ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ


ชื่อเรื่อง                         มหานิปาตวณฺณนา (ทสชาติ) ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (วิธูรบัณฑิต)      สพ.บ.                           407/2 หมวดหมู่                       พุทธศาสนา ภาษา                           บาลี/ไทยอีสาน หัวเรื่อง                        พุทธศาสนา                                  นิทานชาดก ประเภทวัสดุ/มีเดีย            คัมภีร์ใบลาน ลักษณะวัสดุ                   36 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58.8 ซม.  บทคัดย่อ เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี



ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 79 จดหมายเหตุวันวลิต. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2515          ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 79 จดหมายเหตุวันวลิต นี้ เนื้อเรื่องกล่าวถึงความเป็นไปตอนปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และการจราจลซึ่งเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตลอดลงมาจนถึงพระองค์ไล (พระเจ้าปราสาททอง) ได้ราชสมบัติ



          ว่ากันว่าเมื่อชาวจีนไปอาศัยอยู่ที่ใด ก็มักจะสร้างศาสนสถานที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและบูชาเทพเจ้าของตนเสมอ เป็นผลทําให้เกิด การสร้างศาลเจ้าจีนกระจายท่ัวไป ดังนั้นเมืองจันทบุรีจะมี"ศาลเจ้า"ที่ตั้งขึ้นโดยคนจีนอยู่กี่แห่ง? วันนี้ผู้เขียนมีคำตอบให้ค่ะ           เอกสารจดหมายเหตุได้มีบันทึกระบุว่า พ.ศ.2466 มีศาลเจ้าของคนจีนที่มาขอรับการจดทะเบียน จำนวน 34 ศาลเจ้า แยกตามอำเภอได้ดังนี้ 1.อำเภอเมืองจันทบุรี จำนวน 12 ศาลเจ้า ได้แก่ -ศาลจ้าวฮุ้ดโจ้ ตำบลตลาดจันทบุรี -ศาลจ้าวโจ๊ซือกง ตำบลตลาดจันทบุรี -ศาลจ้าวปากน้ำ ตำบลตลาดจันทบุรี -ศาลจ้าวสระบาป ตำบลท่าเรือจ้าง -ศาลจ้าวโป่งแรต ตำบลโป่งแรต -ศาลจ้าวคมบาง ตำบลคมบาง -ศาลจ้าวเจ้าที่ ตำบลตลาดจันทบุรี -ศาลจ้าวอาม้า ตำบลบางกะจะ -ศาลจ้าวเฮี่ยนเทียน ตำบลบางกะจะ -ศาลจ้าวอาเนี้ย ตำบลบางกะจะ(หลังนี้มีพื้นที่ 368 ตารางวา ทิศตะวันตกติดศาลจ้าวโจ้ซื่อกง) -ศาลจ้าวอาเนี้ย ตำบลบางกะจะ(หลังนี้มีพื้นที่ 48 ตารางวา ทิศตะวันตกติดถนน) -ศาลจ้าวโจ๊ซื่อกง ตำบลบางกะจะ2.อำเภอท่าใหม่ จำนวน 12 ศาลเจ้า ได้แก่ -ศาลจ้าวโจ๊ซื่อกง ตำบลท่าใหม่ -ศาลจ้าวโจ๊ซือก๋ง ตำบลท่าใหม่ -ศาลจ้าวโรงเจตั๋ว ตำบลท่าใหม่ -ศาลจ้าวท่าน้ำ ตำบลท่าใหม่ -ศาลจ้าวหนองจอก ตำบลยายร้า -ศาลจ้าวห้วยระกำ ตำบลพลอยแหวน -ศาลจ้าวชำฆ้อ ตำบลพลอยแหวน -ศาลจ้าวหนองปรือ ตำบลเขาวัว -ศาลจ้าวตั้วล้ง ตำบลเขาวัว -ศาลจ้าวอาเหนียว ตำบลเขาบายศรี -ศาลจ้าวท่าศาลา ตำบลท่าศาลา -ศาลจ้าวปากน้ำพังลาด ตำบลช้างข้าม3.อำเภอแหลมสิงห์ จำนวน 5 ศาลเจ้า ได้แก่ -ศาลจ้าวแหลมสิงห์ ตำบลบางกะไชย -ศาลจ้าวเกาะเปริด ตำบลเกาะเปริด -ศาลจ้าวพลิ้ว ตำบลพลิ้ว -ศาลจ้าวบางเทียน ตำบลคลองน้ำเค็ม -ศาลเจ้าหนองบัว ตำบลหนองบัว 4.อำเภอขลุง จำนวน 5 ศาลเจ้า ได้แก่ -ศาลจ้าวขลุง ตำบลขลุง -ศาลจ้าวตรอกนอง ตำบลตรอกนอง -ศาลจ้าวคานรูด ตำบลเกวียนหัก -ศาลจ้าวเกาะจิก ตำบลบางชัน -ศาลจ้าวบางชัน ตำบลบางชัน          ทะเบียนศาลเจ้าเล่มนี้ ภายในประกอบไปด้วยรายนามแต่ละศาลเจ้า ที่ดินระวาง เลขที่ดิน เลขโฉนด เนื้อที่เท่าไร อาณาเขตต์ติดกับใครบ้าง และใครเป็นผู้ปกครองหรือผู้ตรวจตราสอดส่องแต่ละศาลเจ้า ศาลเจ้าเหล่านี้อาจสร้างขึ้นมาก่อนหน้าแล้วก็ได้ และในเวลาต่อมาอาจให้มาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ยกตัวอย่างศาลเจ้าขลุงได้ระบุว่ามี นายเค็งเส็ง แส้เหลา เป็นผู้ปกครองศาลแห่งนี้มาตั้งแต่ พ.ศ.2465 และยังมีนายเลี่ยนจิ้น แส้เตี่ยว เป็นผู้ตรวจตราสอดส่อง ในพ.ศ.เดียวกัน เป็นต้น           เป็นที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือศาลเจ้าที่ได้ขึ้นทะเบียนในครั้งนี้ มีแค่ 4 อำเภอ ขาดอยู่ 1 อำเภอคืออำเภอมะขาม และ ณ ขณะนี้ผู้เขียนยังไม่มีหลักฐานอื่นมายืนยันว่า เป็นเพราะเหตุว่าไม่มีศาลเจ้าในขณะนั้นที่อำเภอมะขาม หรือมีเหตุผลอื่นใดกันแน่ จึงขอฝากเพื่อนๆที่สนใจในเรื่องนี้ตามต่อด้วยนะคะ (หมายเหตุ คำเรียกบางคำยังคงตามคำเขียนเดิม)-----------------------------------------------------ผู้เขียน สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังษี นักจดหมายเหตุชำนาญการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี-----------------------------------------------------อ้างอิง หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี. (13)มท 7/3 เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดมณฑลจันทบุรี เรื่องทะเบียนศาลเจ้า (พ.ศ.2466)


          วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔) เวลา ๐๘.๓๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เข้ากราบนมัสการพระเทพมงคลโสภณ (โสภณ ปญฺญาโสภโณ) เจ้าคณะภาค ๑๗-๑๘ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร พร้อมเป็นประธานในการบวงสรวงงานบูรณะเจดีย์ประธานและอาคารคณะตึก (หมู่กุฏิ) ในการนี้ นางสาวสุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา นายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นายสมพจน์ สุขาบูลย์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากร ที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ร่วมในพิธีดังกล่าว ณ วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้งานบูรณะเจดีย์ประธานและอาคารคณะตึก (หมู่กุฏิ) วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร เป็นส่วนหนึ่ของภารกิจกรมศิลปากรในการทำนุบำรุง บูรณะมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ


ชื่อเรื่อง                                สตฺตปฺปกรณาอภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฏฐาน) สพ.บ.                                  380/4กประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           20 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.หัวเรื่อง                                 ธรรมะ บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคาต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


          วันอังคารที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เวลา ๑๖.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการและตรวจการจ้างงาน ในโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์พระระเบียงคด และพระวิหารคด วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และตรวจความคืบหน้าการบูรณะ ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร




สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)  ชบ.บ.42/1-7  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฺฐกถา (ธมฺมปทบั้นต้น)  ชบ.บ.84/1-1ก  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มหานิปาตวณฺณนา(เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (ทสพร-กุมาร)  ชบ.บ.106ก/1-6ข  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.332/13ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 54.5 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 132  (343-358) ผูก 13 (2565)หัวเรื่อง : ปาลิวารปาลี (บาลีบริวาร)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


                   ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑          ได้มาจากวัดดอกคำ ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๓          ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในห้องล้านนา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          ผอบทำจากหินสีเทา มีลักษณะเป็นกวางหมอบ ส่วนเขารวมถึงใบหน้าและขากวางหุ้มด้วยแผ่นทองคำ บริเวณหลังกวางปิดด้วยฝาทรงกรวยจำหลักลวดลาย ฝาสามารถเปิดออกได้          ผอบรูปกวางเป็นหนึ่งในโบราณวัตถุประเภทผอบบรรจุพระธาตุที่จำหลักเป็นรูปสัตว์ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี ในพื้นที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พบทั้งผอบรูปกวาง รูปช้างหมอบ รูปกบ รูปนก รูปแพะ ฯลฯ วัสดุที่ใช้ในการทำผอบบรรจุพระธาตุนั้นนิยมใช้วัสดุที่หายากและมีมูลค่าสูง เช่น หินผลึกใส หรือหินสีต่าง ๆ รวมทั้งการประดับผอบนั้นก็ใช้วัสดุที่มีค่า เช่น ทองคำ หรือพลอย เป็นต้น          ผอบบรรจุพระธาตุนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาของชาวล้านนาที่มีต่อพระพุทธศาสนา โดยผอบบรรจุพระธาตุนั้นจัดเป็นธาตุเจดีย์ คือสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงหรือเคารพบูชาองค์พระพุทธเจ้าที่ได้ปรินิพพานไปแล้ว ความเชื่อดังกล่าวนี้ยังเป็นคติเดียวกันกับสังคมที่นับถือพุทธศาสนาแห่งอื่น ๆ เช่น ล้านช้าง อยุธยา เป็นต้น และในพื้นที่ล้านนายังมีความเชื่อเกี่ยวกับตำนานพระเจ้าเลียบโลก ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสด็จไปยังบ้านเมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ของกลุ่มคนในวัฒนธรรมไท-ลาว และได้ทรงมีพุทธทำนายเกี่ยวกับการประดิษฐานพระบรมธาตุไว้หลายแห่ง คติการสร้างพระธาตุเจดีย์จึงเป็นที่ปรากฏแพร่หลายในพื้นที่ล้านนามาจนถึงปัจจุบัน   อ้างอิง กรมศิลปากร. สมบัติศิลปจากบริเวณเขื่อนภูมิพล. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แพร่การช่าง. (พิมพ์เป็นที่ระลึกในการฌาปนกิจศพ นายนกยูง พงษ์สามารถ ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๘).


black ribbon.