ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,823 รายการ

เลขทะเบียน  นม.บ.18/1



ผู้แต่ง : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตาก ปีที่พิมพ์ : ม.ป.ป. สถานที่พิมพ์ : ตาก สำนักพิมพ์ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตาก      กะเหรี่ยงหรือปกาเกอะญอ เป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่บรรพบุรุษอพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบภาคเหนือของไทย ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้มีวิถีชีวิตที่ต่างจากชนเผ่าอื่นๆ ใช้ชีวิตอิงกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีและสังคมวัตถุนิยมในปัจจุบัน ทำให้ปกาเกอะญอต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้เกิดการสับสนในการเลือกรับและปฏิเสธ โดยเฉพาะด้านประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามอิทธิพลของการพัฒนา




พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง พระปฐมเจดีย์: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/phrapathomchedi      ความเป็นมาของการก่อตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ นั้นมีมูลเหตุมาจากความพยายามในการรวบรวมโบราณวัตถุที่กระจัดกระจายอยู่ภายในแขวงมณฑลนครชัยศรี กล่าวคือ ในราวปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระองค์ทรงโปรดให้มีการย้ายเมืองนครชัยศรีจากตำบลบ้านท่านา มายังบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ โดยขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรวบรวมโบราณวัตถุที่กระจัดกระจายอยู่ภายในแขวงมณฑลนครชัยศรี เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ได้มีการรื้อทำลายโบราณสถานและโบราณวัตถุโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ตัดผ่านจังหวัดนครปฐม จึงเกิดการรื้อทำลายโบราณสถานเพื่อปรับหน้าดิน รวมถึงการนำเอาเศษอิฐจากโบราณสถานไปถมสร้างรางรถไฟด้วย ฯลฯ      ดังนั้น ในปี พ.ศ.2438 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงทรงมีพระดำริให้ทำการรวบรวมโบราณวัตถุ ในแขวงมณฑลนครชัยศรี โดยขณะนั้นเจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรี จึงมอบให้หลวงพุทธเกษตรานุรักษ์ (จร จรณี) กับหลวงไชยราษฎร์รักษา (โพธิ์ เคหะนันท์) เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมโบราณวัตถุ     โบราณวัตถุที่รวบรวมได้ในระยะแรก ได้ถูกนำมาเก็บรักษาไว้บริเวณระเบียงคดรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุดังกล่าวเข้าไปไว้ในวิหารด้านตรงข้ามพระอุโบสถ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2454 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงรามชานุภาพ โปรดประทานชื่อวิหารหลังนี้ว่า “พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน”     ในปี พ.ศ.2477 กรมศิลปากรได้รับ พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน เข้ามาเป็นสาขาหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504” นั้น บทบัญญัติในพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้กำหนดให้พิพิธภัณฑสถานในความดูแลของกรมศิลปากร เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติด้วย ดังนั้น พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์”     นับตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) งานสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดี ตลอดจนงานขุดแต่งบูรณะโบราณสถานภายในจังหวัดนครปฐม ได้ดำเนินไปอย่างกว้างขว้าง เป็นผลให้มีโบราณวัตถุเพิ่มเข้ามายังพิพิธภัณฑ์ฯเป็นจำนวนมาก ทำให้อาคารจัดแสดงหลังเดิม (อาคารจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์วัดพระปฐมเจดีย์ ในปัจจุบัน) นั้นมีขนาดไม่เพียงพอต่อการจัดแสดงโบราณวัตถุ ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี พ.ศ.2510 กรมศิลปากร จึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารจัดแสดงหลังปัจจุบันของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงได้เคลื่อนย้ายโบราณวัตถุจากอาคารจัดแสดงหลังเดิม มายังอาคารจัดแสดงหลังใหม่และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2514 โดยใช้ชื่ออาคารหลังใหม่นี้ว่า “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์” โดยโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่จัดแสดง ส่วนใหญ่นั้นเป็นโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ เนื่องในวัฒนธรรมทวารวดี






กฐินพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ วัดทรงศิลา  ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ในวันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ 




       จัดแสดงนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์




black ribbon.