ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
ชื่อเรื่อง : ปกิณกกถาเทศนา และเรียงความกระทู้ธรรม
ชื่อผู้แต่ง : ห้อง บุนนาค
ปีที่พิมพ์ : 2512
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์ชวนพิมพ์
จำนวนหน้า : 74 หน้า
สาระสังเขป : ปกิณกกถาเทศนา มีเนื้อหาเป็นการแสดงธรรมะเกี่ยวกับกรรมดี กรรมชั่ว สอนมนุษย์ให้ละเว้นความโลภ โกรธ หลง ที่จะฉุดชักตนลงสู่อบาย และสอนให้มีสติสัมปชัญญะในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ เนื้อหาส่วนต่อมาคือเรียงความกระทู้ธรรม เป็นการอธิบายธรรมะในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ บุคคลย่อมบริสุทธิ์ด้วยปัญญา คนผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ ผู้ไม่ประมาทควรทำความเพียรให้แน่วแน่ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น
ศาลาตรีมุข ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระวิหารหลวง (ภาพที่ ๑) เป็นศาลาโถงที่ตั้งคร่อมบนแนวกำแพงแก้ว ลักษณะทางสถาปัตยกรรมมีความผสมผสานกันระหว่างแบบประเพณีนิยมและแบบพระราชนิยม กล่าวคือ ส่วนหลังคาเป็นแบบประเพณีนิยม เช่นเดียวกับวัดทั่วไปที่เป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเครื่องไม้สลักปิดทองประดับกระจก ส่วนตัวอาคารเป็นแบบพระราชนิยมใน เนื่องจากมีการใช้เสาสี่เหลี่ยมทำนองเดียวกับเสาพาไลรับน้ำหนักผืนหลังคา (ภาพที่ ๒) ความน่าสนใจของโบราณสถานหลังนี้อยู่ที่ลวดลายบนหน้าบัน ที่สลักเป็นรูปเทพบุตร ประทับยืนภายในเรือนแก้ว พระหัตถ์ทั้งสองถือสมุดข้างละหนึ่งเล่ม (ภาพที่ ๓) รูปเทพบุตรนี้นำแบบอย่างมาจาก “ตราพระสุภาวดี” (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์, ๒๕๕๓ : ๙๓) ตราประจำตำแหน่งเจ้ากรมพระสุรัสวดี ผู้ทำหน้าที่รักษาทะเบียนหางว่าวบัญชีไพร่พล ทั้งฝ่ายทหาร พลเรือนในกรุงและหัวเมือง (สำราญ ถาวรายุศม์, ๒๕๑๓ : ๑๑) รูปสลักพระสุภาวดีบนหน้าบัน สันนิษฐานว่าสื่อความหมายถึง ราชทินนามของผู้สร้างวัดกัลยาณมิตรฯ ซึ่งก็คือ พระยาราชสุภาวดี (โต) เจ้ากรมพระสุรัสวดีกลาง ราชทินนามเดิมของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) ในสมัยรัชกาลที่ ๓ จากการตรวจสอบเอกสารเก่า ไม่พบประวัติปีการก่อสร้างศาลาตรีมุขที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามผู้เขียนสันนิษฐานว่า ศาลาตรีมุขคงสร้างขึ้นในระยะแรกของการก่อสร้างวัด คราวเดียวกันกับการก่อสร้างพระวิหารหลวง ราวปี พ.ศ. ๒๓๘๐ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) เนื่องจาก ๑. ภาพสลักรูปพระสุภาวดีบนหน้าบันศาลาตรีมุข สื่อความหมายถึง พระยาราชสุภาวดี ราชทินนามเดิมของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) ที่ได้รับพระราชทานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และดำรงอยู่ในตำแหน่งนี้จนสิ้นรัชกาล (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์, ๒๕๔๕ : ๕๖) ๒. เมื่อพิจารณาแผนผังของวัดกัลยาณมิตรฯแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของศาลาตรีมุข สัมพันธ์กับแนวกึ่งกลางของเขตพุทธาวาส อันมีวิหารหลวงเป็นอาคารประธาน มุขหน้าของศาลาหันไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นด้านหน้าของวัด รับกับศาลาจตุรมุขหรือสะพานท่าฉนวนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่นหมายความว่า ศาลาตรีมุขน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับการวางผังกลุ่มอาคารหลักของวัดซึ่งมีพระวิหารหลวงเป็นอาคารประธาน (ภาพที่ ๔) ---------------------------------เรียบเรียงข้อมูล : นายณัฐพงศ์ ศิริวัฒนพิเชษฐ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ กลุ่มวิชาการทะเบียนโบราณสถาน กองโบราณคดี ---------------------------------บรรณานุกรม สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์. บันทึกเรื่องความรู้ต่างๆ เล่ม ๓. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ : มูลนิธิเสถียรโกเศศ-นาคะประทีป, ๒๕๕๓. สำราญ ถาวรายุศม์ (บรรณาธิการ). “พระราชดำรัส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแถลงพระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดิน.” ใน วารสารข้าราชการ. ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๖ (มิถุนายน ๒๕๑๓). พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์. เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์. พิมพ์ครั้งที่ ๕. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕. พระมหาเฮง (เรียบเรียง). ประวัติวัดกัลยาณมิตร. พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระวินัยกิจโกศล (ตรี) กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ท่าพระจันทร์, ๒๔๙๐.
