ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ
ชื่อเรื่อง รามเกียรติ์ ตอนอภิเษกสมรสบทร้องและบทพากย์ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธผู้แต่งเพิ่ม พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ วรรณกรรมเลขหมู่ 895.9112 ม113รสถานที่พิมพ์ พระนคร สำนักพิมพ์ มหามกุฏราชวิทยาลัยปีที่พิมพ์ 2495ลักษณะวัสดุ 52 หน้าหัวเรื่อง รามเกียรติ์ วรรณคดีไทย ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกเนื้อหาภายในประกอบด้วยอธิบายรามเกียรติ์ ตอนอภิเษกสมรสบทร้องและบทพากย์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทบรามเกียรติ์ที่แต่งขึ้นนี้สำหรับเล่นโขน มีความตั้งใจที่จะดำเนินเรื่องโดยทางที่แปลกกว่าที่เคยมีมาก่อน แต่ไม่ได้ตั้งใจแต่งบทนี้ขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับพระราชนิพนธ์เก่า
เรื่อง “จารึกและลวดลายบนหีบพระธรรมวัดบุญยืน” --- หีบพระธรรม หรือ หีดธัมม์ (หีดธรรม) ในล้านนา เป็นเครื่องใช้สอยอันเนื่องในพระพุทธศาสนา มีลักษณะเป็นหีบหรือกล่องไม้ขนาดใหญ่ ใช้สำหรับเก็บรักษาพระไตรปิฎกหรือพระธรรมในลักษณะคัมภีร์ใบลานที่พระสงฆ์ใช้สำหรับเทศน์ หีบพระธรรมประกอบด้วยสามส่วน คือ ส่วนตัวหีบ ส่วนฐาน และส่วนฝา ลักษณะรูปทรงของหีบพระธรรมมักมีลักษณะเป็นทรงลุ้งซึ่งเป็นทรงสี่เหลี่ยม ด้านล่างฐานสอบเข้า ส่วนปากหีบผายออก มีฝาครอบปิดด้านบนแตกต่างกัน ได้แก่ ฝาตัด ฝาคุ่ม และฝาเรือนยอด นอกจากนี้ยังมีตู้พระธรรมซึ่งเป็นที่นิยมในภาคกลางที่พบในล้านนาเช่นกัน โดยมีลักษณะเป็นตู้ที่เปิดจากด้านหน้า --- หีบพระธรรมวัดบุญยืน จารึกด้วยอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทย กำหนดอายุสมัยจากจารึกพุทธศักราช ๒๓๓๘ ศิลปะแบบล้านนา สร้างด้วยไม้ลงรักปิดทอง มีขนาดกว้าง ๗๐ เซนติเมตร ยาว ๗๑ เซนติเมตร สูง ๑๒๒.๕ เซนติเมตร ลักษณะเป็นหีบทรงลุ้ง ฝาตัด ฐานปัทม์ สลักภาพนูนต่ำและปั้นรักประดับแสดงภาพเล่าเรื่องสิริจุฑามณีชาดก ประกอบด้วยรูปบุคคล รูปสัตว์ และลวดลายพันธุ์พฤกษา มีจารึกอักษรธรรมล้านนาระบุผู้สร้างและปีที่สร้าง พระสาราธิคุณ เจ้าอาวาสวัดบุญยืน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ให้ยืมจัดแสดง ปัจจุบันหีบพระธรรมนี้จัดแสดงอยู่ภายในห้องประณีตศิลป์ ชั้นบนอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน --- หีบพระธรรมวัดบุญยืนสลักภาพนูนต่ำและปั้นรักประดับ ส่วนฐานปัทม์ประดับลวดลายเครือดอก ส่วนตัวหีบแสดงภาพเล่าเรื่องรูปบุคคล และรูปสัตว์ ประกอบลวดลายพันธุ์พฤกษาทั้งสี่ด้าน ส่วนด้านหน้าที่สำคัญที่สุดบริเวณฝามีจารึก ตัวหีบสลักภาพเล่าเรื่อง “สิริจุฑามณีชาดก” ส่วนตัวหีบด้านซ้ายสลักรูปบุคคลถือพระขรรค์ ส่วนด้านหลังของตัวหีบสลักภาพบุคคลต่อสู้กันสันนิษฐานว่าอาจเป็นภาพเล่าเรื่องในชาดก และส่วนด้านขวาของตัวหีบเป็นภาพยักษ์ถือพระขรรค์ โดยภาพสลักทั้งสี่ด้านสลักอยู่ภายในกรอบห้าเหลี่ยมบริเวณมุมทั้งสี่ของกรอบประดับลวดลายในกรอบสามเหลี่ยม บริเวณส่วนฝานอกจากด้านหน้าที่มีจารึก สลักเป็นแถวลายรูปสัตว์ในลักษณะเคลื่อนไหววิ่งหยอกเล่นกัน --- ภาพสลักเล่าเรื่องสิริจุฑามณีชาดก แสดงรูปบุคคลนั่งอยู่บนแท่น ตรงกลางภาพ มีรูปบุคคลที่มีกายเพียงครึ่งซีกนั่งอยู่ทางเบื้องขวาและมารอีก ๒ ตนกำลังเลื่อยแบ่งร่างกาย ตอนบนสุดเป็นภาพเทวดาประณมมือ กรอบภาพนอกสุดเป็นแนวลายไข่ปลา ที่มุมทั้งสี่ทำเป็นลายดอกไม้และเถาไม้ การจัดองค์ประกอบได้สัดส่วนและสมดุลกันทั้งสองด้าน โดยเน้นจุดสนใจอยู่ที่กึ่งกลางของภาพ ส่วนพื้นที่ว่างเบื้องหลังสลักเป็นลายพันธุ์พฤกษา ภาพดังกล่าว แสดงถึงเรื่องราวการบำเพ็ญทานของพระสิริจุฑามณีที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ปัญญาสชาดก ซึ่งรจนาขึ้นทางภาคเหนือของประเทศไทย บุคคลตรงกลางภาพคงหมายถึงพระโพธิสัตว์ในชาติปางก่อนที่จุติลงมาเป็นพระเจ้าสิริจุฑามณี พระเจ้ากรุงพาราณสี ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณเสียสละบำเพ็ญทานด้วยการอุทิศร่างกายของพระองค์แด่พระอินทร์ผู้แปลงร่างลงมาเป็นพราหมณ์พิการ มีร่างกายเพียงซีกเดียว เพื่อขอร่างกายของพระเจ้าสิริจุฑามณีอีกครึ่งหนึ่งนำมาติดเข้ากับร่างตน รูปมารทั้งสองคือพระยามารที่ผุดขึ้นมาจากธรณีภายหลังที่ทรงอธิษฐานอุทิศพระวรกายมาขอรับส่วนแบ่งที่เหลือ และช่วยกันเลื่อยพระวรกายออกเป็น ๒ ส่วน ระหว่างนั้น เหล่าเทพยดาซึ่งแสดงแทนด้วยรูปเทวดาประณมมือทางตอนบนของภาพต่างแซ่ซ้องสาธุการและแสดงการคารวะการบำเพ็ญทานในครั้งนี้ --- จารึกบนหีบพระธรรมวัดบุญยืน เขียนด้วยรักสีแดงรวม ๖ บรรทัดที่ขอบทางด้านหน้าของส่วนฝา ระบุว่า พระเถระชื่อทิพพาลังการ และเจ้าผู้ครองนครน่าน (เจ้าอัตถวรปัญโญ ผู้สร้างวัดบุญยืน) ให้สร้างขึ้นเมื่อจุลศักราช ๑๑๕๗ หรือพุทธศักราช ๒๓๓๘บรรทัดที่ ๑ ศรีสวัสดี จุฑศกพท ๑๑๕๗ ตัว ใน (ปี) โถะ สนำ กัมโพชม ขอมพิสัย เข้ามาในวัสสานอุตุ อัสยุช ปัณณรสมี ภุมวาร ไถง ไทยภาษาว่าบรรทัดที่ ๒ ปีดับเม้า เดิอรเจียง เพ็ง เม็ง พร่ำว่า ได้วันที่ ๗ ไทก่าไก๊ ปฐมมูลศรัทธา ภายในหมายมีศรัทธาสาธุเจ้าตนชื่อทิพพาลังการ เป็นประธานแก่อันเตวาสิกชู่คน หน ศรัทธาบรรทัดที่ ๓ อุปถัมภกภายนอก มีมหาราชหลวง เป็นประธาน แลอุปาสกแสนอาสา แสนหนังสือขานถ้วน ร้อยจ้อยหล้าอุปาสิกานางโนชา แลศรัทธา ทายกทล้า อันอยู่ในบ้านน้ำลัด ชู่คน ก็บังเกิดเจ -บรรทัดที่ ๔ ตนาสร้างแปลงยังหีด ธรรมเทศนาลูกนี้ ไว้หื้อเป็นที่สถิตย์ ไว้ยังเตปิฎก สัมพุทธวัจนธรรมเทศนาเจ้า เพื่อบ่หื้อ เศร้าหม่นหมองเรียรายเสี้ยงแท้ดีหลี ด้วยเดชบุญรวายสีบรรทัดที่ ๕ เยิงนี้ ขอจุ่งค้ำชูหื้อผู้ข้าทล้า ได้เถิงยัง ติวิธสุข ๓ ประการ มีนิพพานเป็นยอดแก่ผู้ข้าทล้าแท้อย่าคลาดอย่าคลา ตามมโนรถปรารถนา แห่งผู้ข้าทั้งหลายชู่ตน ชู่องค์บรรทัดที่ ๖ ชู่ผู้ชู่คน เที่ยงแท้ดีหลีเทอะ ฯ//ะ--- เนื้อหาโดยสังเขป กล่าวว่า ในจุลศักราช ๑๑๕๗ พระสงฆ์นามว่าทิพพาลังการเป็นประธานแก่ศิษย์ทุกคน โดยมีมหาราชหลวงเป็นองค์อุปถัมภ์ พร้อมด้วยขุนนาง นางโนชา และชาวบ้านน้ำลัดมีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างหีบพระธรรมสำหรับเก็บรักษาพระไตรปิฎก โดยขอให้ได้พบสุข ๓ ประการซึ่งมีนิพพานเป็นยอด ปีที่จารึก จุลศักราช ๑๑๕๗ ตรงกับ พุทธศักราช ๒๓๓๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และตรงกับปีที่เจ้าอัตถวรปัญโญ (เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๕๗ ครองเมืองน่าน พุทธศักราช๒๓๒๙ - ๒๓๕๓) ให้สร้างหอไตรขึ้นในวัดกลางเวียง (วัดบุญยืน) อักษรและภาษาที่ใช้ในจารึก ได้แก่ อักษรธรรมล้านนา ภาษาไทย ภาษาถิ่น เช่นคำว่า “หีบธรรม” ใช้ว่า “หีดธรรม” นอกจากนั้นในจารึกยังได้กล่าวนามถึง “มหาราชหลวง” เข้าใจว่าคงหมายถึงตำแหน่งของเจ้าผู้ครองนครหรือเจ้าเมืองที่กล่าวด้วยความยกย่องสรรเสริญเทียบเท่าพระมหากษัตริย์แต่โบราณ ซึ่งคงหมายถึงเจ้าอัตถวรปัญโญ ส่วนนาม “สาธุเจ้าทิพพาลังการ” เข้าใจว่าเป็นพระมหาเถรที่มีความสำคัญทางคณะสงฆ์ของเมืองน่านในช่วงเวลาดังกล่าวเอกสารอ้างอิง- เด่นดาว ศิลปานนท์. เครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา: ตู้และหีบพระธรรม เข้าถึงข้อมูลจาก https://www.finearts.go.th/main/view/24895-เครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา—ตู้และหีบพระธรรม?type1=5- ผศ.เธียรชัย อักษรดิษฐ์ และคณะ. ลวดลายพุทธศิลป์น่าน. เชียงใหม่: สันติภาพแพ็คพริ้นท์, ๒๕๕๑.- ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). จารึกหีบพระธรรมวัดบุญยืน. เข้าถึงข้อมูลจาก https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/1873- สุรศักดิ์ ศรีสำอาง และคณะ. เมืองน่าน โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปะ. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. ๒๕๓๗. - ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ. สิริจุฑามณิชาดก. เข้าถึงข้อมูลจาก https://vajirayana.org/ปัญญาสชาดก/๗-สิริจุฑามณิชาดก
เลขทะเบียน : นพ.บ.180/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 5 x 58 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา, มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 102 (86-90) ผูก 3 (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันธ์ขันธ์ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
จุลสจฺจดสุตฺต (จุลสจฺจกสุตฺตํ)
ชบ.บ.57/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สลากริวิชาสุตฺต (สลากวิชาสูตร)
สพ.บ. 319/4
ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลาน
หมวดหมู่ พุทธศาสนา
ลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 5.7 ซม. ยาว 57.7 ซม.
หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.276/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 62 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 118 (240-247) ผูก 1ก (2565)หัวเรื่อง : อภิธมฺมสงฺเขป(อภิธรรมรวม)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรชาวจังหวัดนครนายกหลายครั้งซึ่งทำให้เล็งเห็นปัญหาที่ประชาชนประสบในการขาดแคลนน้ำในการใช้สอยในฤดูแล้งตลอดจนปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก จึงได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการจัดการทรัพยากรน้ำ และมีการดำเนินการตลอดจนติดตามผลอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการสร้างอ่างเก็บน้ำจนถึงการสร้างฝาย การแก้ปัญหาในระยะแรกไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจึงเกิดโครงการเขื่อนท่าด่านขึ้น เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ อนุมัติการก่อสร้างระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๔๐ - ๒๕๔๖ ในวงเงิน ๑๐,๑๙๓ ล้านบาท เริ่มดำเนินงานก่อสร้างในวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ความเป็นมาของการสร้างเขื่อนขุนด่านปราการชลตามลำดับเหตุการณ์และรายละเอียดดังนี้ ๑. วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรสภาพภูมิประเทศคลองท่าด่าน และพระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาสร้างฝายท่าด่าน ๒. วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรความคืบหน้าการก่อสร้างฝายท่าด่าน และมีพระราชปฏิสันถารกับข้าราชการกรมชลประทานเกี่ยวกับการจัดสร้างระบบชลประทาน ๓. พ.ศ. ๒๕๒๓ ฝายท่าด่านก่อสร้างแล้วเสร็จ ๔. วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแนวพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาดำเนินการโครงการเขื่อนเก็บกักน้ำคลองท่าด่าน จังหวัดนครนายก ๕. พ.ศ. ๒๕๔๑ – ๒๕๔๓ สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๔ ปราจีนบุรี กรมศิลปากร ดำเนินงานทางด้านโบราณคดีีก่อนการสร้างเขื่อนคลองท่าด่าน ๖. กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๑ กรมชลประทานดำเนินการสำรวจและออกแบบเขื่อนคลองท่าด่านแล้วเสร็จ ๗. วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่าน โครงการเขื่อนคลองท่าด่าน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๘. ตุลาคม ๒๕๔๗ งานก่อสร้างเขื่อนหลักและอาคารประกอบแล้วเสร็จสมบูรณ์ และเริ่มเก็บกักน้ำ ๙. วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานนาม “เขื่อนขุนด่านปราการชล” หมายถึงเขื่อนซึ่งเป็นกำเเพงกั้นน้ำ ๑๐. วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นามเดิม หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๕ โครงการ ณ บริเวณท่าเรือกรมชลประทาน สามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร----------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี จันทบุรี นำเสนอโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ "ตุ๊กตาสังคโลกรูปบุคคล จากแหล่งเรือจมกลางอ่าวไทย"
