ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ

โบราณสถานอุโบสถและเจดีย์วัดช่างฆ้องหรือวัดศรีพูนโต  ถนนลอยเคราะห์  อ.เมืองเชียงใหม่  จ.เชียงใหม่ บูรณะแล้วเสร็จไปอีกแห่ง   โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน ๓,๔๕๐,๐๐๐.-บาท จาก Asset World Corporation บริษัทในเครือกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่นหรือ TCC. และจะดำเนินการปรับสภาพภูมิทัศน์โดยรอบโบราณสถานแห่งนี้ในโอกาสต่อไป  ขอขอบพระคุณภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้  ให้กลับมามีความมั่นคง แข็งแรง สวยงาม เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติสืบไปครับ


เลขทะเบียน : นพ.บ.423/ข/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 40 หน้า ; 4.5 x 56.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 151  (96-103) ผูก ข2 (2566)หัวเรื่อง : มูลกัจจายน์--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.563/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 183  (329-336) ผูก 5 (2566)หัวเรื่อง : ทศชาติ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร ขอเชิญเลือกซื้อหนังสือของกรมศิลปากรราคาพิเศษ ลดราคาสูงสุด ๒๐% ในงานใต้ร่มพระบารมี ๒๔๑ ปี กรุงรัตนโกสินทร์ พบกับการออกร้านจำหน่ายสินค้า และกิจกรรมอีกมากมาย ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๕ เมษายน ๒๕๖๖ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (ร้านหนังสือกรมศิลปากร อาคารเทเวศร์ ปิดทำการ) หรือผู้ที่สนใจสามารถสั่งหนังสือในระบบออนไลน์ได้ที่ https://bookshop.finearts.go.th (*ผู้ที่ทำรายการสั่งซื้อหนังสือในระบบออนไลน์ กรุณาชำระเงินภายในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๖ หากเกินกำหนดขออนุญาตยกเลิกทุกกรณี และหนังสือจะเริ่มจัดส่งไปรษณีย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ขออภัยในความล่าช้า)


สภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (ICOM) ได้บัญญัติให้วันที่ 18 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันพิพิธภัณฑสากล (International Museum Day) เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของพิพิธภัณฑ์ในการเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การเพิ่มพูนคุณค่าทางวัฒนธรรม การพัฒนาความเข้าใจ ความร่วมมือและสร้างสันติภาพระหว่างประชาชน ซึ่งในแต่ละปี ICOM จะกำหนดนิยามเพื่อเป็นแนวทางให้พิพิธภัณฑ์สามารถดำเนินการสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน.โดยในปีพ.ศ. 2566 นี้ ICOM ได้กำหนดนิยามว่า “พิพิธภัณฑ์กับความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดี” (Museums, Sustainability and well-being) พิพิธภัณฑ์เป็นสถาบันที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการมีสุขภาวะที่ดีพร้อมกับการพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืน ในฐานะสถาบันที่น่าเชื่อถือและอยู่ร่วมกันสังคมมาอย่างยาวนาน ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างสม่ำเสมอ สามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนได้หลายแนวทาง เช่น ให้การสนับสนุนรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมและสุขภาพจิต.สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร และพิพิธภัณฑ์ไทย ขอร่วมส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของสังคมไทย.อ้างอิง : https://icom.museum/en/international-museum-day/


กฤตภาคข่าวท้องถิ่น เรื่อง แนะ 3 วิธี ช่วยเด็กรอดจมน้ำเล่นน้ำในแหล่งน้ำสาธารณะ