วันเสาร์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๓๐ น. นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย “ครบรอบ ๑๔๖ ปี แห่งการพิพิธภัณฑ์ไทย” พร้อมด้วยนางประนอม คลังทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร นางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นางพูลศรี จีบแก้ว ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และผู้บริหารกรมศิลปากร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร่วมพิธี ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ชื่อผู้แต่ง : ก้าน จำนงภูมิเวท ,พลตรี
ชื่อเรื่อง : แผนผังสร้างตนให้อยู่ในระดับชุมชนอนุสรณ์เนื่องในงานพระราชเพลิงศพพลตรีก้าน จำนงภูมิเวท
ปีที่พิมพ์ : 2507
สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ
โรงพิมพ์ : เมืองสงขลา
จำนวนหน้า 240 หน้า
หนังสือแผนผังสร้างตนให้อยู่ในระดับชุมชน หรืออีกนัยหนึ่งแผนการสร้างชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองพร้อมทั้งคำอธิบาย ที่ปรากฏอยู่เฉพาะหน้าของท่าน และการดำเนินชีวิตอันเหมาะสม ที่ผู้เขียนได้จัดสรรจากหลักการและตำราพร้อมคำอธิบายที่เห็นว่าสมควร
พบจากการขุดค้นที่ถ้ำเบื้องแบบ หมู่ ๓ บ้านเบื้องแบบ ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในโครงการโบราณคดีเชี่ยวหลาน ขุดค้นโดยกองโบราณคดี กรมศิลปากร เมื่อพ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๒๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง รับมาเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒
เป็นเครื่องมือหินที่มีการขูดผิวหินหรือบากร่องให้เป็นลายเส้นตาราง สันนิษฐานว่าใช้สำหรับทุบเปลือกไม้ เพื่อนำมาทำเส้นใยสำหรับทอผ้า โดยเครื่องมือประเภทนี้พบทั่วไปในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบครั้งแรกที่หลวงพระบาง ประเทศลาว โดยได้มีการจดบันทึกโดย ม.ปาวี (Mission Pavie) ชาวฝรั่งเศส
จากงานวิจัยของ A.C. Kruyt เมื่อปี.พ.ศ. ๒๔๘๑ เกี่ยวกับชนเผ่า Toradjas ในเกาะเซลีเบส ประเทศอินโดนีเซีย ได้ค้นพบว่าที่ชนเผ่ายังมีการใช้งานเครื่องมือชนิดนี้ โดยงานทุบเปลือกไม้เป็นงานเฉพาะของผู้หญิง นอกจากนี้ชาวชนบทลาวบริเวณหลวงพระบาง ยังมีการใช้งานเครื่องมือลักษณะเดียวกันนี้แต่ทำด้วยไม้
หินทุบเปลือกไม้ที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบ่งออกเป็น ๕ ประเภท
๑. แบบหัวเรียบ เป็นแท่งสี่เหลี่ยม ส่วนหัวกว้างกว่าด้าม ด้านใช้งานค่อนข้างเรียบ มีรอยบากน้อย
๒. แบบแท่งเรียบ มีการบากร่องที่หัวในแนวยาว หรือเป็นลายตาราง ด้ามถือเล็กกว่าหัว มีลักษณะเป็นแท่งยาว
๓. แบบแท่งสั้น มีเฉพาะส่วนหัวซึ่งทำการบากร่อง ต้องต่อเข้ากับด้ามไม้เพื่อใช้งาน
๔. แบบแท่งยาว ส่วนหัวมีการบากร่อง ด้านหลังเป็นเงี่ยงออกมา เพื่อให้จับได้กระชับกับส่วนด้าม
๕. แบบแท่งสั้น มีเฉพาะหัว คล้ายแบบที่ ๓ แต่ด้านตรงข้ามด้านหัวที่มีรอยบาก จะมีเงี่ยงยื่นออกมา ต้องนำไปต่อกับด้ามไม้เพื่อใช้งาน
หินทุบเปลือกไม้ที่พบในไทยเป็นแบบที่ ๒ ทั้งสิ้น พบทั้งในภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก
ที่มาข้อมูล
กรมศิลปากร. คนแรกเริ่มบนแผ่นดินเรา. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๕๙.
