ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,802 รายการ
สระโกสินารายณ์
สระโกสินารายณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นสระน้ำโบราณขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกเมืองโบราณโกสินารายณ์ หรือ ตามที่นักวิชาการสันนิษฐานว่า คือ เมือง “ศัมพูกปัฏฏนะ”๑ ใน ๒๓ เมืองซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงพระราชทานพระชัยพุทธมหานาถ ไปประดิษฐานยังศาสนสถานตามเมืองต่างๆ ดังข้อความในจารึกปราสาทพระขรรค์ สอดคล้องกับการพบหลักฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะเขมรแบบบายน (พุทธศตวรรษที่ ๑๘)
เมืองโบราณโกสินารายณ์ เป็นเมืองที่มีคูน้ำคันดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง – ยาวประมาณด้านละ ๙๖๐ เมตร เกือบกลางเมืองค่อนไปทางทิศเหนือ มีโบราณสถานสำคัญ เรียกว่า “จอมปราสาท” กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งในปี พ.ศ.๒๕๐๙ พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมและประติมากรรมแบบเขมรโบราณ ภายในกำแพงเมืองมีสระน้ำหลายสระ ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก มีสระน้ำชื่อสระนาคและสระจระเข้ ทิศเหนือใกล้กำแพงเมืองมีสระมังกร สระแก้วและสระนาค ส่วนนอกกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือ คือ สระโกสินารายณ์
กว้าง ๒๐๐ เมตร ยาว ๔๐๐ เมตร หลักฐานสำคัญที่พบที่เมืองนี้ คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีแปดกร ขนาดสูง ๑๕๕ เซนติเมตร สลักจากหินทราย ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานกำแพงเมือง สระโกสินารายณ์ จอมปราสาท และ
สระกร ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๙๖ ตอนที่ ๑๖๗ วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๒๒
Sa Kosinarai
Sa Kosinarai is located in Tha Pha Subdistrict, Ban Pong District, Ratchaburi Province. It is a large ancient pond situated outside of Kosinarai Ancient City. According to scholars’ presumptions, Kosinarai city is actually “Samphukapattana city” which is stated in the Prasat Preah Khan inscription as one of the twenty-three cities where King Jayavarman VII bestowed Phra Buddhamahanatha statues to be enshrined. The discovery of the Radiant Avalokiteshvara Bodhisattva statue of Bayon Khmer art (13th century) in Kosinarai Ancient City is evidence of proof. Surrounded by moats and walls, Kosinarai ancient city is a square-shaped city with a width of around 960 meters on each side. North of the center of the city is a significant ancient monument named “Chom Prasat.” The Fine Arts Department excavated it in 1966 and found ancient Khmer architectural parts and sculptures. There are many ponds inside the city wall, such as Sa Nak and Sa Charakhe on the east and west sides, Sa Mangkon, Sa Kaeo, and Sa Nak in the north direction near the city wall. Outside the north city wall lies Sa Kosinarai, which is about 200 meters in width and 400 meters in length. Significant evidence found in this city is a sandstone statue of the Radiant Bodhisattva Avalokiteshvara, which is 155 centimeters high.
At the present, this image is being displayed at Ratchaburi National Museum.
The Fine Arts Department announced the registration of Kosinarai city walls,
Sa Kosinarai, Chom Prasat, and Sa Mangkon as ancient monuments in the Royal Gazette, Volume 96, Part 167, dated 25th September 1979.
