ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,777 รายการ
ชื่อโบราณวัตถุ : ภาชนะดินเผาเขียนสีรูปสัตว์แบบศิลปะ : สมัยก่อนประวัติศาสตร์ชนิด : ดินเผาขนาด : สูง 22.8 เซนติเมตร ปากกว้าง 14.2 เซนติเมตรอายุสมัย : วัฒนธรรมบ้านเชียงสมัยปลาย 2,300 - 1,800 ปีมาแล้วลักษณะ : ภาชนะดินเผาก้นกลม มีเชิง เขียนสีแดงเป็นลายรูปสัตว์สภาพ : ...ประวัติ : ...สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีแสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang/360/model/03/ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang
ชื่อเรื่อง กาพย์ห่อโคลงนิราศเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ วรรณคดีเลขหมู่ 895.9111 ธ337กสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนาการปีที่พิมพ์ 2465ลักษณะวัสดุ 98 หน้า หัวเรื่อง กาพย์ โคลงภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกกาพย์ห่อโคลงที่พิมพ์ในหนังสือนี้ เป็นเรื่องนิราศพระบาท ทรงพระนิพนธ์ดีในด้านกลอน ทำให้รู้เรื่องประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น การแต่งกายของผู้หญิง สิ่งของเครื่องใช้ในสมัยนั้น ตอนต้นของหนังสือมีอธิบายกาพย์ห่อโคลงของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพไว้ด้วย
พระพักตร์พระพุทธรูป
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๕ – ๑๖)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๔๓.๘ ซม. ยาว ๔๖ ซม. หนา ๑.๕ ซม.
พบที่วัดพระประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พระพักตร์พระพุทธรูปมีลักษณะของศิลปะขอมเข้ามาผสม คือ มีการทำเรียวพระมัสสุเหนือพระโอษฐ์ พระเนตรสลักเป็นรูกลมเดิมคงฝังหินสีหรือวัสดุอื่นประดับ ด้านหลังพระพักตร์มีแกนเป็นแผ่นอิฐครึ่งแผ่นอยู่ตรงกลงแล้วปั้นปูนพอกด้านหน้า
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40180
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
กรมธนารักษ์ กรมศิลปากร ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอเชิญเข้าร่วมงาน “แลหลัง มองหน้า กำแพงเมืองคอน” ระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 16.30 น. ณ กำแพงเมืองเก่า สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช จังหวัดนครศรีธรรมราช และขอเชิญรับฟังการเสวนา หัวข้อ “มาแล มาเล่า มาแหลง เรื่องกำแพงเมืองคอน” วิทยากรโดย ผศ.ฉ้ตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช อาจารย์วาที ทรัพย์สิน ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช และนางสาวสิริยุพน ทับเป็นไทย นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 18.30-20.30 น. ณ กำแพงเมืองเก่า สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
ภายในงานพบกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น หลาดกำแพงเมืองคอน รถรางชมเมือง นิทรรศการ “กำแพงเมือง-คูเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช” นิทรรศการ “มาแล มาถ่าย กำแพงเมืองคอน” และการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของน้อง ๆ เยาวชน งานนี้มีทั้งสาระและความบันเทิง ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
“วันสุนทรภู่ 26 มิถุนายน”
วันสุนทรภู่ หมายถึง วันคล้ายวันเกิดของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวัง ซึ่งมีผลงานด้านบทกลอนที่มีคุณค่าแก่แผ่นดินเป็นจำนวนมาก
สุนทรภู่ เกิดวันจันทร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2329 ณ บริเวณด้านเหนือของพระราช วังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาเป็นชาวบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ส่วนมารดาไม่ทราบแน่ชัดว่า เป็นคนจังหวัดใด สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เมื่อท่านเกิดได้ไม่ถึงหนึ่งขวบ บิดามารดาได้หย่าร้างกัน บิดากลับไปบวชที่วัดป่า อำเภอแกลง ส่วนมารดาได้ถวายตัวเป็นแม่นมของพระธิดาในกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข
สุนทรภู่อยู่กับมารดา เข้าเรียนที่สำนักวัดชีปะขาวหรือวัดศรีสุดาราม มีความรู้จนได้เป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ด้วยความไม่ชอบงานเสมียน ทำได้ไม่นานก็ลาออก สุนทรภู่อยู่ในวังกับมารดา จนอายุได้ 20 ปี ได้ลอบรักใคร่กับสาวชาววัง ชื่อ จัน จนถูกลงโทษจองจำและถูกโบย เมื่อพ้นโทษ ได้กลับไปหาบิดาที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง และแต่งงานกับจัน แต่อยู่กันไม่นานก็เกิดระหองระแหง คงเป็นเพราะสุนทรภู่เมาสุราอยู่เป็นนิตย์ จึงได้เลิกหย่าร้างกัน
ในสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด ในสมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ถูกกล่าวหา ด้วยเรื่องเสพสุรา และเรื่องอื่นๆ จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร
ต่อมาสุนทรภู่ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) และเดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ บวชใหม่ถึง 2 ครั้ง แล้วลาสิกขาบทถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ) ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระบวรราชวัง ในปี พ.ศ. 2394 รับราชการอยู่ 4 ปีก็ถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 69 ปี
ผลงานของสุนทรภู่มีนิราศ 9 เรื่อง นิทาน 5 เรื่อง สุภาษิต 3 เรื่อง บทละคร 1 เรื่อง บทเสภา 2 เรื่อง และบทเห่กล่อม 4 เรื่อง
ในปี พ.ศ. 2529 ในโอกาสครบรอบ 200 ปี สุนทรภู่ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นกวีเอกของโลก เพื่อรำลึกถึงสุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ 26 มิถุนายน เป็นวันที่รำลึกถึงสุนทรภู่ มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไว้ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
เย็นเกือบจะค่ำ ตะวันต่ำจวนสนธยา
แดดอ่อนผ่อนแสงมา สุริยาจวนอัสดง...
#พระอาทิตย์ตกตรงช่องประตูปราสาทพิมาย
#วันเสาร์ที่16พฤศจิกายน2567
#อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
สระโกสินารายณ์
สระโกสินารายณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นสระน้ำโบราณขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกเมืองโบราณโกสินารายณ์ หรือ ตามที่นักวิชาการสันนิษฐานว่า คือ เมือง “ศัมพูกปัฏฏนะ”๑ ใน ๒๓ เมืองซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงพระราชทานพระชัยพุทธมหานาถ ไปประดิษฐานยังศาสนสถานตามเมืองต่างๆ ดังข้อความในจารึกปราสาทพระขรรค์ สอดคล้องกับการพบหลักฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะเขมรแบบบายน (พุทธศตวรรษที่ ๑๘)
เมืองโบราณโกสินารายณ์ เป็นเมืองที่มีคูน้ำคันดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง – ยาวประมาณด้านละ ๙๖๐ เมตร เกือบกลางเมืองค่อนไปทางทิศเหนือ มีโบราณสถานสำคัญ เรียกว่า “จอมปราสาท” กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งในปี พ.ศ.๒๕๐๙ พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมและประติมากรรมแบบเขมรโบราณ ภายในกำแพงเมืองมีสระน้ำหลายสระ ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก มีสระน้ำชื่อสระนาคและสระจระเข้ ทิศเหนือใกล้กำแพงเมืองมีสระมังกร สระแก้วและสระนาค ส่วนนอกกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือ คือ สระโกสินารายณ์
กว้าง ๒๐๐ เมตร ยาว ๔๐๐ เมตร หลักฐานสำคัญที่พบที่เมืองนี้ คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีแปดกร ขนาดสูง ๑๕๕ เซนติเมตร สลักจากหินทราย ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานกำแพงเมือง สระโกสินารายณ์ จอมปราสาท และ
สระกร ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๙๖ ตอนที่ ๑๖๗ วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๒๒
Sa Kosinarai
Sa Kosinarai is located in Tha Pha Subdistrict, Ban Pong District, Ratchaburi Province. It is a large ancient pond situated outside of Kosinarai Ancient City. According to scholars’ presumptions, Kosinarai city is actually “Samphukapattana city” which is stated in the Prasat Preah Khan inscription as one of the twenty-three cities where King Jayavarman VII bestowed Phra Buddhamahanatha statues to be enshrined. The discovery of the Radiant Avalokiteshvara Bodhisattva statue of Bayon Khmer art (13th century) in Kosinarai Ancient City is evidence of proof. Surrounded by moats and walls, Kosinarai ancient city is a square-shaped city with a width of around 960 meters on each side. North of the center of the city is a significant ancient monument named “Chom Prasat.” The Fine Arts Department excavated it in 1966 and found ancient Khmer architectural parts and sculptures. There are many ponds inside the city wall, such as Sa Nak and Sa Charakhe on the east and west sides, Sa Mangkon, Sa Kaeo, and Sa Nak in the north direction near the city wall. Outside the north city wall lies Sa Kosinarai, which is about 200 meters in width and 400 meters in length. Significant evidence found in this city is a sandstone statue of the Radiant Bodhisattva Avalokiteshvara, which is 155 centimeters high.
