ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,777 รายการ
ข้าว (ตอนที่ ๓ : ข้าวพันธุ์พระราชทาน )
พันธุ์ข้าวพระราชทานในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งได้รับการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์จนมีคุณภาพดี มีทั้งข้าวนาสวนและข้าวไร่ เช่น
“ข้าวพันธุ์ปทุมธานี ๑”
เป็นข้าวหอมนุ่ม คุณภาพเมล็ดคล้ายพันธุ์ขาวดอกมะลิ ๑๐๕ ให้ผลผลิตสูง
“ข้าวสังข์หยดพัทลุง”
เป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมที่ปลูกใน จ.พัทลุง โดยปลูกได้ปีละ ๑ ครั้ง นิยมกินแบบข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ซึ่งจะให้ประโยชน์มากกว่าข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือทั่วไป
“ข้าวขาวดอกมะลิ ๑๐๕”
เป็นข้าวที่มีคุณภาพการหุงต้มดี สุกแล้วหอม นุ่ม เหนียว
“ข้าว กข ๔๑”
เป็นข้าวเจ้าที่ให้ผลผลิตสูง คุณภาพการสีดีได้ข้าวเต็มเมล็ด
“ข้าว กข ๖”
เป็นข้าวเหนียวที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์โดยการใช้รังสีชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ หุงสุกแล้วมีกลิ่นหอม
“ข้าวดอกพะยอม”
เป็นข้าวไร่ ข้าวเจ้าพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี ปลูกแซมกับต้นยางพาราได้
“ข้าวลืมผัว”
เป็นข้าวเหนียวที่โดดเด่นด้านรสชาติ มีกลิ่นหอม หากสีเป็นข้าวกล้อง เมื่อหุงสุกแล้วจะเคี้ยวกรุบ หนึบ ภายในนุ่มเหนียว อุดมไปด้วยสารอาหาร
#ข้าวพันธุ์พระราชทาน
ข้อมูล : มูลนิธิมั่นพัฒนา http://www.tsdf.nida.ac.th/th/royally-initiated-projects
ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ร.๙
โบราณสถานปราสาทโคกงิ้ว ตั้งอยู่ภายในวัดโคกงิ้ว บ้านโคกงิ้ว ตำบลปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทโคกงิ้ว เป็นศาสนสถานประจำสถานพยาบาล หรือ อโรคยศาล ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างขึ้นในดินแดนของพระองค์ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 แผนผังของตัวโบราณสถานประกอบด้วยปราสาทประธานตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทประธานเป็นที่ตั้งของวิหาร หรือบรรณาลัย ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงด้านเดียว มีซุ้มประตูทางเข้าหรือโคปุระอยู่ทางด้านทิศตะวันออก นอกกำแพงแก้วทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทประธานเป็นสระน้ำประจำศาสนสถาน พ.ศ.2554 สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ในขณะนั้น ได้ดำเนินโครงการขุดแต่งโบราณสถานแห่งนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลจากการดำเนินการขุดแต่งโบราณสถาน พบโบราณวัตถุสำคัญหลายประเภท เช่น ทับหลังสลักภาพคชลักษมี ศิลปะคลัง – บาปวนตอนต้น, เสาประดับกรอบประตู ,ประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์วัชรปาณีทรงครุฑ นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือเครื่องใช้ และภาชนะดินเผาอีกจำนวนหนึ่ง ทับหลังหินทรายสลักภาพคชลักษมี ชิ้นนี้ พบจากการขุดแต่งบริเวณบรรณาลัย หรือ วิหาร ลักษณะองค์พระลักษมีประทับนั่งขัดสมาธิบนฐานดอกบัว พระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างถือดอกบัว ด้านข้างทั้งสองของพระองค์มีช้างยืนสองขาชูงวงเหนือพระเศียร ใต้ฐานพระลักษมีเป็นรูปเกียรติมุขหรือหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัย มือของหน้ากาลยึดชายท่อนพวงมาลัยไว้ พวงอุบะเป็นลายใบไม้ม้วน เหนือท่อนพวงมาลัยเป็นลายใบไม้ ขอบด้านข้างทั้งสองด้านของทับหลังมีรูปสิงห์ยืนจับปลายท่อนพวงมาลัยไว้ ลักษณะดังกล่าวเป็นศิลปะขอมแบบคลังหรือแบบบาปวน อายุสมัยประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งมีอายุเก่ากว่าปราสาทโคกงิ้ว จึงสันนิษฐานว่าในช่วงเวลาก่อสร้างมีการเคลื่อนย้ายทับหลังจากปราสาทหลังอื่นมาประดับตกแต่ง ณ ปราสาทโคกงิ้ว จากรูปแบบของโบราณสถานที่ปรากฏ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศาสนสถานประจำสถานพยาบาลที่สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ.1724 – 