ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ
ไหลาว ภาชนะรูปแบบเด่นที่พบในภูมิภาคอีสานใต้ ซึ่งแม้จะไม่ได้มีแหล่งผลิตในภูมิภาคอีสานใต้ แต่จากการขุดศึกษาโบราณสถานพระธาตุกุดจอด ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งกำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22-24 และธาตุลาวอีกหลายแห่ง เราพบไหลาว ซึ่งมีรูปแบบภาชนะที่โดดเด่นด้วยเช่นกัน ไหลาว เป็นภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งในกลุ่มวัฒนธรรมล้านช้าง ที่มักจะสร้างความสับสนให้กับนักโบราณคดีมือใหม่ที่มักจะตีความว่าเป็นไหเขมร เนื่องจากมีลักษณะสีน้ำเคลือบที่ใกล้เคียงกันและมักพบในแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นเดียวกัน ภาชนะแบบนี้มีแหล่งผลิตอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำสงคราม ในพื้นที่จังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม และกลุ่มเตาในกรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เทคนิคการผลิตในแต่ละกลุ่มเตาค่อนข้างจะเหมือนกัน แตกต่างที่การทำสีเคลือบ ภาชนะแบบไหที่เป็นรูปแบบที่พบมากจากลุ่มเตาลุ่มแม่น้ำสงคราม ทำเป็นภาชนะขนาดใหญ่ทรงสูง ขอบปากสูง มีส่วนคอแคบ ส่วนลำตัวป่องออก แล้วเรียวลงสู่ฐานที่แคบและไม่มีเชิง มีทั้งรูปทรงที่ส่วนคอสั้น และส่วนคอจนถึงขอบปาก สูง รัศมีขอบปากมีทั้งที่แคบกว่าและใกล้เคียงเส้นผ่าศูนย์กลางลำตัวของภาชนะเคลือบน้ำเคลือบสีน้ำตาลที่อาจมีโทนสีต่างกันไปบ้างในแต่ละแห่งและแบบไม่เคลือบ เนื้อภาชนะมีสีเทา มีการตกแต่งบริเวณไหล่ ด้วยหูหลอก หรือที่เรียกว่า “จีบแปะ”, ลวดลายขด, ลวดลายต่าง ๆ ด้วยเทคนิคอื่น ๆ อีกหลายแบบ สีของน้ำเคลือบภาชนะจากกลุ่มเตาลุ่มน้ำสงคราม พบเพียงสีเดียวคือ สีน้ำตาล ในแต่ละกุล่มเตามีลักษณะเฉพาะของสีน้ำเคลือบต่างกันไป เช่น สีน้ำตาลอ่อน, สีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลไหม้, สีน้ำตาลอมแดง, สีน้ำตาลอมเขียว การทำเคลือบสีน้ำตาล น่าจะเป็นเพราะ การใช้สารประกอบออกไซด์ของเหล็กหรือตะกรันเหล็กหาได้ง่าย และเทคนิควิธีการเคลือบไม่ยุ่งยากซับซ้อน เหมาะที่จะใช้สำหรับภาชนะขนาดใหญ่ การเคลือบไห มักจะเคลือบเฉพาะด้านนอกจนถึงขอบปากด้านใน น้ำเคลือบไหลหยดเป็นทางและเกาะตัวกับผิวภาชนะได้ไม่ดี, ส่วนชามจะเคลือบเฉพาะด้านใน ซึ่งน่าจะมีความสัมพันธ์กับเครื่องถ้วยกลุ่มล้านนา-สุโขทัย มากกว่าเครื่องถ้วยเขมร ผลิตภัณฑ์จากแม่น้ำสงคราม ส่วนใหญ่ ทำขึ้นเพื่อใช้ในพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย เป็นภาชนะที่มีค่า สำหรับใส่กระดูกแล้วฝัง ในชุมชนที่พบภาชนะใส่กระดูกลักษณะนี้ จึงเป็นชุมชนที่ร่วมสมัยกับระยะที่อาณาจักรลาวเข้มแข็ง ในพุทธศตวรรษที่ 20-21 ซึ่งสามารถดูการกระจายตัวของชุมชนในระยะนี้ได้จาก การกระจายตัวของวัฒนธรรมไหใส่กระดูก ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากเตาลุ่มน้ำสงคราม และพบแพร่กระจายในกลุ่มชนที่รับวัฒนธรรมล้านช้าง ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างด้วย การที่น้ำเคลือบเกาะผิวไม่ดีจึงมักหลุดล่อนได้ง่าย มีไม่สม่ำเสมอ และมีหยดน้ำเคลือบปรากฏให้เห็นอยู่เสมอก็พอทำให้สามารถแยกไหลาวออกจากไหเขมรได้ นอกจากนี้เนื้อดินของไหเขมรมักจะมีเม็ดกรวดเล็กๆปนอยู่เสมอแต่ไหลาวมักจะมีเนื้อดินเนียนละเอียดกว่า นอกจากไหแล้ว