พุทธศักราช ๒๕๖๘ นับเป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุเสมอพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัฐบาลจึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติ "พระราชพิธีสมมงคล" ขึ้น เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในวันอังคารที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีรายการแสดง ๑. รำเฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีสมมงคล ๒. โขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามอยุธเยศเศวตฉัตร นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต กำกับการแสดงโดย ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ อำนวยการแสดงโดย ศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต และอำนวยการทั่วไปโดย พนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร สำนักการสังคีต ได้สร้างสรรค์การแสดงถวายพระพรชัยมงคล "รำเฉลิมพระเกียรติพระราชพิธีสมมงคล" ขึ้น โดยสมมุติให้ผู้แสดงเป็นเทวดา นางฟ้าที่ต่างปลื้มปิติยินดี ร่วมกันจัดระบำถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติยศแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศและสถิตเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบจิรัฏฐิติกาล ตามบทการแสดงซึ่งประพันธ์โดย นายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรี (ด้านการสังคีต) ประดิษฐ์ท่ารำโดย นางวันทนีย์ ม่วงบุญ ผู้ชำนาญการศิลปะการแสดง สำนักการสังคีต กรมศิลปากร บรรจุเพลงโดย นายไชยยะ ทางมีศรี ศิลปินแห่งชาติ ผู้ชำนาญการด้านดนตรีไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร สำหรับ "เพลงร่มพระบารมี" ซึ่งเป็นเพลงหนึ่งที่ใช้บรรจุอยู่ในการแสดงชุดนี้ เป็นเพลงที่นายไชยยะ ทางมีศรี ประพันธ์ขึ้นใหม่เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพุทธศักราช ๒๕๖๓ การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามอยุธเยศเศวตฉัตร กล่าวถึงพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระราม พร้อมด้วยเทพอาวุธจุติเป็นสามพระอนุชา ส่วนพระลักษมีอวตารเป็นนางสีดาธิดาทศกัณฐ์ และบรรดาเทพนพเคราะห์จุติเป็นไพร่พลวานรตามมาเป็นข้าทหาร เพื่อช่วยพระรามปราบทศกัณฐ์อสูรร้าย เมื่อพระรามรับสัตย์พระบิดาออกบวชเป็นฤษีเดินป่าเป็นเวลา ๑๔ ปี นางสีดา มเหสีและพระลักษมณ์ จึงออกติดตามมาจนได้พลวานรเป็นข้าทหารพระรามจึงยกกองทัพข้ามสมุทรไปทำสงครามสังหารทศกัณฐ์จนถึงแก่ความตาย แล้วรับนางสีดาคืนกลับมา ขณะนั้นครบเวลา ๑๔ ปี พระพรต พระสัตรุดและสามพระมารดา จึงเสด็จพร้อมด้วยขบวนเกียรติยศ มาอัญเชิญพระรามกลับสู่่กรุงศรีอยุธยาเพื่อเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา บรรดาเทวดานางฟ้าจึงต่างมาร่วมกันร่ายรำถวายพระพรชัยมงคล แซ่ซ้องสรรเสริญพระรามและพระราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ให้ทรงพระเจริญ
ชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักการสังคีต (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๑ ๖๕๓๒ หรือ ๐ ๒๒๒๓ ๓๕๑๐
โครงการศึกษา ค้นคว้าองค์ความรู้อัตลักษณ์รำฉุยฉายเพื่อแปลงกายของตัวละครแต่ละประเภทในการแสดงโขนผู้เรียบเรียง นายชวลิต สุนทรานนท์
นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 95/6หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 48 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 54 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 147/3หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 24 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55.5 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลานจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)
อย.บ. 128/6
หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 26 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58.5 ซม.
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สลากรีวิชาสุตฺต (สลากรีวิชาสูตร)เลขทะเบียน 24/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 24 หน้า : กว้าง 5.5 ซม. ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง พระธรรมเทศนาภาษา บาลี/ไทยอีสานบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับมอบมาจากนางสุดา วงษ์พันธุ์