1761) แต่ลักษณะทางศิลปกรรมของทับหลังชิ้นนี้แสดงในรูปแบบขอมแบบคลังหรือแบบบาปวน อายุสมัยประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า ทับหลังชิ้นนี้เป็นทับหลังที่ไม่ใช่ของที่นี่โดยตรง อาจนำมาจากปราสาทในวัฒนธรรมเขมรอื่นที่อยู่ใกล้ หรือ อาจนำมาใช้ประดับสถาปัตยกรรมในโบราณสถานแห่งนี้ ปี 2563-2564 สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กำลังดำเนินงานบูรณะปราสาทโคกงิ้ว ประกอบด้วย บูรณะปราสาทประธาน บรรณาลัยหรือวิหาร กำแพงแก้ว ด้วยวิธีอนัสติโลซิส--------------------------------------------------ข้อมูลโดย : นางสาวสุภาวดี อินทรประเสริฐ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา--------------------------------------------------
องค์ความรู้ เรื่อง กระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร
กระเบื้องเชิงชาย คือ กระเบื้องแผ่นปลายสุดของชายคา เป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องมุงหลังคาสถาปัตยกรรมโบราณ ใช้ประดับเรียงรายโดยอุดชายคากระเบื้องลอน เพื่อให้เกิดความงามของแนวชายคา ป้องกันฝนสาดเข้าไปตามช่องของลอนกระเบื้องมุง รวมทั้งป้องกันสัตว์ไม่ให้เข้าไปทำรังและทำลายโครงสร้างภายในอาคารได้ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กระเบื้องหน้าอุด
กระเบื้องเชิงชายโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วหรือสามเหลี่ยมด้านเท่า มีเดือยออกทางด้านหลังเพื่อเสียบเข้าไปในลอนกระเบื้องมุง ทำด้วยดินเผา สันนิษฐานว่าช่างโบราณเลือกเทคนิคการทำด้วยวิธีการพิมพ์จากแบบ ซึ่งลวดลายบนกระเบื้องเชิงชายเป็นลายนูนต่ำ ตัวลายมีความกลมมน ละเว้นรายละเอียดที่มากเกินไป เพราะสะดวกต่อการถอดพิมพ์ นอกจากนี้การทำลวดลายบนกระเบื้องเชิงชายที่จะประดับบนหลังคาเดียวกันให้เหมือนและเท่ากันนั้นยากด้วยวิธีการปั้นแบบอิสระ
สิ่งก่อสร้างในสมัยอยุธยาที่ใช้กระเบื้องเชิงชายสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ได้ ๒ ประเภท คือ ประเภทศาสนสถาน ได้แก่ อุโบสถ วิหาร กุฏิ ซุ้มประตู และประเภทที่อยู่อาศัย ได้แก่ พระมหาปราสาท พระที่นั่ง ตำหนัก ซึ่งกระเบื้องเชิงชายใช้กับอาคารของชนชั้นสูง สอดคล้องกับการตกแต่งลวดลายบนกระเบื้องเชิงชายด้วยรูปภาพที่มีความหมายทางประติมานวิทยา เช่น รูปเทพนม รูปดอกบัว ทำให้สันนิษฐานได้ว่ากระเบื้องเชิงชายแต่ละชิ้นน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของวิมานที่สถิตของเทวดา เป็นการส่งเสริมความสำคัญของอาคารนั้น ๆ และแสดงฐานะของผู้ใช้อาคารให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ลวดลายที่ปรากฏบนกระเบื้องเชิงชาย ได้แก่ ลายดอกบัว ลายเทพนม ลายหน้ากาล ลายพันธุ์พฤกษา ลายครุฑยุดนาค จากการสำรวจกระเบื้องเชิงชายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร พบกระเบื้องเชิงชายลวดลายดอกบัว โดยดอกบัวเป็นเครื่องหมายของความบริสุทธิ์ ความสมบูรณ์ ในพุทธศาสนาใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการกำเนิดขององค์พระศาสดา ดังความในพระไตรปิฎกว่า “...สีเส ปฐวิ โปกขเร อภิเลเก สพพพุทธานํ...” หมายความว่า แผ่นดินคือดอกบัว เป็นที่อุบัติตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น จึงนิยมสร้างงานศิลปกรรมเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับอยู่เหนือดอกบัว ต่อมาลายดอกบัวได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นลายลายกระหนก
ลายเทพนมที่ตกแต่งบนกระเบื้องเชิงชายเป็นภาพเทวดาครึ่งตัวประนมมือเสมอพระอุระอยู่เหนือดอกบัว เป็นลวดลายที่พบในงานศิลปกรรมไทยทั่วไป เช่น ในงานจิตรกรรม ลายพุ่มหน้าบิณฑ์เทพนม ลายก้านขดเทพนม ลายเทพนมบนเครื่องถ้วยเบญจรงค์ ในงานประติมากรรม พบที่กระเบื้องเชิงชาย หน้าบัน บันแถลงประตูหน้าต่างของโบสถ์หรือวิหาร เป็นต้น ซึ่งกระเบื้องเชิงชายที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร กำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๓
บรรณานุกรม
- ประทีป เพ็งตะโก. “กระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๒๕๔๐.
- วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. พจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรมไทย. นนทบุรี : เมืองโบราณ, ๒๕๕๙.
- สันติ เล็กสุขุม. งานช่าง คำช่างโบราณ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๗
พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายแมนฟุ้ง เนียวกุล ณ เมรุวัดมกุษัตริยาราม ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๐
มหามกุฎราชสันตติวงศ์ ๕ กรกฎาคม ๒๔๓๕ วันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฑาธุชธราดิลก เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๗๒ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระนามลำลองว่า "ทูลกระหม่อมติ๋ว" ประสูติเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๔๓๕ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สยามาธิปกปรมินทร จุฬาลงกรณราชวโรรส อดิศัยยศอุภัยชาติพิสุทธิ์ ไทวปายนุตมศักดิ์อดุลยลักษณวิลาส มหามกุฎราชพงศานุพัทธ วิวัฒนผลพรพิสิษฐ มหิศรราชกุมาร กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๘
พระองค์ทรงมีพระเชษฐภคินี พระเชษฐาและพระอนุชาร่วมพระชนนี ๗ พระองค์ คือ
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัตมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง
- จอมพล สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
- พลเรือเอก สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เสด็จไปทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๙ แล้วเสด็จกลับ พุทธศักราช ๒๔๖๑
ในรัชกาลที่ ๖ ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี เป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงธรรมการ ตำแหน่งศาสตราจารย์ และเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนเพาะช่าง พุทธศักราช ๒๔๖๓ เป็นกรรมการพิเศษโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ปัจจุบันคือ วชิราวุธวิทยาลัย และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเพาะช่าง เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๕
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๔๖๖ พระชันษา ๓๒ ปี เป็นต้นราชสกุล จุฑาธุช
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัยนับเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่สืบสายทั้งจากพระบรมชนกนาถและพระบรมราชชนนี
ภาพ : ศาสตราจารย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
รายงานผลการสำรวจแหล่งโบราณคดีเพิงผาเขียน เขาพนมดบ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี เรื่อง ตราอาร์มเมืองสิงห์บุรี
ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุงหลังจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวไทยภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ทรงพบว่าชาวไทยภูเขาดำรงชีพในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ทำลายต้นน้ำลำธาร เผาป่าทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น เมื่อดินจืดก็ย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ จนดอยต่าง ๆ มีสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น พื้นที่ดอยตุง เป็นพื้นที่หนึ่งที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชปรารภว่า “ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง” พระองค์มีพระราชดำริให้บูรณาการฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของชุมชนชาวไทยภูเขาในบริเวณนั้น เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ ภายใต้แนวพระราชดำริ “ปลูกป่า ปลูกคน” เพื่อพัฒนาพื้นที่ดอยตุง ๙๓,๕๑๕ ไร่ (ประมาณ ๑๕๐ ตารางกิโลเมตร) ในเขตอำเภอแม่จัน กิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นผู้ดูแลโครงการ และประสานงานกับหน่วยงานของรัฐบาล องค์กรเอกชน รวมถึงมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีด้วย โครงการดังกล่าวจะให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของคนและป่าควบคู่กัน นำไปสู่การพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถเปลี่ยนแปลงชุมชนที่ต้องพึ่งพาการปลูกพืชเสพติดและตัดไม้ทำลายป่าเพราะจำเป็นต้องอยู่รอด ให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักดิ์ศรี มีส่วนร่วมและรู้สึกเป็นเจ้าของการพัฒนาชุมชนของตนเองได้วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ขอร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่อ้างอิง :๑. มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์. ม.ป.ป. โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (Online). https://www.maefahluang.org/doitung-development-project/, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔. ๒. อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี. ม.ป.ป. พระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (Online). http://www.theprincessmothermemorialpark.org/page.php?id=7, สืบค้นเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๔.๓. อุษณีย์ เกษมสันต์, พ.อ. หญิง. ๒๕๔๓. “๑๐๐ ปี สมเด็จย่า : เพ็ญพระกรุณา เพื่อประชาไทย.” วารสารห้องสมุด. ๔๔ (๔): ๑-๘.
ชื่อเรื่อง ทิพฺพมนต์ (ทิพพมนต์)
สพ.บ. 305/1ก
ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลาน
หมวดหมู่ พุทธศาสนา
ลักษณะวัสดุ 12 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.
หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
วินยธรสิกฺขาปทวินิจฺฉย (วินยสิกฺขาปทวินิจฺเฉยฺย)
ชบ.บ.96/1-5
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)