้สมรสกับร้อยเอกหลวงวุทธพิทักษ์ (วาศ) วาสนะโชติ ซึ่งรับราชการเป็นมหาดเล็กหลวงรักษาพระองค์ ในรัชกาลที่ 5 มีบุตรชาย 1 คน คือ นายสวัสดิ์ วาสนะโชติ ด้านอุปนิสัยใจคอเป็นผู้ใจบุญสุนทาน ประกอบกิจการกุศลอยู่เสมอ นางวุทธพิทักษ์เริ่มป่วยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2498 และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ด้วยโรคชรา รวมอายุได้ 85 ปี
#สุภาษิตสอนสตรีของสุนทรภู่ นี้ เดิมเรียกกันว่า #สุภาษิตสอนหญิง หรือ #สุภาษิตไทย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า “สุนทรภู่เห็นจะแต่งเมื่อราวระหว่างปี พ.ศ. 2380 จน พ.ศ. 2383 ในเวลาเมื่อกลับสึกออกมาเป็นคฤหัสถ์ แล้วต้องตกยากจนถึงลอยเรืออยู่ พิเคราะห์ตามสำนวนดูเหมือนหนังสือเรื่องนี้สุนทรภู่จะแต่งขาย เป็นสุภาษิตสอนสตรีสามัญทั่วไป ความไม่บ่งว่าแต่งให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ ต้นฉบับเดิมที่หอพระสมุดฯ ได้มาเรียกว่าสุภาษิตไทย เป็นคำสมมติของผู้อื่น ดูเหมือนผู้สมมติจะไม่รู้ว่าเป็นกลอนของสุนทรภู่ด้วยซ้ำไป ถ้อยคำก็วิปลาสคลาดเคลื่อน ต้องซ่อมแซมในหอพระสมุดฯ หลายแห่ง แต่แต่งดีน่าอ่านไม่แพ้เรื่องอื่นเหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนักวิชาการบางกลุ่มได้ศึกษาและมีความเห็นว่า วรรณกรรมเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นผลงานของสุนทรภู่ แต่น่าจะเป็นของนายภู่ จุลละภมร ซึ่งเป็นกวีในสมัยรัชกาลที่ 5 มีชื่อเสียงในการแต่งนิทานชาดกคำกลอนเรื่องนกกระจาบ จึงเรียกกันทั่วไปว่า นายภู่นกกระจาบ
สุภาษิตสอนสตรีมีฉันทลักษณ์ในรูปแบบกลอนแปดสุภาพ มีจำนวน 201 บท เนื้อหาและใจความสำคัญว่าด้วยเรื่องการสอนสตรีให้ประพฤติปฏิบัติตามค่านิยมอันดีของสังคมไทยดั้งเดิมในด้านต่าง ๆ เป็นคำสอนที่ใช้ได้กับสตรีทุกชนชั้น มีทั้งข้อห้าม ข้อที่ควรปฏิบัติ ทั้งในเรื่องของการวางตัว กิริยามารยาท การพูดจา การแต่งกาย การเลือกคู่ครอง การปรนนิบัติ ความซื่อสัตย์ต่อสามี การดูแลบ้านเรือน ความมัธยัสถ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังกล่าวถึงลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ของสตรีแบบต่าง ๆ เช่น การละทิ้งพ่อแม่ ติดการพนัน สูบฝิ่นกินเหล้า หญิงสองใจ เป็นต้น สตรีเหล่านี้ชีวิตมีแต่จะประสบความหายนะ ซึ่งคำสอนต่าง ๆ สามารถนำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติได้เป็นอย่างดีสำหรับสังคมไทยในปัจจุบัน ดังตัวอย่าง เรื่องของความประหยัดมัธยัสถ์ ความว่า
“มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน”
หรือ การกล่าวถึงความสำคัญของคำพูด ความว่า
“เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้พูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ”
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก https://www.finearts.go.th/chantaburilibrary/view/50216
หรือสแกนอ่านจาก QR Code เพื่ออ่านในรูปแบบ E-Book
บรรณานุกรม
ประชุมสุภาษิตสอนหญิง. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2567, จาก: https://vajirayana.org/ประชุมสุภาษิตสอนหญิง/สุภาษิตสอนสตรี/บทนำเรื่อง.
สุนทรโวหาร (ภู่), พระ. สุภาษิตสอนสตรีของสุนทรภู่. พระนคร: แสงทองการพิมพ์, 2506.
ที่ระลึกในวโรกาสสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินทรงพระกอบพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ วันศุกร์ที่ 7 เมษายน 2532. กรุงเทพฯ :