เลขทะเบียน : นพ.บ.652/ก/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 32 หน้า ; 3.5 x 51 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 207 (106-114) ผูก ก1 (2568)หัวเรื่อง : กจฺจายมูล--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อแบบฉบับ : ธมฺมปทโปราณคาถา (ผูก 5)
ชื่อเรื่อง : โปราณคาถาธัมมปท (ผูก 5)
เลขทะเบียน : ชม.บ.616/5
ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ ผู้สร้าง : เจ้ามหาสุรหงษ์ ปีที่สร้าง : จ.ศ.958 (พ.ศ. 2139)
จำนวน : 1 คัมภีร์ 3 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก 1, 2,5)
จำนวนบรรทัด : 6 บรรทัด จำนวนหน้า : 54 หน้า
อักษร : ธรรมล้านนา ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา เส้น : จาร
ฉบับ : ชาดทึบ ไม้ประกับ : ไม่มี ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน
ประวัติ : จ.ศ.958 (พ.ศ.2139 สมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568
เลขทะเบียน : นพ.บ.782/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4 x 56 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 241 (452-462) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : เทวทูตสูตร--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สาระอีสาน นำเสนอและเผยแพร่เกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากข้อมูลท้องถิ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน และหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีให้บริการอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ขอนำเสนอคำต้องห้ามในอดีตที่ไม่ควรพูดกับคนโคราช นั่นก็คือ คำว่า "หมูโคราช" เรียบเรียงโดย นางสาวกุลริศา รัชตะวุฒิ นักภาษาโบราณ เนื้อหามีดังนี้
ในปัจจุบัน คำว่า หมูโคราช หากเราค้นหาบนอินเทอร์เน็ต ก็จะปรากฏรูปหมูตัวเล็กตัวใหญ่ แหล่งพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายหมู แหล่งอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ แต่ใครจะรู้เล่าว่า คำว่า หมูโคราช ในอดีตเป็นคำที่ไม่สุภาพสำหรับชาวโคราช
ในอดีตเมืองโคราชเป็นศูนย์กลางทางการค้าขายเนื่องจากเป็นเมืองที่เชื่อมระหว่างภาคอีสานกับกรุงเทพฯ โคราชจึงมีตลาดที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าก็คือ ตลาดกลางศาลาโนนดินทราย (ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา) โดยมีพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกจังหวัดในภาคอีสานจะเดินทางมาค้าขายที่ตลาดแห่งนี้ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม ต่างนำสินค้ามาค้าขายเช่นกัน โดยสินค้าที่นำมาค้าขายก็จะมีพวกสัตว์ต่าง ๆ เช่น วัว ควาย สุกร ฯลฯ พืชผักผลไม้ต่าง ๆ ฯลฯ นอกจากจะเป็นตลาดแล้วยังเสมือนเป็นจุดพักสินค้าเพื่อรอขนส่งไปยังกรุงเทพฯ โดยมีพ่อค้าจากกรุงเทพฯ รับซื้อสินค้าจากเมืองโคราชโดยทางรถไฟ
จุดเริ่มต้นของคำว่าหมูโคราชได้เริ่มขึ้นเมื่อพ่อค้าที่นำหมูจากโคราชมาถึงกรุงเทพฯ พ่อค้าหมูกรุงเทพฯ ก็จะพูดว่า “หมูโคราชมาแล้ว” จึงเป็นที่มาของคำว่า หมูโคราช แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่พ่อค้าหมูจากโคราชถูกพ่อค้ากรุงเทพฯหลอกโดยโกงตาชั่ง และกดราคา ความหมายของคำว่า หมูโคราช จึงเปลี่ยนไป จากที่หมายถึงสัตว์ก็กลายเป็นคน เมื่อพ่อค้ากรุงเทพฯ เห็นพ่อค้าที่นำหมูมาจากโคราช ก็จะพูดว่า “หมูมาแล้ว” หรือ “หมูโคราชมาแล้ว” โดยพูดเป็นเชิงทำนองว่า หวานหมู
ต่อมาคนกรุงเทพฯ เรียกคนโคราชที่เดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ ว่า หมูโคราช ซึ่งคนโคราชไม่ชอบที่ถูกเรียกแบบนี้ เพราะมีความหมายในเชิงดูถูกดูแคลนว่าเซ่อซ่าโดนหลอกง่ายดังที่กล่าวมาข้างต้น พอถูกเรียกว่าหมูโคราชก็มักจะตอบโต้กลับด้วยความรุนแรงมีปากเสียงหรือทะเลาะเบาะแว้งจนไม่มีใครกล้าเรียกคนโคราชว่าหมูโคราชอีก คำว่าหมูโคราชจึงหายไป
บรรณานุกรม
เมตต์ เมตต์การุณ์จิต. ย้อนเรื่องเมืองโคราช : โคราชในความทรงจำ. นครราชสีมา: ยืดหยัดชัดเจน, 2562
หมูโคราชในอดีต. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 26 มิถุนายน 2567, จาก: https://www.facebook.com/korat.in.the.past/posts/pfbid02JZ9spUtRGmfktRHwqqYrx5hY6npmQzQzeXNhLXoD1kqag32zxX6Y8N2ZdZMBbEYil