กลุ่มเตาในวัฒนธรรมล้านช้างยังผลิตภาชนะเคลือบสีเขียวขนาดเล็ก จำพวก ถ้วย-ชาม , กล้องยาสูบดินเผา, ตุ้มถ่วงแห ฯลฯ ชาม กระปุก อีกด้วย------------------------------------------------------------ข้อมูลโดย นายกิตติพงษ์ สนเล็ก นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา------------------------------------------------------------แหล่งอ้างอิงข้อมูล สำนักงานศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา. รายงานการขุดแต่งโบราณสถานพระธาตุกุดจอก บ้านยางน้อย ตำบลบ้านยาง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ. นครราชสีมา: สำนักงานศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา. 2546. ปริวรรต ธรรมาปรีชากร และคณะ. ศิลปะเครื่องถ้วยในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โอสถสภา. 2539. น.77-79.
องค์ความรู้ : อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เรื่อง : ประติมากรรมรูปสตรี พบจากการขุดแต่งปราสาทเมืองต่ำ
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขาพนมรุ้งประมาณ ๗ กิโลเมตร เป็นปราสาทบนที่ราบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบริเวณเขาพนมรุ้ง - เขาปลายบัด ปราสาทแห่งนี้ได้รับการขุดค้น ขุดแต่ง จากกรมศิลปากรเมื่อปี ๒๕๓๑ - ๒๕๓๒ และดำเนินการบูรณะด้วยวิธีอนัสติโลซิสจนแล้วเสร็จในปี ๒๕๓๙
จากการขุดค้น ขุดแต่งครั้งนั้น ได้พบโบราณวัตถุชิ้นสำคัญหลายรายการ เช่น ศิวลึงค์หินทราย แผ่นทองคำรูปดอกบัวแปดกลีบ ประติมากรรมรูปบุรุษ และประติมากรรมรูปสตรี เป็นต้น ในบรรดารูปเคารพที่พบ ประติมากรรมรูปสตรีมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากประติมากรรมชิ้นนี้ พบชิ้นส่วนกระจายอยู่ต่างที่กัน กล่าวคือ ขุดพบพระกรซ้ายบริเวณด้านหน้าปราสาทอิฐด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นขุดพบส่วนพระอุระบริเวณด้านหน้าของปราสาทประธานฝั่งซ้าย และพบท่อนพระวรกายจรดข้อพระบาทรวมถึงส่วนฐานบริเวณด้านหน้าปราสาทประธานฝั่งขวา เมื่อนำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน ปรากฏว่าเข้ากันได้สนิท เป็นประติมากรรมชิ้นเดียวกัน อย่างไรก็ตามประติมากรรมชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ ขาดในส่วนของพระเศียร พระกรด้านขวา และข้อพระบาทด้านซ้ายซึ่งสูญหายไป
จากชิ้นส่วนที่เหลืออยู่มีลักษณะเป็นรูปสตรียืนในท่าสมภังค์ (ยืนตรง) สูง ๕๘ เซนติเมตร พระหัตถ์ซ้ายจีบนิ้วชี้จรดหัวแม่มือ พระวรกายส่วนพระอุระเปลือยเปล่าไม่มีเครื่องประดับ ในส่วนของผ้านุ่งมีลักษณะยาวเป็นริ้วขอบผ้าด้านบนเว้าลง มีชายพกทางด้านซ้าย ด้านหน้ามีชายผ้าห้อยลงเป็นรูปคล้ายหางปลา และมีเข็มขัดคาดทับ ๑ เส้น มัดปลายเข็มขัดเป็นเงื่อนที่ด้านหน้า เป็นลักษณะของศิลปะขอมแบบบาปวน อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๖ หรือประมาณ ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันกับ ประติมากรรมรูปสตรีพบที่ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ และนางอัปสรคู่พบที่ศาลพระกาฬ จังหวัดลพบุรี
สันนิษฐานว่ารูปเคารพดังกล่าวอาจเป็นพระอุมาชายาของพระศิวะ เนื่องจากที่ปราสาทประธาน ปราสาทเมืองต่ำได้ขุดพบศิวลึงค์หินทรายองค์ใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเนื่องในลัทธิ ไศวนิกาย และประติมากรรมรูปสตรีองค์นี้เดิมก็น่าจะเคยประดิษฐานบริเวณปราสาทประธานด้วยเช่นกัน ปัจจุบันประติมากรรมรูปสตรีเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย จังหวัดนครราชสีมา