ชื่อเรื่อง                         ธมฺมบทวณฺณนา ธมฺมบทฏฺฐกถา (ขุทฺทกนิกายฏฺฐกถา) อย.บ.                            243/15 หมวดหมู่                       พุทธศาสนา ลักษณะวัสดุ                   60 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 54 ซม. หัวเรื่อง                         พระธรรมเทศนา                                                                       บทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับชาดทึบ ไม้ประกับธรรมดา


          นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมศิลปากรดำเนินการจัดเก็บข้อมูล 3D โบราณสถาน ด้วยวิธีสแกนภาพสามมิติ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ตามโครงการเก็บข้อมูลโบราณสถานโดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการดูแลโบราณสถานของชาติ ซึ่งผลการสแกนพบมณฑปด้านทิศใต้เอียงเข้าหาองค์พระปรางค์เล็กน้อยนั้น ยืนยันไม่มีเหตุบ่งชี้ว่าเป็นอันตรายต่อตัวโบราณสถาน เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับโบราณสถานที่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงสูง อย่างไรก็ตามจะมีการเก็บข้อมูลเป็นระยะเพื่อเป็นแนวทางในการอนุรักษ์ต่อไป    อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่ากรมศิลปากร โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรมได้ดำเนินโครงการจัดเก็บข้อมูล 3D โบราณสถาน ด้วยวิธีสแกนภาพสามมิติ (TLS & Photogrammetry) ที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลสภาพโบราณสถานไว้ศึกษาและดำเนินการอนุรักษ์ในอนาคต จากการสำรวจพบพื้นมณฑปทิศด้านทิศใต้ขององค์พระปรางค์เอียง ทำให้ตัวมณฑปเอียงเข้าหาพระปรางค์เล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตราย และไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างขององค์พระปรางค์ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเอียงตั้งแต่แรกก่อสร้าง หรือการซ่อมแซมบูรณะในภายหลัง รวมถึงลักษณะโครงสร้างของดินในกรุงเทพมหานคร นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านการบูรณะโบราณสถานของกรมศิลปากร จึงได้เข้าหารือกับทางวัด พร้อมทั้งเสนอแนะให้ติดตามเฝ้าระวังและจัดเก็บข้อมูลทางวิศวกรรมโดยละเอียดและต่อเนื่อง โดยมีกรอบระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน หรือ ๑ ปี เพื่อตรวจสอบแนวโน้มและวิเคราะห์ว่ามีการเคลื่อนตัวจริงหรือไม่ หากมีการเอียงเพิ่มเติมจะได้หาแนวทางอนุรักษ์อย่างเหมาะสมต่อไป ซึ่งการดำเนินการตรวจสอบสถานะลักษณะทางกายภาพของโบราณสถานไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสิ่งที่กรมศิลปากรดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะโบราณสถานที่มีความสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในอดีตเจดีย์ที่วัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดการทรุดเอียง ทางกรมศิลปากรก็ได้เข้าไปตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีการเอียงมากไปกว่าเดิมและไม่เป็นอันตราย สิ่งที่แตกต่างคือเรื่องของเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สูงขึ้นโดยใช้ 3D สแกน แสดงให้เห็นภาพเปรียบเทียบในลักษณะไฟล์ดิจิทัลที่มีความแม่นยำสูงกว่าในอดีต             อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า การสำรวจโบราณสถานเป็นภารกิจที่กรมศิลปากรดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว มีกระบวนการตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวัง โดยนําเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ ซึ่งการเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยี 3D นี้ จะช่วยเก็บรักษาข้อมูลสภาพโบราณสถานในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้การอนุรักษ์โบราณสถานของกรมศิลปากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประชาชนที่เที่ยวชมโบราณสถานมั่นใจในความปลอดภัยได้ หลังจากนี้จะมีการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันนี้กับโบราณสถานอื่น ๆ อีกด้วย  