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒.
“กา” ภาษาสันสันกฤต คือ กากะ (काक) มาจากเสียงร้องของอีกา ถือเป็นสัตว์นำโชคร้าย ตามคติของอินเดีย ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากสีกาย อันเป็นสีดำสนิท หรือจากนิสัยขี้ขโมยของอีกา เชื่อว่ากากะเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของคนตาย ทางประติมานวิทยาสัมพันธ์กับเทพ เทวี แห่งเคราะห์ร้าย ความอับโชค และความอัปลักษณ์ จัดเป็นสัตว์พาหนะของพระศนิ (Śani) หรือพระเสาร์ (Saturn) ซึ่งเป็นดาวแห่งบาปเคราะห์ และปรากฏบนธง (กากะธวัช-Kākadhvaja) ประจำองค์ อลักษมี (Alakṣmī) หรือ ชเยษฐา (Jyeṣṭhā) หรือ ธูมาวตี (Dhūmāvatī) เทวีแห่งความอัปมงคล ------------------------------------------ผู้เรียบเรียง : เด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ------------------------------------------อ้างอิง 1. Gösta Liebert, Iconographic Dictionary of the Indian Religions Hinduism-Buddhism-Jainism (Leiden: E.J. Brill, 1976), 116. 2. Margaret Stutley, The illustrated dictionary of Hindu iconography (London : Routledae & Kegan Paul, 1985), 62.
องค์ความรู้ เรื่อง หลักฐานโบราณคดี สวนกุหลาบวิทยาลัย จัดทำโดย ดร.ภัทรวรรณ พงศ์ศิลป์ นักโบราณคดีชำนาญการ กองโบราณคดี
eBook หนังสือ "ลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ สุโขทัยเมืองมรดกโลก" ค้นคว้าเรียบเรียงโดยนักอักษรศาสตร์จากสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร จัดพิมพ์โดยกระทรวงวัฒนธรรม
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง สยามูปทสัมปทา จดหมายเหตุ เรื่อง ประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๒
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ ศิวพร
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๑
จำนวนหน้า ๑๐๒ หน้า
หมายเหตุ คณะศิษยานุศิษย์พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานหล่อพระประธานและงานทำบุญอายุ ๖ รอบ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ณ วัดจักรวรรดิราชาวาส พระนคร ๓ - ๕ เมษายน ๒๕๑๑
หนังสือสยามูปทสัมปทา จดหมายเหตุเรื่อง ประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป เล่มนี้ กล่าวถึงประวัติของศาสนวงศ์ในลังกา ตั้งแต่ต้นจนถึงเสื่อมทรามลงและในที่สุดได้สูญสิ้นสมณวงศ์ กษัตริย์ลังกาจึงได้ส่งสมณฑูตของพระสงฆ์สยามวงศ์ออกไปให้การอุปสมบท ประดิษฐานสงฆ์มณฑลให้กลับมีขึ้นในลังกาทวีปดังเดิม
เลขทะเบียน : นพ.บ.147/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 58 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 90 (377-391) ผูก 2 (2564)หัวเรื่อง : ธมฺมปปทวณฺณนา ธมฺมปทฎกถา ขุทฺทกนิกายฎฐกถา (ธรรมบท)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม