ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข พระที่นั่งองค์หนึ่งในหมู่พระวิมาน ๑๑ องค์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นมุขขวางด้านหลังพระที่นั่งวสันตพิมาน ในรัชกาลที่ ๓ เป็นที่ประทับของพระองค์เจ้าดาราวดี พระอรรคชายาของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ใช้เป็นที่พักของเจ้าคุณจอมมารดาเอม พระสนมเอก
เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ โปรดพระราชทาน พระที่นั่งภายในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมด จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร ในระหว่างพ.ศ. ๒๔๖๙ – ๒๕๐๙ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุขใช้เป็นห้องจัดแสดงงาช้าง ของที่ระลึกพระราชพิธีในต่างๆ เครื่องชั่งตวงวัดของหลวง เหรียญกษาปณ์ และพ.ศ. ๒๕๑๐ จึงย้ายเรือลอยพระประทีปมาจัดแสดงร่วมด้วย จากนั้นพ.ศ. ๒๕๓๗ จึงปรับเป็นห้องจัดแสดงเครื่องมุก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องมุกที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประทานแก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)ดำเนินการบูรณะพระที่นั่ง และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จึงดำเนินการจัดแสดงนิทรรศการถาวรในหัวข้อ “เครื่องโลหศิลป์”
เครื่องโลหะ ทั้งที่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องประดับ และศาสนวัตถุ มักสร้างจากโลหะที่มีมูลค่าสูงด้วยฝีมือเชิงช่างอันประณีต เครื่องโลหศิลป์ของไทย นอกจากจะสะท้อนถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละยุค ผ่านรูปลักษณ์และประโยชน์ใช้สอย ยังสื่อถึงค่านิยม คติความเชื่อ และธรรมเนียมประเพณีของแต่ละกาลสมัย อีกทั้งเป็นเครื่องแสดงอำนาจ และสถานะทางสังคมของผู้ครอบครอง ผ่านการพระราชทาน “เครื่องยศ” หรือ “เครื่องราชอิสริยยศ” แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง และข้าราชการ ผู้สร้างคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฐานันดรศักดิ์ที่ได้รับ การสร้างสรรค์เครื่องโลหะไทยได้ผสานแรงบันดาลใจและเทคนิคงานช่างจากนานาชาติเข้ามาผสมผสานภายใต้รูปแบบศิลปะช่างไทย ได้แก่ งานลงหิน งานบุดุน งานบังกะรี งานถม งานถมปัด งานกะไหล่ งานคร่ำ และลงยาราชาวดี เป็นต้น
ห้องโลหศิลป์ ปรับปรุงการจัดแสดงตามโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ใน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ชื่อเรื่อง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ผู้แต่ง -ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ กฎหมายเลขหมู่ 342.593 ร355รคสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์พระจันทร์ปีที่พิมพ์ 2477ลักษณะวัสดุ 32 หน้าหัวเรื่อง ไทย -- รัฐธรรมนูญภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า นายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลว่า นับแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เป็นต้นมา การปกครองของประเทศไทยได้ดำรงเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ชื่อเรื่อง เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐานสพ.บ. 147/7กประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 30 หน้า กว้าง 4 ซ.ม. ยาว 54 ซ.ม. หัวเรื่อง พระอภิธรรม บทสวดมนต์
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.93/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 4.4 x 53 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 55 (129-134) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง เพลินพิศ กำราญ
ชื่อเรื่อง ประวัติวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก
สถานที่พิมพ์ -
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๙
จำนวนหน้า ๑๑๐ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เผยแพร่ในงานกฐินพระราชทาน ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานสำคัญของภาคใต้ โดยเฉพาะองค์พระมหาธาตุเจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนนิกชนทั่วไปส่วนสิ่งก่อสร้างอื่นๆในวัดก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และศิลปกรรม จึงเป็นโบราณสถานที่อำนวยประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังในการศึกษาศิลปวัฒนธรรมซึ่งมีมาแต่โบราณ จะได้ตระหนักในความสำคัญของโบราณสถานและช่วยกันทะนุบำรุงให้ยั่งยืนสืบไป