พระสาวกรูปแบบ ศิลปะหริภุญไชย พุทธศตวรรษที่ 17-18วัสดุ  ดินเผาประวัติ  นายไกรศรี นิมมานเหมินทร์ มอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ลักษณะ พระสาวกประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พนมมือระดับพระอุระ พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรกลมและพองโต ตรงกลางมีเจาะรูพระเนตร พระโอษฐ์แบะกว้าง เหนือพระโอษฐ์ทำเป็นร่องคล้ายพระมัสสุ มีขอบไรพระศก ขมวดพระเกศาเป็นทรงกรวยแหลม ทรงครองจีวรเรียบห่มคลุม ชายผ้าที่หน้าตักทำเป็นแผ่นรูปครึ่งวงกลม-------------------------------------------------พระสาวกองค์นี้เป็นประติมากรรมดินเผาในศิลปะหริภุญไชยที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยส่วนใหญ่มักพบแบบชำรุดหรือมีขนาดเล็ก มีลักษณะรูปแบบที่ใกล้เคียงกับพระพุทธรูปปางสมาธิดินเผา ที่พบใกล้กับเจดีย์เปตเลก (Hpet-Leik) หมู่บ้านติรัปยิตสยา (Thiripyisaya) เมืองพุกาม.เป็นงานที่มีทั้งอิทธิพลศิลปะพุกามและมีลักษณะเฉพาะของศิลปะหริภุญไชยเอง.โดยอิทธิพลจากพุกามเห็นได้จากการทำขัดสมาธิเพชรที่ไขว้กันจนเห็นฝ่าพระบาททั้งสองข้างในระดับเดียวกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสายวิวัฒนาการที่ทำสืบต่อจากศิลปะปาละของอินเดีย และการทำชายผ้าที่หน้าตักเป็นแผ่นรูปครึ่งวงกลม.ส่วนลักษณะที่มีการพัฒนาเป็นรูปแบบเฉพาะของศิลปะหริภุญชัยเอง ตัวอย่างเช่น การทำพระขนงต่อกันเป็นปีกกา และยกเป็นสันขึ้นมา พระเนตรกลมพองโตเป็นลักษณะเด่นซึ่งมักพบอยู่ในกลุ่มพระสาวก เทวดา และรูปบุคคล ร่องเหนือพระโอษฐ์คล้ายพระมัสสุ ขอบพระพักตร์เป็นสันขึ้นมาคล้ายไรพระศก เป็นต้น .นอกจากนี้ด้านหลังประติมากรรมมีลักษณะเรียบตรง มีขมวดพระเกศาเพียงครึ่งเดียวไม่เต็มพระเศียร แสดงให้เห็นว่า พระสาวกนี้เป็นประติมากรรมนูนสูงเพื่อใช้ประดับผนังก็เป็นได้-------------------------------------------------อ้างอิง- ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะล้านนา. กรุงเทพฯ : มติชน, 2556. หน้า 42-50.รูปภาพภาพพระพุทธรูปปางสมาธิ- Gordon H. Luce and Bo-Hmu Ba Shin. Old Burma: Early Pagán. Artibus Asiae. Supplementum, Vol. 25, Old Burma: Early Pagán. Volume Three: Plates (1970), plate 410 b.


พิพิธภัณฑ์สรรหาสาระ บทความออนไลน์จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี“บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หน้ารอยพระพุทธบาทคู่ เมืองศรีมโหสถ”ในช่วงเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ ๓๘ ประจกปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่จะจัดขึ้น ณ โบราณสถานสระมรกต อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หน้ารอยพระพุทธบาทคู่ ภายในโบราณสถานสระมรกต มาให้ทุกท่านได้ชมกัน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หน้ารอยพระพุทธบาทคู่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ตั้งอยู่ในกลุ่มโบราณสถานหมายเลข ๑ ของกลุ่มโบราณสถานสระมรกต ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี โดยกลุ่มโบราณสถานสระมรกตนี้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจกานุเบกษาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๘ และได้มีการสำรวจและขุดค้นโบราณสถานหมายเลข ๑ เพิ่มเติมในช่วงระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๔ – พ.ศ.