ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,748 รายการ
สำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมนิทรรศการ เรื่อง “ศาสตร์พระราชาในวรรณกรรมยอดเยี่ยมสมัยรัชกาลที่ ๙” จัดแสดงองค์ความรู้จากวรรณกรรมยอดเยี่ยมในสมัยรัชกาลที่ ๙ ตามแนวคิดศาสตร์พระราชา ได้แก่ นวนิยาย เรื่องสั้น กวีนิพนธ์ สารคดี และวรรณกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “ศาสตร์พระราชาในวรรณกรรมยอดเยี่ยมสมัยรัชกาลที่ ๙” ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๘.๓๐ น. และวันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ณ โถงกลาง อาคาร ๑ ชั้น ๑ สำนักหอสมุดแห่งชาติ (ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดชดเชย และวันหยุดอื่นๆ ตามมติ ครม.)
ตะเกียงดินเผา สมัยทวารวดี
ตะเกียงดินเผา พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
ตะเกียงดินเผา ขึ้นรูปด้วยมือ ขนาดกว้าง ๙ เซนติเมตร ยาว ๑๙ เซนติเมตร อยู่ในสภาพชำรุด แตกต่อไว้ ส่วนลำตัวที่เป็นถ้วยหักหายไปบางส่วน มีลำตัวลักษณะคล้ายถ้วยรูปทรงกลม ปากกลม ก้นแบน สำหรับใส่น้ำมัน มีพวยยาวยื่นออกมาจากลำตัว ปากพวยทรงกลมอยู่ในระดับเสมอกับปากถ้วย สำหรับสอดไส้ตะเกียงเพื่อจุดไฟให้แสงสว่าง เนื้อตะเกียงค่อนข้างหยาบและหนา พื้นผิวด้านนอกขรุขระ ไม่ตกแต่งลวดลาย กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖ หรือประมาณ ๑,๐๐๐ - ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว
ตะเกียงดินเผารูปแบบนี้ นักวิชาการบางท่านเรียกว่า “ตะเกียงโรมัน” หรือ “ตะเกียงอานธระ” เนื่องจากมีรูปทรงและลักษณะการใช้งานคล้ายคลึงกับตะเกียงโรมันสำริด ซึ่งพบที่ชุมชนโบราณพงตึก จังหวัดกาญจนบุรี และยังคล้ายคลึงกับตะเกียงดินเผาที่มีต้นแบบจากตะเกียงโรมัน ซึ่งผลิตขึ้นในแคว้นอานธระซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดียอีกด้วย นักวิชาการสันนิษฐานว่าตะเกียงดินเผารูปแบบนี้น่าจะผลิตขึ้นในท้องถิ่น โดยอาจมีต้นแบบมาจากตะเกียงโรมันโดยตรง หรืออาจรับรูปแบบจากตะเกียงดินเผาที่ผลิตขึ้นในประเทศอินเดีย ซึ่งมีต้นแบบมาจากตะเกียงโรมันอีกทอดหนึ่งก็เป็นได้
ตะเกียงดินเผารูปแบบที่มีลำตัวเป็นถ้วยทรงกลมและมีพวยลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ นอกจากที่เมืองโบราณอู่ทองแล้วยังพบที่เมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม เมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองโบราณบ้านคูเมือง จังหวัดสิงห์บุรี แหล่งโบราณคดีบ้านท่าแค จังหวัดลพบุรี เมืองโบราณจันเสนและเมืองโบราณโคกไม้เดน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น เนื่องจากในดินแดนไทย ตะเกียงรูปแบบนี้พบจำนวนไม่มาก จึงสันนิษฐานว่า อาจเป็นของใช้ในหมู่ชนชั้นสูงหรือใช้ในพิธีกรรม เพราะให้แสงสว่างยาวนานกว่าตะคันดินเผาซึ่งพบทั่วไปตามเมืองโบราณสมัยทวารวดี แม้ตะเกียงดินเผาใบนี้จะอยู่ในสภาพชำรุด แตกหัก ไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการติดต่อแลกเปลี่ยนของผู้คนท้องถิ่นบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง กับชาวต่างชาติในดินแดนห่างไกลเมื่อกว่าพันปีมาแล้ว
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. จากบ้านสู่เมือง : รัฐแรกเริ่มบนแผ่นดินไทย. นครปฐม : รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด, ๒๕๖๑.
ผาสุข อินทราวุธ. ดรรชนีภาชนะดินเผาสมัยทวารวดี. กรุงเทพฯ : ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ, ๒๕๒๘.
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 43/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 80 หน้า : กว้าง 5.1 ซม. ยาว 57.3 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 46/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง : บทละครเรื่อง ท้าวแสนปม กับ หนามยอกเอาหนามบ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงไผ่ เกษมศุขการี ต.จ. ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2493 ชื่อผู้แต่ง : มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, 2423-2468ปีที่พิมพ์ : 2493 สถานที่พิมพ์ : ม.ป.ท. สำนักพิมพ์ : ม.ป.พ. จำนวนหน้า : 154 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อแจกในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงไผ่ เกษมศุขการี ต.จ. ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2493 เนื้อหาภายในประกอบด้วย ตำนานเรื่องท้าวแสนปม พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นตำนานและสันนิษฐานทางโบราณคดี และบทละครเรื่องท้าวแสนปม ยกมาเฉพาะฉากพระชินเสนทูลลาพระบิดาไปดูตัวนางในไตรตรึงษ์ จนได้นางกลับมาศรีวิชัย สุดท้ายคือบทละครชวนหัวสลับลำเรื่อง เรื่องหนามยอกเอาหนามบ่ง
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 143/7ก เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 177/2จเอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : คำบรรยาย “ต้นไม้ยาไทย” คณะเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ภริยา และบุตรธิดา จัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานฌาปนกิจศพ หมอสูน หงษ์ทอง ณ เมรุวัดสัตตนาถปริวัตร วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2510 ชื่อผู้แต่ง : สูน หงษ์ทอง ปีที่พิมพ์ : 2510 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : บริษัท บพิธ จำกัดจำนวนหน้า : 186 หน้า สาระสังเขป : เนื้อหาเป็นประวัติหมอสูน หงษ์ทอง ซึ่งนายสมัคร หงษ์ทอง (บุตรชาย) เป็นผู้เขียนได้อย่างน่าอ่าน ตามด้วยคำไว้อาลัยของพระพิทักษ์สมุทรเขต เพื่อนเก่าและคนเก่าๆ ในราชบุรีหลายคน ต่อจากนั้นจึงเป็นภาคความรู้เรื่องต้นไม้ยาไทยที่หมอสูนฯ เคยบรรยายไว้เมื่อครั้งเป็นวิทยากรพิเศษให้นิสิตฯ คณะเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2484 มาจัดพิมพ์ (อาจารย์ไฉน สัมพันธารักษ์ เป็นผู้แนะนำให้ไปเอาบันทึกของ ดร.วิเชียร จีรวงศ์ ที่เคยนั่งจดคำบรรยายของหมอสูนฯ ในห้องเรียนครั้งนั้น)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 14/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 42 หน้า : กว้าง 5.2 ซม. ยาว 54.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อผู้แต่ง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ชื่อเรื่อง วิศวกรรมสาร (ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑)
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๑
จำนวนหน้า ๘๗ หน้า
รายละเอียด
วิศวกรรมสาร ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๑ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ ประกอบด้วยบทความเรื่องระบบกำจัดน้ำโสโครกแบบไม่ใช้อากาศโดยใช้สารสังเคราะห์บรรจุในถังหมัก การกำจัดสิ่งเจือปนในน้ำโดยใช้วิธีทางฟลูอิไดเซซั่น การพาความร้อนโดยบังคับในท่อสามเหลี่ยม เป็นต้นพร้อมภาพประกอบ กราฟและตาราง
เลขทะเบียน : นพ.บ.378/1ขห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 34 หน้า ; 4.5 x 53.5 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 143 (26-39) ผูก 1ข (2566)หัวเรื่อง : จีรธารกถา --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.518/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4.5 x 50.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 173 (254-258) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฺธกถา ขุทฺทกนิกายฏฺธกกา (ธมฺมฺปทขั้นปลาย)อย.บ. 241/5หมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 56 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง พระธรรมเทศนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา
ชื่อเรื่อง สพ.บ.424/10 พระเจ้าห้าสิบชาติ (ห้าสิบชาติ)
สพ.บ. 424-10
ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนา
ลักษณะวัสดุ 46 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56.2 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
เทศน์มหาชาติ
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
โคมแขวนจากลาลูแบร์ (จดหมายเหตุลาลูแบร์ Simon de La Loubere)
โคมแขวนในสมัยกรุงศรีอยุธยา….จากบันทึกจดหมายเหตุลาลูแบร์ (Simon de La Loubere) ราชทูตชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ๖ วัน ลา ลูแบร์ ได้จดบันทึกเรื่องราวมากมายในกรุงศรีอยุธยา รวมถึงโคม ซึ่ง ลา ลูแบร์ ได้บันทึกการชักโคมและลอยประทีปของชาวสยามไว้ว่า ...
“อนึ่ง ชาวสยามมีมหรสพ เนื่องในการพระศาสนาด้วย ลุฤดูน้ำเริ่มลด ประชาชนพลเมืองจะแสดงความขอบคุณแม่คงคา ด้วยการตามประทีปโคมไฟขนาดใหญ่ (ในแม่น้ำ) อยู่หลายคืน มิชั่วแต่แม่พระคงคาจะลดราถอยไปเท่านั้น ยังอำนวยให้พื้นดินที่จะทำการเพาะปลูกอุดมดีอีกด้วย เราจะได้เห็นทั้งลำแม่น้ำเต็มไปด้วยดวงประทีปลอยน้ำ (กระทง) ไปตามกระแสธาร มีขนาดใหญ่ย่อมต่างกันตามศรัทธา ประสาทของแต่ละคนและมีกระดาษสีต่างๆ ซึ่งประดิษฐ์คิดทำกันขึ้นประดับประดาเครื่องลอยประทีปนั้น เพิ่มให้แสงสีงดงามขึ้นอีก โดยนัยเดียวกัน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อแม่พระธรณีที่อนุเคราะห์ให้เก็บเกี่ยวพืชพรรณธัญญาหารได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ในวันต้นๆ ของปีใหม่ชาวสยามก็จะตามประทีปโคมไฟขึ้นอย่างมโหฬารอีกครั้งหนึ่ง”
“ครั้งแรกที่เราไปถึงเมืองละโว้นั้นเป็นเวลากลางคืน พอดีกับคราวตามประทีปนั้น และเราได้เห็นกำแพงเมืองตามประทีปโดมไฟสว่างไสวรายเรียงอยู่เป็นระยะๆ แต่ภายในพระบรมมหาราชวังนั้น ยังงดงามยิ่งขึ้นไปอีก ในกำแพงแก้วที่ล้อมพระราชฐานนั้น มีซุ้มช่องกุฏิ ๓ แถว โดยรอบ แต่ละช่องมีประทีปดวงหนึ่งตามไฟไว้ บัญชรและทวารทั้งนั้น ก็ประดับดวงประทีปด้วยเหมือนกัน มีโคมประทีปใหญ่และย่อมตกแต่งเป็นรูปแปลกๆ กัน ปิดกระดาษหรือหุ้มผ้าแก้วโปร่งระบายสีต่างๆ แขวนไว้อย่างเป็นระเบียบตามกิ่งไม้หรือตามเสาโคม”
Credit: ขอบคุณภาพและผลงาน อาจารย์วาสนา สายมา
บทความนี้เป็นของเพจ Love Thailand Culture