ตระกูลมหาผลเป็นตระกูลพ่อค้ารุ่นแรกๆ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่เดินทางจากเมืองนครราชสีมา มาค้าขายที่เมืองศรีสะเกษ เดินทางโดยทางเท้าและเกวียน ใช้เวลาเดินทางสองสัปดาห์ถึงเมืองศรีสะเกษ ก่อนที่พ่อค้าชาวจีนจะตามมาทีหลังพร้อมกับการสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ พ่อค้าจากโคราชจะทำการค้าและสร้างบ้านเรือนเป็นตึกดิน ตั้งแต่หน้าวัดหลวงไปจนถึงสถานีตำรวจ ซึ่งเรียกบริเวณนี้ในระยะแรกว่า “ตลาดในศรีสะเกษ” ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ ที่บ้านญาติที่กรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะไปส่งนายจำนง มหาผลไปเรียนหนังสือที่ประเทศฟิลิปปินส์ แถวยืน จากซ้ายไปขวา ๑. นางอาภา มหาผล บุตรคนที่ ๖๒. นายทรงคุณ มหาผล บุตรคนที่ ๕๓. นายจำนง มหาผล บุตรคนที่ ๔๔. นางจำเนียร ร่มโพธิ์ บุตรคนที่ ๓๕. นางประชุมญาติ บุญชุบ (มหาผล) บุตรคนที่ ๒๖. นายจำเริญ มหาผล บุตรคนที่ ๑ แถวนั่ง นางละม้าย มหาผล คุณแม่ของลูกๆ ในครอบครัวมหาผล -----------------------------------------------เรื่องและภาพ โดย : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ อุบลราชธานี-----------------------------------------------
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.1/1-7
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
องค์ความรู้ : เรื่อง “ราชรถบุษบกในล้านนา”เรียบเรียงโดย : สุคนธ์ทิพย์ จันทะลุน (บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่)สาระสังเขป : "ราชรถ" สันนิษฐานว่าในสมัยโบราณพัฒนามาจากรูปแบบของ "เกวียน" ซึ่งเทียมด้วยม้า หรือสัตว์อื่นๆ เช่น วัว ลา ล่อ หรือคน มีการใช้ไม้และโลหะ แกะสลักลวดลายอันวิจิตรบรรจง สง่างามสมกับเป็นพระราชพาหนะและที่ประทับของพระราชา ทั้งยังมีการประดับตกแต่งราชรถและบุษบก ด้วยการเพิ่มเติมความงดงามจากการจำหลัก ปิดทอง ประดับกระจก และอัญมณี ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองดุนลายดอกไม้ประดิษฐ์ในรูปแบบต่างๆ โดยราชรถนับเป็นราชพาหนะประดับพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ตามขัตติยราชประเพณีอันมีมาแต่สมัยอยุธยาจนถึงยุคสมัยรัตนโกสินทร์ และในทางวัฒนธรรมล้านนา มีคตินิยมเชื่อว่า ราชรถ หมายถึง พาหนะของพระราชาและเทพยาดาชั้นสูง หรือพาหนะประดิษฐานสิ่งอันเป็นที่เคารพบูชาคู่บ้านคู่เมือง นิยมใช้ประดิษฐานสิ่งอันเป็นมงคลหรือสิ่งควรค่าแก่การสักการบูชา อาทิ พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งราชรถบุษบกล้านนานั้นได้รับการสร้างสรรค์อย่างงดงามตามแบบศิลปกรรมไทยอย่างวิจิตรบรรจงยิ่ง จนดูราวเทพพาหนะในจินตนาการ จึงนับว่าเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของชาติ ที่ต้องช่วยสืบทอดและอนุรักษ์ไว้ด้วยความหวงแหงและความภาคภูมิใจของคนในชาติให้ดำรงสืบต่อไป
ต้นไม้ทรงปลูกในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เมื่อครั้งที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๒๗ และในคราวนั้นทรงปลูก ต้นเสลา เป็นที่ระลึกขึ้นต้นหนึ่งซึ่งยังคงแผ่กิ่งก้านสาขาคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้นับเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี
เสลา เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบมีความสูงเฉลี่ย ๑๐ – ๒๐ เมตร ชอบแสงแดดและทนแล้งได้ดีเปลือกลำต้นมีสีเทาเข้มเกือบดำ ผิวขรุขระ มีรอยแตกเป็นร่องยาวตื้น ๆ ปลายกิ่งย้อยห้อยลง ใบค่อนข้างหนา มีขนนุ่มทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายกิ่ง มีหลายสี เช่น สีม่วง สีม่วงอมแดง สีม่วงกับขาว มักออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม
ต้นเสลาเป็นไม้ที่มีประโยชน์มากเพราะนอกจากจะเป็นไม้ประดับที่นิยมปลูกกันทั่วไปแล้ว เนื้อไม้ยังค่อนข้างแข็งแรง สามารถนำมาทำเครื่องไม้เครื่องมือ พื้น ตง (ไม้เครื่องเรือนที่วางบนหลังคานสำหรับรองพื้นกระดานหรือฟาก) หรือรอด (ไม้ที่สอดรูเสาทั้งคู่สำหรับรับกระดานพื้นเรือน) ได้ ส่วนเปลือกนำไปใช้สมานแผล แก้ท้องเสีย เป็นต้น และเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าจะทำให้มีฐานะสูงขึ้น มั่นคง แข็งแรง ดังนั้นต้นเสลาทรงปลูกต้นนี้จึงเปรียบเสมือนคำอวยพรซึ่งพระราชทานไว้ให้ภารกิจของกรมศิลปากรดำเนินไปได้อย่างมั่นคงเช่นเดียวกับต้นเสลา
องค์ความรู้ : ศิลปวัฒนธรรมและโบราณสถานในจังหวัดชลบุรี
เรื่อง ครกหินอ่างศิลา
ครกหินอ่างศิลา เป็นสินค้าพื้นเมืองที่สร้างชื่อเสียงให้กับตำบลอ่างศิลา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความเป็นมาเริ่มจากชาวจีนที่อาศัยในตำบลอ่างศิลาต้องการทำอาหารและเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งต้องใช้แป้งเป็นส่วนประกอบสำคัญ จึงคิดค้นการสกัดหินเพื่อทำโม่ใช้ในการโม่แป้ง เศษหินที่เหลือชิ้นเล็ก ๆ จึงนำมาทำเป็นครกหิน จนกลายมาเป็นเครื่องใช้ประจำทุกครัวเรือน ปัจจุบันครกหินอ่างศิลากลายเป็นสินค้าส่งออกอย่างหนึ่งของไทยส่งขายไปยังหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นต้น
ที่มา : ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี โรงเรียนชลกันยานุกูล. (๒๕๔๑). อ่างศิลาวันวาน...ถึงวันนี้ . ชลบุรี : แสนยากรการพิมพ์.
ภาพประกอบ : ช่างหินรุ่นสุดท้ายแห่ง "อ่างศิลา".(2558).ค้นหาเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2564, จาก https://www.posttoday.com/social/local/350364
ครกหินอ่างศิลา.ค้นหาเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2564, จาก https://localwisdom.gsb.or.th/detail/index/111
#หอสมุดแห่งชาติชลบุรี #สำนักศิลปากรที่5ปราจีนบุรี #กรมศิลปากร #กระทรวงวัฒนธรรม #ครกหินอ่างศิลา #อ่างศิลา #ชลบุรี