At the present, this image is being displayed at Ratchaburi National Museum.
The Fine Arts Department announced the registration of Kosinarai city walls,
Sa Kosinarai, Chom Prasat, and Sa Mangkon as ancient monuments in the Royal Gazette, Volume 96, Part 167, dated 25th September 1979.
พุทธศักราช ๒๕๖๘ นับเป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุเสมอพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัฐบาลจึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติ "พระราชพิธีสมมงคล" ขึ้น เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในวันอังคารที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีรายการแสดง ๑. รำเฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีสมมงคล ๒. โขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามอยุธเยศเศวตฉัตร นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต กำกับการแสดงโดย ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ อำนวยการแสดงโดย ศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต และอำนวยการทั่วไปโดย พนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร สำนักการสังคีต ได้สร้างสรรค์การแสดงถวายพระพรชัยมงคล "รำเฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีสมมงคล" ขึ้น โดยสมมุติให้ผู้แสดงเป็นเทวดา นางฟ้าที่ต่างปลื้มปิติยินดี ร่วมกันจัดระบำถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติยศแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศและสถิตเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบจิรัฏฐิติกาล ตามบทการแสดงซึ่งประพันธ์โดย นายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรี (ด้านการสังคีต) ประดิษฐ์ท่ารำโดย นางวันทนีย์ ม่วงบุญ ผู้ชำนาญการศิลปะการแสดง สำนักการสังคีต กรมศิลปากร บรรจุเพลงโดย นายไชยยะ ทางมีศรี ศิลปินแห่งชาติ ผู้ชำนาญการด้านดนตรีไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร สำหรับ "เพลงร่มพระบารมี" ซึ่งเป็นเพลงหนึ่งที่ใช้บรรจุอยู่ในการแสดงชุดนี้ เป็นเพลงที่นายไชยยะ ทางมีศรี ประพันธ์ขึ้นใหม่เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพุทธศักราช ๒๕๖๓ การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามอยุธเยศเศวตฉัตร กล่าวถึงพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระราม พร้อมด้วยเทพอาวุธจุติเป็นสามพระอนุชา ส่วนพระลักษมีอวตารเป็นนางสีดาธิดาทศกัณฐ์ และบรรดาเทพนพเคราะห์จุติเป็นไพร่พลวานรตามมาเป็นข้าทหาร เพื่อช่วยพระรามปราบทศกัณฐ์อสูรร้าย เมื่อพระรามรับสัตย์พระบิดาออกบวชเป็นฤษีเดินป่าเป็นเวลา ๑๔ ปี นางสีดา มเหสีและพระลักษมณ์ จึงออกติดตามมาจนได้พลวานรเป็นข้าทหารพระรามจึงยกกองทัพข้ามสมุทรไปทำสงครามสังหารทศกัณฐ์จนถึงแก่ความตาย แล้วรับนางสีดาคืนกลับมา ขณะนั้นครบเวลา ๑๔ ปี พระพรต พระสัตรุดและสามพระมารดา จึงเสด็จพร้อมด้วยขบวนเกียรติยศ มาอัญเชิญพระรามกลับสู่่กรุงศรีอยุธยาเพื่อเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา บรรดาเทวดานางฟ้าจึงต่างมาร่วมกันร่ายรำถวายพระพรชัยมงคล แซ่ซ้องสรรเสริญพระรามและพระราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ให้ทรงพระเจริญ
ชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักการสังคีต (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๑ ๖๕๓๒ หรือ ๐ ๒๒๒๓ ๓๕๑๐
โครงการศึกษา ค้นคว้าองค์ความรู้อัตลักษณ์รำฉุยฉายเพื่อแปลงกายของตัวละครแต่ละประเภทในการแสดงโขนผู้เรียบเรียง นายชวลิต สุนทรานนท์
นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 95/6หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 48 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 54 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 147/3หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 24 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55.5 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลานจาก จ.พระนครศรีอยุธยา