เรียบเรียงโดย: นายกฤษณพงศ์ พูนสวัสดิ์ นักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เอกสารอ้างอิง:
กรมศิลปากร, สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๙ นครราชสีมา. ปราสาทเมืองต่ำ. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๔๐.
สามารถ ทรัพย์เย็น และคณะ. รายงานการขุดแต่งโบราณสถานปราสาทเมืองต่ำ และการขุดตรวจเพื่อค้นหาแหล่งชุมชนโบราณบริเวณโดยรอบปราสาทเมืองต่ำ. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๓๖.
สุภัทรดิศ ดิศกุล, หม่อมเจ้า. ประติมากรรมขอม. กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์, ๒๕๑๕.
สัมภาษณ์
นัยนา มั่นปาน, ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย. สัมภาษณ์ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔.
วิเชียร อริยเดช, ข้าราชการบำนาญ อดีตนายช่างศิลปกรรม ๖ ทีมงานบูรณะปราสาทเมืองต่ำ. สัมภาษณ์ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๔.
พระนครคีรี เป็นพระราชวังในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพุทธศักราช ๒๔๐๒ ด้วยทรงเห็นภูมิสถานของเมือง เพชรบุรีเป็นที่เหมาะสมในการจะสร้างพระราชฐานที่ประทับ โดยให้สร้างขึ้นบนเขาสมณะ ภายหลังพระราชทานนามว่า เขามหาสวรรค์ นับเป็นครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีการสร้างพระราชวังขึ้นบนเขา เป็นพระราชฐานในหัวเมืองที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาประทับอยู่เสมอตลอดรัชสมัย
พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งองค์แรกของพระราชวังพระนครคีรี ก่อพระฤกษ์เมื่อ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือนแปด ปีมะแม เอกศก จุลศักราช ๑๒๒๑ (ตรงกับวันที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๐๒) เป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ที่สุด และเป็นพระที่นั่งองค์ประธาน
ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุโรปผสมไทย และจีน ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีมุขยื่นออกไปด้านข้างสองด้านทั้งซ้ายและขวา ภายในแบ่งเป็นห้องต่างๆ
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ปรับเปลี่ยนเป็นห้องรับรองการประทับสำหรับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ ดังนี้ ท้องพระโรงหน้าดัดแปลงเป็นห้องเสวยพระกระยาหาร และห้อง ท้องพระโรงหลังเป็นห้องพักผ่อนพระอิริยาบถ และห้องพระบรรทม มุขด้านทิศตะวันออกดัดแปลงเป็นห้องทรงพระสำราญ และมุขด้านทิศตะวันตกดัดแปลงเป็นห้องสรง ห้องแต่งพระองค์ของพระราชอาคันตุกะ
ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและเครื่องเรือนต่างๆ และพระที่นั่งองค์นี้ยังเคยเป็นสถานที่ที่ใช้รับรองพระราชอาคันตุกะ คือ ดยุคโยฮัน อัลเบิร์ต ผู้สำเร็จราชการแห่งราชรัฐบรันชวิก และเจ้าหญิงอลิซาเบธ แห่งสโตลเบิร์ก-รอซซาล่า พระชายา ในคราวเสด็จฯ ประพาสเมืองเพชรบุรี
ชื่อเรื่อง มาเลยฺยสุตฺต (มาลัยหมื่น-มาลัยแสน)
สพ.บ. 257/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า กว้าง 4.5 ซ.ม. ยาว 58 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก เทศน์มหาชาติ คาถาพัน