๒๕๒๑ ได้พบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆได้แก่ โคปุระ บรรณาลัย ปราสาทประธาน กำแพงแก้ว รวมทั้งบ่อน้ำโบราณ ที่ชาวบ้านเป็นผู้ขุดพบมาก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ได้มีการขุดแต่งอย่างเป็นทางการ เห็นเป็นเพียงหลุมลงไปจนถึงบ่อด้านล่างต่อมาในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๒๙ – ๒๕๓๐ ได้มีการดำเนินงานทางโบราณคดีในพื้นที่โบราณสถานสระมรกต โดยได้รับความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดปราจีนบุรี โดยมีหน่วยศิลปากรที่ ๕ (สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ในปัจจุบัน) เป็นผู้ดำเนินงาน การดำเนินงานทางโบราณคดีในครั้งนั้น ได้พบหลักฐานต่าง ๆ มากมาย และแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของกลุ่มโบราณสถานสระมรกตได้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งการค้นพบรอยพระพุทธบาทคู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรอยพระพุทธบาทคู่ที่เก่าที่สุดในประเทศไทยด้วยการดำเนินงานทางโบราณคดีในกลุ่มโบราณสถานสระมรกตที่ผ่านมา สามารถจำแนกอาคารและสิ่งก่อสร้างได้เป็น ๒ สมัย ได้แก่- สมัยที่ ๑ กลุ่มโบราณสถานในวัฒนธรรมทวารวดี ได้แก่ รอยพระพุทธบาทคู่ วิหารประดิษฐานรอยพระพุทธบาท วิหารด้านหน้ารอยพระพุทธบาท ลานประทักษิณและกำแพงแก้วรอบวิหารรอยพระพุทธบาท บ่อน้ำด้านหน้ารอยพระพุทธบาท- สมัยที่ ๒ กลุ่มโบราณสถานในวัฒนธรรมเขมรโบราณ สมัยบายน ได้แก่ โคปุระ อาคารรูปกากบาท ๒ หลังหรือปราสาทประธาน บรรณาลัย แนวกำแพงแก้วศิลาแลง และฐานอาคารศิลาแลง บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หน้ารอยพระพุทธบาทคู่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่ขอบลานประทักษิณด้านทิศตะวันออกของวิหารประดิษฐานรอยพระพุทธบาทคู่ บริเวณที่ติดกับฉนวนทางเดินเชื่อมต่อกับอาคารรูปกากบาทหลังที่ ๒ ของกลุ่มปราสาทประธาน มีลักษณะเป็นบ่อกลมที่เจาะลงไปในพื้นศิลาแลงธรรมชาติ ผนังด้านในบ่อเรียบ ปากบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลงสูงระดับเดียวกับฉนวนทางเดิน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑๒๐ เซนติเมตร ลึกประมาณ ๑๐ เมตร บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หน้ารอยพระพุทธบาทคู่ แผนผังกลุ่มโบราณสถานสระมรกตที่มาภาพ : หน่วยศิลปากรที่ ๕ กองโบราณคดี กรมศิลปากร, รายงานการขุดค้นและขุดแต่งโบราณสถานสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หน้ารอยพระพุทธบาทคู่บ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่หลังการขุดค้นที่มาภาพ : หน่วยศิลปากรที่ ๕ กองโบราณคดี กรมศิลปากร, รายงานการขุดค้นและขุดแต่งโบราณสถานสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี หน้า ๓๕บ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่หลังการขุดค้นที่มาภาพ : หน่วยศิลปากรที่ ๕ กองโบราณคดี กรมศิลปากร, รายงานการขุดค้นและขุดแต่งโบราณสถานสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี หน้า ๓๔   ในปีงบประมาณ ๒๕๓๖ หน่วยศิลปากรที่ ๕ ในขณะนั้น (สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ในปัจจุบัน) ได้ดำเนินการลอกบ่อน้ำ หน้ารอยพระพุทธบาทคู่ บริเวณกลุ่มโบราณสระมรกต ตามกิจกรรมบูรณะโบราณสถานสระมรกต ในโครงการขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ ได้มีการค้นพบโบราณวัตถุที่ก้นบ่อน้ำจำนวนมาก โบราณวัตถุที่พบในบ่อน้ำ ก่อนนำขึ้นมาเก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบในบ่อน้ำ ภายหลังนำขึ้นมาเก็บรักษา โบราณวัตถุที่พบในบ่อน้ำ นำมาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ โบราณวัตถุค้นพบใหม่จากบ่อน้ำกลางโบราณสถานสระมรกตจากการขุดลอกบ่อน้ำโบราณกลางโบราณสถานสระมรกตในครั้งนั้นได้พบโบราณวัตถุจำนวนมาก ได้แก่ เสาแกะสลัก พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพุทธรูปนาคปรก หม้อน้ำหรือคนโท ชิ้นส่วนประกอบสถาปัตยกรรม ทั้งบราลี กระเบื้องเชิงชาย และกระเบื้องมุงหลังคาเสาศิลาสลัก เสารูปทรงกระบอก ส่วนยอดเป็นรูปทรงกลม ด้านบนมีร่องรอยเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม ถัดลงมาเป็นกลีบบัวคว่ำ บัวหงาย และกรอบสี่เหลี่ยมห้ากรอบ ด้านในสลักเป็นภาพยักษ์แบก แต่ละภาพมีรูปร่างและท่าทางแตกต่างกัน ด้านล่างสุดทำเป็นเดือยทรงกระบอก เสาศิลาสลักนี้สันนิษฐานว่านนน่าจะเป็นส่วนยอดของเสาสำหรับประดิษฐานธรรมจักรหรือรูปเคารพทางศาสนาพระพุทธรูปปางสมาธิ พระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้อนกันเหนือพระเพลา ขมวดพระเกศาค่อนข้างใหญ่ พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเนตรโปน พระขนงต่อกัน พระนาสิกใหญ่แบน พระอุษณีษะนูน พระกรรณยาวจรดพระอังสา ครองจีวรห่มเฉียง ฐานเรียบ ลักษณะพระพุทธรูปที่มีขมวดพระเกศาค่อนข้างใหญ่ เป็นลักษณะของพระพุทธรูปแบบทวารวดีที่พบในภาคกลางของประเทศไทย และมีความใกล้เคียงกับพระพุทธรูปแบบอังกอร์โบเรย ในวัฒนธรรมเขมรโบราณ สมัยก่อนเมืองพระนคร การพบพระพุทธรูปองค์นี้บริเวณเมืองศรีมโหสถที่มีหลักฐานวัฒนธรรมแบบทวารวดี และวัฒนธรรมเขมรโบราณในพื้นที่เดียวกัน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของวัฒนธรรมทั้งสองที่อาจมีต้นแบบร่วมกันจากพุทธศาสนาแบบเถรวาทที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียภาคใต้และลังกา ที่เข้ามาแพร่หลายในพื้นที่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑ – ๑๓ ซึ่งถือได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่เก่าที่สุดที่พบในเมืองศรีมโหสถ พระพุทธรูปนาคปรก พระพักตร์เหลี่ยม พระนาสิกใหญ่ พระโอษฐ์หนา พระกรรณยาว ครองจีวรห่มเฉียง พระหัตถ์ซ้อนกันเหนือพระเพลาแสดงปางสมาธิ ประทับบนขนดนาค ๒ ชั้น ใต้พังพานนาคเจ็ดเศียร การพบพระพุทธรูปองค์นี้เป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงการขยายอิทธิพลทางศาสนาและศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรเขมรโบราณ สมัยบายน ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘ เข้ามายังพื้นที่เมืองศรีมโหสถ โดยเฉพาะกลุ่มโบราณสถานสระมรกตที่มีการสร้างอาโรคยาศาลาขึ้นบริเวณเดียวกับวิหารประดิษฐานรอยพระพุทธบาทซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖ หม้อน้ำ/คนโท หม้อน้ำหรือคนโท มีลักษณะเป็นคนโทปากบาน คอเล็ก ลำตัวภาชนะป่อง ก้นกลม มีลายเส้นที่คอ การพบคนโทหลายชิ้นในบ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่ แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีการใช้คนโทเหล่านี้ตักน้ำในบ่อน้ำไปใช้ มาตั้งแต่ครั้งอดีต บราลี เป็นส่วนประกอบสถาปัตยกรรมที่ตั้งเรียงประดับอยู่บนสันหลังคา มีลักษณะคล้ายหม้อน้ำเป็นแท่งทรงกระบอก ส่วนยอดเรียวแหลม ด้านในกลวง โดยบราลีที่พบภายในบ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่ ทำเป็นแท่งทรงกระบอก ส่วนยอดคล้ายดอกบัวตูมมืทั้งยอดเรียวแหลม และยอดกลมป้อม ส่วนฐานของบราลีมีทั้งแบบทำเป็นแผ่นโค้งมุมแหลมและแบบทำเป็นแผ่นโค้ง กระเบื้องมุงหลังคา ที่พบในบ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่ ประกอบด้วยกระเบื้อง ๒ แบบ ได้แก่     - กระเบื้องแผ่นแบน หรือกระเบื้องตัวเมีย เป็นกระเบื้องที่ใช้สำหรับวางบนระแนงไม้ มีลักษณะเป็นแผ่นแบน กว้าง ขอบทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อย ด้านใต้กระเบื้องทำเป็นสันหรือขอบนูนตามแนวขวาง ๑ แนว สำหรับวางเกี่ยวกับระแนงไม้     - กระเบื้องแผ่นโค้ง หรือกระเบื้องตัวผู้ เป็นกระเบื้องที่ใช้สำหรับวางครอบบนกระเบื้องตัวเมีย มีลักษณะเป็นกระเบื้องลอน รูปทรงโค้ง ด้านในทำเป็นเดือยยื่นออกมาสำหรับเกี่ยวกับกระเบื้องตัวเมีย      กระเบื้องมุงหลังคาทั้ง  ๒ แบบที่พบเป็นลักษณะของการมุงหลังคาของอาคารในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ที่มีการซ่อมแซมวิหารรอยพระพุทธบาทคู่ โดยเปลี่ยนมาใช้กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องเชิงชายและประดับสันหลังคาด้วยบราลีกระเบื้องเชิงชาย เป็นส่วนหนึ่งการมุงหลังคาอาคารที่ใช้ปิดส่วนปลายของชายหลังคา เพื่อป้องกันสัตว์ขนาดเล็กเข้าไปในช่องว่าง กระเบื้องเชิงชายที่พบในบ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่ รวมถึงที่พบการจากขุดค้นในโบราณสถานสระมรกต ส่วนใหญ่ทำเป็นลายกลีบบัว ที่ขอบล่างทำเป็นช่องเว้าทรงโค้ง ๒ ช่อง เพื่อให้ขอบที่ยกขึ้นมาของกระเบื้องตัวเมียสอดเข้ามาได้และเป็นการยึดไม่ให้กระเบื้องหลุดออกจากกันบ่อน้ำศักดิ์หน้ารอยพระพุทธบาทคู่ กับพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะมีการจัดเตรียมทำน้ำอภิเษกโดยพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ โดยทั้ง ๗๖ จังหวัด จัดทำพิธีพร้อมกันเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๒ สำหรับจังหวัดปราจีนบุรี มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีตักน้ำ ถึง ๒ แห่ง ได้แก่ บ่อน้ำหน้ารอยพระพุทธบาทคู่และโบราณสถานสระแก้ว แห่งเมืองศรีมโหสถ พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์ในจังหวัดปราจีนบุรีที่มาภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์ในจังหวัดปราจีนบุรีที่มาภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรีพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์ในจังหวัดปราจีนบุรีที่มาภาพ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ นี้ จังหวัดปราจีนบุรีได้กำหนดจัดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ ๓๘ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ โบราณสถานสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี จึงขอเชิญชวนชาวจังหวัดปราจีนบุรีและนักท่องเที่ยวร่วมสักการะและเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชารอบรอยพระพุทธบาทคู่ที่เก่าที่สุดในประเทศไทย เที่ยวชมตลาดย้อนยุคและอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดปราจีนบุรีไปด้วยกัน เอกสารอ้างอิง - กรมศิลปากร. “นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี”. กรุงเทพฯ : บริษัทคัมปาย อิมเมจจิ้ง จำกัด, ๒๕๔๒. - กรมศิลปากร. “โบราณคดีเมืองศรีมโหสถ” กรุงเทพฯ, ๒๕๔๘. - หน่วยศิลปากรที่ ๕. “โบราณสถานสระมรกต”. ๒๕๒๕ (เอกสารอัดสำเนา). - หน่วยศิลปากรที่ ๕ กองโบราณคดี กรมศิลปากร. “รายงานการขุดค้นและขุดแต่งโบราณสถานสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี”. กรุงเทพฯ : บริษัทสำนักพิมพ์สมาพันธ์ จำกัด, ๒๕๓๔. - สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา. “การศึกษากระเบื้องมุงหลังคาและบราลีดินเผา สถาปัตยกรรมเขมรโบราณในประเทศไทย” นครราชสีมา : โรงพิมพ์โจเซฟ พลาสติก การ์ด (โคราช) แอนด์ ปริ๊นท์ จำกัด, ๒๕๖๑. ผู้เรียบเรียง : นายเพิ่มพันธ์ นนตะศรี ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : แม่บ้านเกษตรกรออมเงิน -- เมื่อ พ.