ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ

เทวดาหมายถึง ผู้ที่อยู่ต่างภพกับมนุษย์และมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ดลบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆขึ้นได้ทั้งร้ายและดี ในประเทศไทยคำว่า “เทวดา” เป็นคำยืมจากภาษาบาลี  ซึ่งโดยความหมายแล้วกินความตั้งแต่เทวดาหรือเทพเจ้าในศาสนาฮินดู (พราหมณ์)  พุทธศาสนา รวมไปถึงเทวดาประจำถิ่นตามความเชื่อพื้นเมืองด้วย ในดินแดนไทย คำว่าเทวดาหรือเทพยดาปรากฏในจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ หรือจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชความว่า “... มีพระขะพุงผี เทพยดาในเขาอันนั้น เป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้...”  ซึ่งในศิลาจารึกนี้ คำว่าเทวดาและผีจะถูกใช้ปะปนกันไป โดยเชื่อว่า คำว่า ผี น่าจะมีใช้มาก่อนคำว่า เทวดา  อันเป็นคำในอารยธรรมอินเดียซึ่งแพร่เข้ามาในชั้นหลัง   ต่อมาในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๒ หรือจารึกวัดศรีชุมปรากฏว่ามีคำว่า ผีฟ้าเพิ่มเข้ามา  ดังข้อความในจารึกว่า  “... เมื่อก่อนผีฟ้าเจ้าเมืองสรีโสธรปุระ ...”  จะเห็นได้ว่า คำว่าผีฟ้าในที่นี้มีความหมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน  ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคติการนับถือพระเจ้าแผ่นดินในฐานะสมมติเทพมีอย่างน้อยตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว การเกิดขึ้นของความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาในชั้นเดิมนั้น คงเริ่มจากการที่มนุษย์พิจารณาความเป็นไปของธรรมชาติแล้วเห็นว่า อาจจะมีสิ่งใดบันดาลเหตุการณ์ต่างๆ  ดังนั้น เทวดาในระยะแรกจึงสะท้อนลักษณะของธรรมชาติ  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เทวดาในลักษณะนี้เป็นบุคลาธิษฐานของอำนาจแห่งธรรมชาตินั่นเอง เช่น พระอัคนี (ไฟ) พระวรุณ (ฝน) เป็นต้น   ในระยะแรกนี้ พิธีพลีกรรมหรือบวงสรวงต่อเทวดายังไม่มีความซับซ้อน ดังเช่น อาจตั้งสำรับอาหารไว้กับพื้นดินแล้วเชิญเทวดาลงมาเสวยเพียงเท่านั้น   ต่อเมื่อชาวอารยันได้เข้ามาตั้งรกรากในเขตประเทศอินเดียแถบลุ่มแม่น้ำสินธุตอนบนราว ๖๕๐ ปีก่อนคริสตกาล จึงได้พัฒนาความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาจนกลายเป็นศาสนาพราหมณ์ขึ้น ซึ่งความเชื่อนี้ได้แพร่เข้ามาในดินแดนไทยในกาลต่อมา  ความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาเนื่องในศาสนาพราหมณ์นี้เองที่ทำให้พิธีพลีกรรมหรือการบวงสรวงมีขั้นตอนและหลักการที่พิสดารซับซ้อนมากขึ้น จากเดิมที่เทวดามีลักษณะพื้นฐานเกี่ยวพันกับธรรมชาติ  ต่อมาในสมัยหลังโดยเฉพาะในศาสนาพราหมณ์ เทวดาบางองค์ได้ปรากฏขึ้นในลักษณะเฉพาะตน  โดยที่เทวดาแต่ละองค์จะมีหน้าที่หรือลักษณะที่สำคัญแตกต่างกันไปด้วย เช่น พระพรหมได้รับการนับถือในฐานะเทพผู้สร้าง   พระสุรัสวดีได้รับการนับถือว่าเป็นเทพแห่งสรรพวิทยา เป็นต้น  โดยนัยนี้ ลักษณะที่เป็นสภาวะธรรมชาติที่เคยมีอยู่ได้ค่อยๆเลือนไป  และภาวะที่แสดงถึงความเป็นเทพเช่น ความศักดิ์สิทธิ์จะโดดเด่นขึ้นมาแทน   อย่างไรก็ดี ลักษณะที่เทวดาหรือเทพทั้งหลายมีร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเทวดาในฝ่ายร้ายหรือดีคือ ทรงไว้ซึ่งพลังอำนาจเหนือมนุษย์  ทั้งนี้ ในการนับถือเทวดาว่าองค์ใดมีสถานะเหนือองค์ใดหรือองค์ใดเป็นใหญ่ที่สุดนั้นจะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นหรือกลุ่มชน เช่น ในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายจะนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด  ส่วนลัทธิไวษณพนิกายจะนับถือพระนารายณ์เป็นเทพเจ้าสูงสุด เป็นต้น ในวัฒนธรรมไทย  สามารถจำแนกได้ว่า ความเชื่อเกี่ยวกับเทวดามีอยู่ด้วยกัน ๓ กลุ่มคือ ๑.   เทวดาในพุทธศาสนา ๒.  เทวดาในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ๓.   เทวดาประจำถิ่นหรือประจำท้องถิ่น ๑.   เทวดาในพุทธศาสนา  คัมภีร์และอรรถกถาในพุทธศาสนาหลายเรื่องระบุว่ามีเทวดาหรือเทพต่างๆเป็นอันมากและจัดแยกเป็นกลุ่มไว้ชัดเจนดังปรากฏใน ไตรภูมิพระร่วง อันเป็นวรรณคดีสำคัญทางพุทธศาสนาของไทย  แม้ในพระไตรปิฎกก็มีเนื้อความเกี่ยวกับเทวดาอยู่หลายเรื่อง เช่น ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค สิกขาบทที่ ๑ แห่งภูตคามวรรค   ทั้งนี้เทวดาในพุทธศาสนามีกำเนิดที่แตกต่างจากเทวดาในศาสนาพราหมณ์ (กล่าวคือ เทวดาในศาสนาพราหมณ์บางส่วนเกิดโดยสยมภูหรือกำเนิดขึ้นมาเอง)  ทว่า การกำเนิดเป็นเทวดาในพุทธศาสนานั้นเนื่องมาจากผลแห่งกุศลกรรม คือการจะถือกำเนิดเป็นเทวดาได้จะต้องกระทำความดีประการต่างๆ เช่น ทำบุญรักษาศีล ปฏิบัติสมาธิ  ข้อสำคัญคือเทวดาในพุทธศาสนาย่อมอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม เทวดาในพุทธศาสนาอาจแบ่งออกได้เป็น ๓ กลุ่มคือ ๑. สมมติเทพ คือ กษัตริย์ พระเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชา ซึ่งทรงมีอำนาจเปรียบประดุจเทวดา   ๒. อุปปัตติเทพ คือ เทวดาผู้อยู่อีกภพหนึ่งโดยนับตั้งแต่เทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกภูมิขึ้นไปจนตลอด ๒๖ ชั้น   ๓. วิสุทธิเทพ คือ พระขีณาสพซึ่งแบ่งได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ในพระพุทธศาสนา ทวยเทพย่อมมาน้อมนมัสการพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อสดับฟังพระธรรมเทศนา บางครั้งก็จะเข้าเฝ้าทูลถามข้อธรรมะ  ในแง่นี้ วิสุทธิเทพจึงทรงไว้ซึ่งสถานะที่เด่นกว่าเทพทั้งหลาย   บทบาทของเทวดาในพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์จึงแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย เช่น พระอินทร์หรือท้าวสักกเทวราชเป็นผู้พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา กระทั่งในตำนานการสร้างพระพุทธชินราชก็มีการกล่าวว่าพระอินทร์ลงมาช่วยหล่อจนสำเร็จ  หรือท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นราชาของพรหมก็มีบทบาทในการผดุงพระธรรมในพุทธศาสนา เหล่านี้เป็นต้น ๒.  เทวดาในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู  คติจักรวาลวิทยาในคัมภีร์พระเวทได้ปรากฏความคิดหลายประการว่าด้วยการสร้างโลกและกำเนิดของเทวดา  ซึ่งจุดร่วมของความเชื่อในพระเวทนี้ถือว่า มีเทพสูงสุดเพียงองค์เดียวซึ่งทรงสร้างทุกสิ่งทั้งเทพและอสูร  และเทวดาต่างๆเหล่านี้เป็นอมตะ คือไม่มีวันสิ้นชีวิต   ซึ่งแตกต่างจากเทวดาในพุทธศาสนาที่ยังคงอยู่ในวัฏสังสาร ทั้งนี้เทวดาในศาสนาพราหมณ์ยังมีอำนาจอันถาวรอีกด้วย ตามพระเวทนั้น เทวดาเป็นที่มาของความมั่งคั่ง อำนาจ และคุณธรรม โดยคุณสมบัติที่สำคัญของเทวดาแต่ละองค์จะต่างกันไป  และในแง่หนึ่งเทวดาในพระเวทคือ วิถีทางที่องค์เทพสูงสุดจะสำแดงองค์ให้มนุษย์ได้ประสบกับอำนาจที่เทวดาหรือเทพทั้งหลายมีอยู่ และอำนาจนั้นจะสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับอำนาจที่ปกครองสกลจักรวาล๓.  