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ล่องรัก ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.153/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 53 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 93 (1-16) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : สทฺทสารตฺชาลินี(ศัพท์สัททสารัตถชาลินี)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
#เครื่องมือเครื่องใช้ในภาคเหนือจ๋ำจ๋ำ เป็นภาษาล้านนา มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า ยอ ในภาษาไทยถิ่นอีสาน ซึ่งพจนานุกรมหัตถกรรมเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน ของศาสตราจารย์วิบูลย์ ลี้สุวรรณ์ อธิบายไว้ว่า ยอเป็นเครื่องจับปลาชนิดหนึ่ง เป็นร่างแหผืนสี่เหลี่ยม มุมทั้งสี่ผูกติดกับคันสำหรับยก ยอขนาดเล็กใช้จับปลาตามแหล่งน้ำในทุ่งนาหรือลำคลองที่น้ำนิ่งและไม่ลึก เพื่อดักปลาที่ว่ายอยู่ในบริเวณนั้น บางทีใช้รำข้าวล่อปลาเข้ายอ..แต่ถ้าเป็นลำคลองที่ลึกขนาดใหญ่ เฉพาะตัวร่างแหของยอจะมีความกว้างด้านละ ๔-๕ วาขึ้นไป คันยอทำด้วยไม้ไผ่หรือไม้เนื้อแข็ง ปัจจุบันยังพบการใช้งานของยอในการเกษตรกรรมและซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างแพร่หลายภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ภาพชุด การประกวดภาพเก่าเกี่ยวกับจังหวัดลำพูน (เจ้าของภาพ นายธีระวัฒน์ ศุภกา)อ้างอิง : เมธินีย์ ชอุ่มผล. ๒๕๖๒. "CHEENA VALA - ยอยกอินเดีย". วารสารเมืองโบราณ (Online). http://www.muangboranjournal.com/post/Cheena-Vala., สืบค้นเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔.
นิพฺพานสุตฺต (นิพฺพานสูตร)
ชบ.บ.75/1-1ฏ
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.200/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 10 หน้า ; 5.5 x 57 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องชาด-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 109 (141-147) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : ฉลองสลากภัตร--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.311/10ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 36 หน้า ; 4 x 54 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 126 (306-312) ผูก 10 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา(ธรรมบท)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
วันพุธที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๓๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโบราณสถาน เขาคลังนอก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนางนงคราญ สุขสม ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี นางสาวมาลีภรณ์ คุ้มเกษม ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ร่วมตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ จากนั้นเวลา ๑๗.๐๐ น. นายสหชัย แจ่มประสิทธิ์สกุล นายอำเภอศรีเทพ พร้อมคณะ เข้าร่วมหารือกับอธิบดีกรมศิลปากร ในเรื่องที่ดินทำกินของชาวบ้านในเขตขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมืองโบราณศรีเทพ ณ ที่ทำการอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