ศ. 2534 กรมส่งเสริมการเกษตรและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ร่วมกันจัดทำโครงการส่งเสริมเงินออมทรัพย์ในกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรขึ้น เพื่อส่งเสริมการเก็บออมรายได้ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และจุดมุ่งหมายสำคัญคือ เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พระอิสริยยศขณะนั้น) ครั้นเวลาผ่านไป 4 ปี เกษตรอำเภอเชียงม่วนเสนอรายงานผลของโครงการแก่เกษตรจังหวัดพะเยา โดยแบ่งกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรที่เป็นเป้าหมายไว้ 3 กลุ่ม แล้วระบุเงินฝากในบัญชี ณ สิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2538 ดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจ เงินรับฝากคงเหลือ 214,904.88 บาท 2. กลุ่มเพิ่มรายได้ เงินรับฝากคงเหลือ   87,861.22 บาท 3. กลุ่มบริโภคในครัวเรือน เงินรับฝากคงเหลือ  -        บาท " รวมเงินรับฝากทั้งสิ้น 302,766.10 บาท " ส่วนรายงานความก้าวหน้ากิจการโครงการ ได้แก่ การให้บริการด้านวัสดุอุปกรณ์การเกษตร บัตรสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ประกันชีวิต การกู้เงิน ปัญหาการดำเนินงาน และอื่นๆ นั้น ในรายงานไม่ได้ระบุแต่อย่างใด หากหัวข้อเหล่านี้ทำให้เราทราบกิจกรรมอื่นๆ นอกจากการส่งเสริมการออมทรัพย์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ปรากฏในรายงานเงินฝากอีกสองประการคือ 1. เงินต้นแรกรับฝากของแต่ละกลุ่มแม่บ้าน 2. ดอกเบี้ยจากการออม ซึ่งเข้าใจว่ารายงานรวมไปกับจำนวนเงินรับฝากคงเหลือเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เมื่อเกษตรอำเภอเชียงม่วนเสนอรายงานในช่วงเวลานี้ เกษตรอำเภออื่นๆ น่าจะเสนอรายงานดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเมื่อทราบภาพรวมของทุกอำเภอได้ ทางจังหวัดจะพบความสำเร็จของเป้าหมาย โครงการช่วยแก้ไขปัญหารายรับของเกษตรกร และสุดท้ายสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสมัยต่อมาอีกด้วยผู้เขียน: นายธานินทร์ ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง: หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารสำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา พย 1.13.1.1/16 เรื่อง โครงการส่งเสริมเงินออมทรัพย์ในกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ของสำนักงานเกษตรอำเภอเชียงม่วน [ 16 - 20 ต.ค. 2538 ].#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


         กระปุกสังคโลก          แบบศิลปะ : จีน          ชนิด : ดินเผาเคลือบ          ขนาด : ปากกว้าง 3.3 เซนติเมตร สูง 9 เซนติเมตร          ลักษณะ : กระปุกดินสังคโลกพร้อมฝา มีเชิงทรงสูงคล้ายโถ เคลือบสีเทา แบ่งลายเป็น 3 ช่อง มีเส้นนูนคั่น ภายในบรรจุกระดูก          สภาพ : น้ำยาเคลือบเสื่อมสภาพ ชำรุด          ประวัติ : ขุดพบใต้ฐานชั้นล่างของแท่นบูชาด้านทิศใต้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2523  ได้จากการบูรณะปรางค์วัดมหาธาตุ ราชบุรี กองโบราณคดีส่งมาให้เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2523          สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี จังหวัดราชบุรี      แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/ratchaburi/360/model/32/   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/ratchaburi


           กรมศิลปากร โดยสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมฟังการเสวนาทางวิชาการเรื่อง “ตราประจำจังหวัด” กิจกรรมประกอบการจัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2567 เรื่อง เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม ในวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร             ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านการสแกน QR Code หรือผ่านลิ้ง https://forms.gle/NytgqhRxwQvenbEa9 (พร้อมรับของที่ระลึกภายในงาน) ลงทะเบียนได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็ม สามารถติดตามผลการประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมงานรับฟังการเสวนาได้ที่ Facebook : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ



black ribbon.