เทวดาประจำถิ่นหรือประจำท้องถิ่น  ในประเพณีไทยเทวดาประจำท้องถิ่นนี้มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ได้แก่ เทวดาที่คอยดูแลรักษาประจำถิ่นที่ เช่น พระภูมิเจ้าที่ เจ้าทุ่ง เจ้าป่า เจ้าเขา ซึ่งเป็นใหญ่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ  บ้างก็เรียกว่า เทพารักษ์ หากเป็นกรณีเทวดาที่สถิตอยู่ตามต้นไม้เรียกว่า รุกขเทวดา   นอกจากนี้ ในหลายกรณี เมื่อบรรพบุรุษของครอบครัวหรือชุมชนเสียชีวิตลงก็อาจมีการยกย่องให้เป็นผีบรรพบุรุษ ซึ่งอาจรวมได้เป็นเทวดาประจำท้องถิ่นประเภทหนึ่งด้วย นอกจากเทวดาประจำถิ่นที่ คติความเชื่อของไทยยังมีการนับถือเทวดาประจำเมืองอีกด้วย โดยเมื่อสถาปนาบ้านเมืองขึ้นครั้งแรกก็ต้องตั้งศาลหรือหอขึ้นไว้เพื่อเป็นที่สถิตของผีบ้านผีเมือง  บางครั้งเราก็เรียกขานเทวดาประเภทนี้ว่า ผีเสื้อเมืองหรือ พระเสื้อเมือง บ้างก็เรียกว่า ผีหลวง  ทั้งนี้ ยังมีเทวดาอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งได้รับการนับถือด้วยว่าเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก เช่น พระแม่คงคา พระแม่โพสพ เป็นต้น สำหรับคติในการบูชาบวงสรวงเทวดานั้นสามารถพบได้ในพิธีและประเพณีหลายอย่างของไทย  นัยว่าหากเราต้องดำเนินชีวิตสัมพันธ์กับพื้นที่หรือสิ่งใด รวมถึงถ้าจะทำกิจการงานใดเป็นพิเศษ ก็จำต้องสังเวยบอกกล่าวให้เทวดาทราบ เพื่อความสุขสวัสดีหรือบันดาลการบรรลุผลสำเร็จตามแต่กรณี  มิฉะนั้นหากมิได้บวงสรวงสังเวยหรือปฏิบัติผิดจารีตธรรมเนียม   เทวดาอาจจะบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ร้ายต่างๆได้  การบวงสรวงสังเวยนี้ มีอาทิ การตั้งศาลหรือหอ ในกรณีของเทวดาพระภูมิเจ้าที่  การไหว้ครู ในกรณีของเทวดาแห่งศิลปวิทยาต่างๆ  การบวงสรวงเมื่อจะทำการตัดโค่นไม้ใหญ่ ในกรณีของรุกขเทวดา  หรือหากคนไทยสมัยก่อนจะปลูกเรือนก็ต้องบวงสรวงทำบัตรพลีไหว้พระภูมิเจ้าที่เพื่อขอที่ดินต่อผู้รักษาพื้นดินก่อน  บัตรพลีดังกล่าวมีหมากพลู มะพร้าวอ่อน ขนมต้ม กล้วยน้ำว้า เป็นต้น  อย่างไรก็ดี คติในการบูชาบวงสรวงเทวดานั้นจะพบเห็นโดยมากในความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์และความเชื่อท้องถิ่น  ในพุทธศาสนานั้น การบูชาเทวดามิได้มีระบุไว้ในพระบาลีแต่อย่างใด  และแม้ชาวพุทธจะทำการบูชาเทวดาหรือเทพ ก็จะให้สถานะด้อยกว่าพระพุทธรูป  เช่นในบ้านเรือนทั่วไป หิ้งบูชาพระจะอยู่เหนือแท่นบูชาทวยเทพต่างๆ โดยที่ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ การบูชาเทวดามีหลักการปฏิบัติกำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งพิธีจำนวนมากต้องให้พราหมณ์เป็นสื่อกลางในการติดต่อระหว่างผู้บวงสรวงกับเทพเจ้า  แม้ในสังคมไทยปัจจุบันคติการบูชาเทวดาก็มิได้เสื่อมถอยลงไปแม้แต่น้อย ดังจะเห็นได้จากศาลเทพเจ้าขนาดใหญ่ที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าไปสักการะกราบไหว้ กล่าวโดยสรุป คติความเชื่อเรื่องเทวดาหรือเทพเจ้าในสังคมไทยนี้มีมาแต่ครั้งก่อนสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย โดยในชั้นต้นความเชื่อเรื่องเทวดาน่าจะมีอยู่ในรูปของเทวดาประจำถิ่น หรือเทวดาที่เกี่ยวพันกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้คนอยู่แล้วครั้นเมื่อชาวไทยยอมรับนับถือพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ ความเชื่อเรื่องเทวดาจึงได้พัฒนาขึ้นเป็นรูปแบบที่ชัดเจนโดยเฉพาะในคติทางศาสนาพราหมณ์อย่างไรก็ตาม คติความเชื่อเรื่องเทวดาก็ได้ผสมผสานกันในพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ และความเชื่อท้องถิ่น โดยจะมีสัดส่วนแตกต่างกันไปตามกลุ่มชนหรือพิธีกรรมต่างๆ และยังคงเป็นความเชื่อที่ดำเนินคู่ไปกับหลักการทางศาสนามาตราบจนปัจจุบัน บรรณานุกรม พลูหลวง (นามแฝง). เทวโลก. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ, ๒๕๓๐. ส. พลายน้อย (นามแฝง). เทวนิยาย. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: บำรุงสาส์น, ๒๕๓๔. สัจจาภิรมย์, พระยา (สรวง ศรีเพ็ญ). เทวกำเนิด. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามงกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๑๖ (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางสุด สุทเธนทร์ ณ วัดบางขวาง อ. เมือง จ.นนทบุรี  วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๖). เสฐียรโกเศศ (นามแฝง). การศึกษาเรื่องประเพณีไทย. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๐๒. เสฐียรโกเศศ (นามแฝง). เรื่องผีสางเทวดา. ม.ป.ท., ๒๕๐๒ (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางสาย ปิณฑะสุต ณ วัดหิรัญรูจีวรวิหาร (วัดน้อย) วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๒). อุดม รุ่งเรืองศรี. เทวดาพระเวท. ม.ป.ท.,๒๕๒๓.   นายชญานิน นุ้ยสินธุ์นักอักษรศาสตร์ชำนาญการ กลุ่มจารีตประเพณีสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ค้นคว้าเรียบเรียง  


           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ขอเชิญร่วมฟังการบรรยายทางวิชาการประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี ๒๕๖๕ เรื่อง “ส่องคติพุทธมหายานผ่านพระพิมพ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช” ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. สามารถรับฟังผ่านแอพพลิเคชั่น Zoom Meeting และสื่อสังคมออนไลน์ Facebook Live : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ประกอบด้วยหัวข้อการบรรยาย ๓ หัวข้อ ได้แก่ ๑. “การเข้ามาของพุทธศาสนาและหลักฐานทางโบราณคดีที่พบในภาคใต้” โดย นางสาวสุขกมล วงศ์สวรรค์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ๒. “พระพิมพ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช” โดย นางสาวชุติณัฐ ช่วยชีพ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ๓. “รูปแบบและคติการสร้างพระพิมพ์ในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานและเถรวาท” โดย ศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร          ผู้สนใจสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดลงทะเบียนเข้ารับฟัง และร่วมลุ้นรับของที่ระลึกสุดพิเศษ ได้ที่นี่ https://forms.gle/qkQv8xcGLxJii37G6


          ยานสำรวจก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้สำหรับการสำรวจแหล่งเรือจม หรือแหล่งโบราณคดีใต้น้ำ ของกองโบราณคดีใต้น้ำ ซึ่งยานสำรวจนั้น มีข้อดีหลักๆ คือช่วยลดอัตราความเสี่ยงของบุคคลากรกองโบราณคดีใต้น้ำในการลงดำน้ำเพื่อการสำรวจในพื้นที่ที่มีความลึก นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง รวมถึงมีส่วนประกอบที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานจำนวนหลายส่วน ซึ่งสามารถรับชมได้จากภาพประกอบ ------------------------------------------------------- ที่มาของข้อมูล : กองโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร https://www.facebook.com/100069197290106/posts/288142626835645/?d=n




          วันศุกร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. นางรักชนก โคจรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง กรมศิลปากร เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อเตรียมการจัดนิทรรศการเครื่องเคลือบเซรามิกกับจังหวัดซากะ ประเทศญี่ปุ่น ในหัวข้อเรื่อง “เซรามิกแห่งแหลมทอง และแดนอาทิตย์อุทัย : สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชย์วัฒนธรรมโลก” โดยมีผู้แทนจาก Japan Foundation และสำนักข่าวสารญี่ปุ่น (Japan Information Service) แห่งสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุมดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทั้งนี้นิทรรศการจัดระหว่าง วันที่ ๑๔ กันยายน - ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๕


องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เรื่อง “หนังตะลุง” ศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ ตอนที่ ๒ ค้นคว้าและเรียบเรียงโดย นางปรางวไล ทองบัว เจ้าพนักงานพิพิธภัณฑ์ปฏิบัติงานที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช https://www.facebook.com/nakhon.museum/posts/pfbid034RDC3uobY77VctX7C2JXmxg99cyC7zU4QBsJnXWUMUCBWQcnVU4rYXt3JtuEJCExl




นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง ๙๐ วัสสา ผืนป่าห่มหล้า ผืนผ้าห่มเมือง องก์ที่ ๘ ทรงรักษาคุณค่ามรดกชาติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการสนับสนุน ส่งเสริม ฟื้นฟู และอนุรักษ์งานศิลปะของไทยที่มาจากการสั่งสมภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย จากพระราชดำริที่ริเริ่มเพื่อช่วยเหลือให้ราษฎรทุกท้องถิ่นมีอาชีพเสริมเลี้ยงตนเอง ขยายออกไปสู่การอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมด้านต่าง ๆ      พระองค์ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงเห็นความหมายของวัฒนธรรมของผ้าทอ จึงมีพระราชประสงค์สืบทอดศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองของไทยให้ยั่งยืน พระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระองค์ทำให้งานศิลปหัตถกรรมผ้าไทยมีคุณค่าและความประณีตงดงาม ก่อเกิดเป็นงานศิลป์อันทรงคุณค่าและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ“...คนไทยเรานั้นแม้อยู่ห่างไกลความเจริญของเมืองหลวง ก็มีความสามารถทางด้านศิลปะเป็นอย่างสูง เช่น ผ้าไหมไทย ผ้าไทยต่าง ๆ ที่เห็นมีสีและลวดลายที่สวยงามนั้น เกิดมาจากความสามารถของชาวบ้านเองแท้ ๆ ไม่ต้องให้ใครไปออกแบบลวดลายและสีสันให้ คนไทยเหล่านี้เองที่ข้าพเจ้าขอยกย่องว่า เป็นผู้สืบทอดศิลปะให้แก่ชาติบ้านเมืองของเขาจริง แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยมีความรู้ทางหัตถกรรมใด ๆ เลย ก็ต้องนับว่ามีสายเลือดทางศิลปะอยู่ในตัวแล้ว เพราะเพียงได้มาเรียนไม่นานก็สามารถผลิตผลงานที่สวยงามได้อย่างน่าอัศจรรย์...”(พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑)“...ชาวกะเหรี่ยงนี่ เขามีความสามารถ มีศิลปะของเขา ปรากฎว่าได้ผลดี เขาทอเสื้อผ้าของเขาและต่อไปเวลาทางศิลปาชีพออกแบบลายผ้าต่าง ๆ สำหรับให้หมู่บ้านนี้ ทำให้ทอเป็นลายต่าง ๆ อย่างนี้ เขาก็เชื่อฟัง เขาก็ทอ ตอนนี้ผิดไปเลย ไม่ถึงปีนี่ก็หน้าตาสดใส และเด็ก ๆ ก็ได้ไปโรงเรียน...”(พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันพุธ ที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒)“...การทอผ้าเป็นศิลปะงดงามที่เขามีความสามารถชำนาญในสายเลือด เราเพียงเข้าไปช่วยนิดหน่อยเท่านั้นก็จะได้ทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีขึ้น ทางทหารก็ได้เคยช่วยเหลือกับข้าพเจ้ามาตลอด ทั้งนี้เพราะว่าคนไทยทั้งหลายที่ได้รับการศึกษาสูงก็คงจะทราบว่า เราต้องป้องกันไม่ให้ราษฎรที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารต้องทิ้งบ้านเข้ามาทำงานตามเมืองใหญ่ ๆ ทำให้เมืองใหญ่ ๆ กลายเป็นชุมชนแออัด อาหารจำกัด อาหารแพง...”(พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙)ผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอ้างอิง :๑.  สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ.  ๒๕๖๐.  ๘๔ พรรษา ราชินีศรีแผ่นดิน.  กรุงเทพฯ: กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล.๒. คณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือไม้ดอกและไม้ประดับเฉลิมพระเกียรติ. ๒๕๓๖. ไม้ดอกและไม้ประดับ. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์.๓. กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๖๑. จดหมายเหตุงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙. กรุงเทพฯ : ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์.๔. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. ๒๕๔๘. ประมวลพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.๕. กรมการศาสนา. ๒๕๕๗. พระราโชวาทและพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.๖. กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงวัฒนธรรม, และ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์. ๒๕๕๐. ถักร้อยดวงใจมหกรรมทอผ้าไทย เทิดไท้พระบรมราชินีนาถ. กรุงเทพมหานคร: ศรีสยามการพิมพ์.  ๗. สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน). ม.ป.ป. ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ (Online). https://www.sacict.or.th/th/listitem/10223 , สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔.๘. อรุณวรรณ ตั้งจันทร, เกษร ธิตะจารี, และ นิรัช สุดสังข์. ๒๕๕๖. “การพัฒนาผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอจากผ้าปักชาวเขาเผ่าม้ง จังหวัดเพชรบูรณ์.” วารสารวิชาการ ศิลปะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ๔ (๒): ๕๕-๖๗.  ๙. กระทรวงวัฒนธรรม. ๒๕๕๘. อัคราภิรักษศิลปิน. กรุงเทพมหานคร: มปท.๑๐. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม. ๒๕๖๔. ครูช่างทอ ผู้ได้ชื่อว่า “๔ ทหารเสือราชินี” แห่งวงการผ้าไหมไทย (Online). https://www.silpa-mag.com/culture/article_67780 , สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔.๑๑. กรมการพัฒนาชุมชน. ม.ป.ป. สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.



ชื่อเรื่อง                               สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี-มหาปัฏฐาน) อย.บ.                                  2/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           42 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           ชาดก             บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


มหานิปาต (เวสฺสฺตรชาตก) ชาตกปาลิ ขุทฺทกนิกาย (คาถาพัน)ชบ.บ 107/1เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 156/2 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี) ชบ.บ 182/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                         สํยุตฺตนิกายกถา (สํยุตฺตนิกาย)ลบ.บ.                            35/13หมวดหมู่                       พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                  58 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง                         พระไตรปิฎก                                                                         บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องรัก ไม้ประกับธรรมดา


ภาพฟิล์มกระจกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปตามถนนนครใน เมืองสงขลา พ่อค้าและราษฎรตกแต่งร้านและบ้านเรือนด้วยผ้าและธงต่างๆอย่างสวยงามKing Chulalongkorn is walking along Nakhon Nai Road, Songkhla with colorful decoration of houses and commercial shops by colored bands and flags.ภาพ/ข้อมูล: หนังสือฟิล์มกระจก ฉลองมรดกความทรงจำโลก


black ribbon.