แหล่งเรือจมกลางอ่าว เป็นแหล่งเรือจมที่พบโบราณวัตถุกว่าหมื่นชิ้น การค้นพบนั้นเริ่มจากกองทัพเรือได้ยึดโบราณวัตถุจากเรือลักลอบงมหาโบราณวัตถุชื่อเรือออสเตรเลียไทด์ โบราณวัตถุของกลางที่ได้จากการจับกุม ประกอบด้วย เครื่องสังคโลกจากเตาสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย จำนวนประมาณ 6,525 รายการ เครื่องปั้นดินเผาจากเตาแม่น้ำน้อย อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี จำนวนประมาณ 3,425 รายการ เครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตใน ประเทศเวียดนาม จำนวน 329 รายการ เครื่องถ้วยจีนจำนวน 5 รายการ ปืนใหญ่ขนาดเล็กที่ใช้มือถือ 3 รายการ
ในกลุ่มเครื่องสังคโลกจากเตาสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย มีประติมากรรมลอยตัวรูปบุคคล ทำจากดินเผาเนื้อแกร่งเคลือบผิว จำนวน 3 รายการ รายการที่ 1 เป็นประติมากรรมรูปบุคคลนั่งอยู่บนแท่น ขนาดสูง 28.00 เซนติเมตร ลักษณะแต่งกายแบบเซียนของจีน สองมืออุ้มนกหรือไก่ประคองไว้ที่หน้าอก ประติมากรรมรูปนี้ภายในกลวง และที่บนศีรษะเปิดออกเป็นช่อง
อีก 2 รายการเป็นตุ๊กตาสังคโลกรูปสตรีเปลือยอก ขนาดสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ลักษณะปั้นแบบลอยตัวนั่งพับเพียบ มือซ้ายวางไว้ที่หน้าตัก มือขวาประคองก้นภาชนะที่แบกไว้บนไหล่ขวา
ประติมากรรมรูปบุคคลทั้ง 3 รายการ ที่พบในแหล่งเรือจมกลางอ่าวไทยนั้น ยังไม่ทราบวัตถุประสงค์และประโยชน์ใช้สอย สันนิษฐานว่าเป็นรูปเคารพและวัตถุที่เกี่ยวเนื่องทางความเชื่อ
อ้างอิง
1. ปริวรรต ธรรมปรีชากร,สว่าง เลิศฤทธิ์ และกฤษฎา พิณศรี,ศิลปะเครื่องถ้วยในประเทศไทย (กรุงเทพ : โอสถสภา,2539)
2.กรมศิลปากร.ประวัติศาสตร์การพาณิชย์นาวีไทย.ผู้เขียนและเรียบเรียง นายเอิบเปรม วัชรางกูร : สำนักพิมพ์สมาพันธ์ จำกัด,2544
โมทยากร. พระราชประวัติพระราชวงศ์และ 131 เจ้าฟ้าไทย. กรุงเทพฯ: พิทยาคาร, 2514.
รวบรวมพระราชประวัติบุคคลในพระราชวงศ์ไทย รายพระนามพระราชวงศ์ไทย เจ้าจอมมารดาและเจ้าฟ้า เสนาบดี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พร้อมภาพประกอบครบครัน
พระสมรรถบริหาร (พ่วง พรหมบุตร). อุปกรณ์การทัศนา ปราสาทหินพิมาย พระพุทธรูป เทวรูป และอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี. พระนคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2502.
( 915.9332 ส275อ )
เป็นคู่มือแนะนำโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในจังหวัดนครราชสีมา โดยเน้นที่ความสำคัญของปราสาทหินพิมาย ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมนอกจากปราสาทหินพิมายแล้ว ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธรูป เทวรูปต่างๆ ที่พบในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงอธิบายลักษณะของพระพุทธรูปในแต่ละยุคสมัย อีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่กล่าวถึงในหนังสือ คืออนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) วีรสตรีผู้เป็นที่เคารพสักการะของชาวนครราชสีมา วัตถุประสงค์ของการจัดทำหนังสือเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจในด้านโบราณคดี และผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อชื่นชมความงดงามของโบราณสถาน โบราณวัตถุ ในจังหวัดนครราชสีมา
- จัดพิมพ์เนื่องในการทำบุญอายุครบรอบ 6 รอบ พระสมรรถบริหาร (พ่วง พรหมบุตร) วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2502
วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๔๖๘ ส่งหีบเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพแม่เจ้าศรีโสภา ณ น่าน ส่งหีบเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพ วันที่ ๑๖ กันยายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานจัดหีบเพลิง ส่งไปพระราชทานเพลิงศพ เจ้าศรีโสภา จ.จ. ภรรยาเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน ที่สุสานดอนไชย อำเภอเมือง จังหวัดน่าน พระราชทานเงิน ๑๐๐๐ สตางค์ ผ้าขาว ๒ พับ กับเครืองกัณฑ์เทศน์เปนพิเศษเครื่อง ๑(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๒ หน้า ๑๙๓๘ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๖๘). แม่เจ้าศรีโสภา ณ น่าน ชายาองค์ที่ ๑ หรืออัครชายา ของเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๖๔ มีบุตรธิดา คือ เจ้าสุริยวงศ์ (เจ้าน้อยยานนท์ ณ น่าน) เจ้าหญิงบัวเขียว ณ น่าน เจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าน้อยขัตติยศ ณ น่าน) และเจ้าราชบุตร (เจ้าน้อยหมอกฟ้า ณ น่าน) ในหนังสือประวัติมหาอำมาตย์โทและนายพลตรีเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน กล่าวว่าเจ้ามหาพรหมสุรธาดา มีโอรสธิดากับเจ้าหญิงศรีโสภา รวม ๘ คน คือ โอรส ๖ ธิดา ๒ แม่เจ้าศรีโสภา ณ น่าน เป็นธิดาพระยาวังขวา (คำเครื่อง) (เจ้าคำเครื่อง เป็นโอรสพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช กับแม่เจ้ายอดหล้า อัครราชเทวี) กับเจ้าหญิงอุษา (บางแห่งระบุเจ้านางภูคา ณ น่าน) ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นจตุตถจุลจอมเกล้า (จ.จ.) (ฝ่ายใน) วิสามัญสมาชิกาจตุตถจุลจอมเกล้า. แม่เจ้าศรีโสภา ณ น่าน ได้ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๗ (นับปีใหม่วันที่ ๑ เมษายน) ในบันทึกความทรงจำสำราญ จรุงจิตรประชารมย์ มหาดเล็กเจ้ามหาพรหมสุรธาดา กล่าวถึงงานศพแม่เจ้าศรีโสภา ว่า “ศพของแม่เจ้าศรีโสภา ปลงศพตั้งปราสาท ๓ ยอด สวยงามมาก บำเพ็ญกุศล ๓ วัน ๓ คืน ณ ท้องข่วง มี “การตี๋มวย (ชกมวย)” “ผุยมะนาว (โปรยทาน)” ในการปลงศพ การชกมวย ผุยมะนาวในงานศพจะทำได้เฉพาะงานพระศพของเจ้าผู้ครองนครและเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น คนสามัญห้ามเด็ดขาด เป็นอาณาสิทธิของเจ้าผู้ครองนคร เว้นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ให้ทำได้โดยอนุโลม” “ศพแม่เจ้าศรีโสภา ตั้งบำเพ็ญกุศล ๓ วัน ๓ คืนนั้น จึงพระราชทานเพลิง ในระหว่างตั้งปลงศพแม่เจ้าศรีโสภา บำเพ็ญกุศล ๓ วัน ๓ คืนนั้น นอกจากตีมวย (ชกมวย) และผุยมะนาวแล้ว มีการจุดพลุญี่ปุ่นและอุ่มงัน (สมโภช) ด้วยระนาดปาดก้อง (ฆ้อง) (ปี่พาทย์) วงใหญ่ การบรรเลงเป็นเพลงล้านนาไทยโบราณ เท่าที่ผมจำได้มีเพลงม้าย่อง เพลงม้าตึ๊บคอก (กระทืบ) เพลงปราสาทไหว เพลงกราวนอก เพลงแม่ม่ายก้อม (สั้น) เพลงน้ำตกตาด (เหว) เป็นต้น”.เอกสารอ้างอิงเจ้าน้อยสำราญ จรุงจิตรประชารมณ์ (ณ น่าน). ทำเนียบต้นวงศ์ตระกูล ณ น่าน. ๒๕๓๘.บันทึกความทรงจำสำราญ จรุงจิตรประชารมย์. หจก.อิงค์เบอรี่ : น่าน. ๒๕๕๘.ประวัติมหาอำมาตย์โทและนายพลตรีเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน. โรงพิมพ์ศรีหงส์. ๒๔๘๐.ราชกิจจานุเบกษา. พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์. เล่ม ๒๓ หน้า ๘๙๔ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๑๒๕. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2449/035/893.PDFราชกิจจานุเบกษา. ส่งหีบเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพ. เล่ม ๔๒ หน้า ๑๙๓๘ วันที่ ๒