ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,827 รายการ
วันเสาร์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๒.๐๐ น. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง ให้การต้อนรับคณะคุณครูและนักเรียน จากโรงเรียนสอนศาสนาดารุลฮิกมะห์ศึกษา ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จำนวน ๑๑๘ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง
วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป บุคลากรหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดโบราณสถานวัดเจดีย์เหลี่ยมและเวียงกุมกาม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา
วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๕๐ น. นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สมาชิกผู้แทนราษฎร ร่วมเป็นประธานในพิธีบวงสรวงโบราณสถานเมืองไผ่ ในการนี้มี ผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ตัวแทนส่วนราชการจังหวัดสระแก้วและประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีดังกล่าว ณ โบราณสถานเมืองไผ่ จังหวัดสระแก้ว
สำหรับโบราณสถานเมืองไผ่ เป็นเมืองโบราณสำคัญอีกแห่งในภาคตะวันออก ที่มีพัฒนาการทางด้านประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี และมีพัฒนาการต่อเนื่องมาจนถึงในสมัยที่วัฒนธรรมเขมรโบราณ เข้ามามีบทบาทอยู่ในดินแดนแถบนี้ ซึ่งมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๘ อีกทั้งจากผลการสำรวจในปัจจุบัน เมืองไผ่ ยังถือได้ว่า เป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีที่ตั้งอยู่ชายขอบสุดของภาคตะวันออกอีกด้วย
นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร ได้สำรวจโบราณสถานทั่วประเทศที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนมากและน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งเป็นปัญหาอุทกภัย และรายงานสรุปสถานการณ์ ณ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ ว่ามีโบราณสถาน จำนวน ๘๒ แห่ง อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ
๑. เสี่ยงมาก จำนวน ๘ แห่ง ที่โบราณสถานมีน้ำท่วมขังในระดับสูงและมีแนวโน้มว่าจะท่วมเป็นเวลานาน แต่โบราณสถานเหล่านี้ได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคงโดยกรมศิลปากรแล้ว เช่น เมืองประวัติศาสตร์เวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ และปราสาทตามอญ จังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ มีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษและต่อเนื่องคือ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ป้อมเพชร จ.พระนครศรีอยุธยานายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากรวัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยาวัดเจ้าย่า จ.พระนครศรีอยุธยาวัดเชิงท่า จ.พระนครศรีอยุธยาเวียงกุมกาม จ.เชียงใหม่เวียงกุมกาม จ.เชียงใหม่เวียงกุมกาม จ.เชียงใหม่
๒. เสี่ยงปานกลาง จำนวน ๓๗ แห่ง ที่โบราณสถานเริ่มมีน้ำท่วมขังแต่ยังอยู่ในระดับต่ำและยังไม่มีแนวโน้มจะท่วมมากขึ้น อีกทั้งเป็นโบราณสถานที่ได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคงแล้ว เช่น ปราสาท (อิฐ) บ้านไผ่ จังหวัดสระแก้ว กู่โพนระฆัง จังหวัดร้อยเอ็ด และ กู่ประภาชัย จังหวัดขอนแก่น รวมทั้งโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งมีน้ำฝนและน้ำใต้ดินมาจากแม่น้ำมูลที่กำลังเฝ้าระวังเช่นกันกู่ประภาชัย จ.ขอนแก่น
๓. เสี่ยงน้อย จำนวน ๓๗ แห่ง ที่โบราณสถานที่มีน้ำท่วมขังเฉพาะตอนฝนตกและสามารถระบายออกได้อย่างรวดเร็ว เช่น วัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี วัดโขลงสุวรรณคีรี (คูบัว) จังหวัดราชบุรี ปราสาทกังแอน จังหวัดสุรินทร์ กู่แก้วสี่ทิศ จังหวัดศรีสะเกษ ปรางค์กู่ จังหวัดร้อยเอ็ด รวมทั้งโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โบราณสถานในเวียงท่ากาน จังหวัดเชียงใหม่ และโบราณสถานในเมืองโบราณเชียงแสน จังหวัดเชียงราย วัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนมากและน้ำล้นตลิ่งซึ่งเป็นปัญหาอุทกภัย กรมศิลปากร จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติการเฝ้าระวังโบราณสถานอย่างต่อเนื่อง ส่วนโบราณสถานที่อยู่ในการดูแลของวัด/เอกชน ได้ทำการประสานเครือข่ายภาคประชาชนของกรมศิลปากรเพื่อร่วมกันเฝ้าระวังและจะรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะต่อไป
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ขอเชิญชมนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ เรื่อง “จารึกศาลสูง : บันทึก ๑,๐๐๐ ปี เมืองลพบุรี" ณ หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ – ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
“จารึกศาลสูง : บันทึก ๑,๐๐๐ ปี เมืองลพบุรี” นิทรรศการพิเศษในวาระครบรอบ ๑,๐๐๐ ปี ศักราชที่บันทึกเรื่องราวไว้บนจารึกศาลสูง ซึ่งถือเป็นจารึกหลักสำคัญที่พบ ณ ศาลสูง หรือ ศาลพระกาฬ โบราณสถานคู่บ้านของชาวลพบุรี โดยจารึกมีเนื้อความที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตและความเชื่อของผู้คนเมื่อ ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จึงจัดนิทรรศการพิเศษเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านภาษาศาสตร์ ประวัติ และโบราณคดีให้กับผู้ที่สนใจได้รับรู้และตระหนักถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของเมืองลพบุรี
ปัจจุบันจารึกศาลสูงหลักนี้จัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในโอกาสพิเศษครั้งนี้จึงได้ทำการจำลองจารึกศาลสูงขนาดเท่าจริง โดยใช้เทคโนโลยีการสแกนแบบ ๓ มิติ และพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ ๓ มิติ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากร ในการดำเนินการจำลองจารึกศาลสูง เพื่อนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ
นอกจากองค์ความรู้เกี่ยวกับจารึกศาลสูงในด้านต่าง ๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้ทดลองทำสำเนาจารึกศาลสูงอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามกำหนดการของกิจกรรมได้ทางเพจเฟสบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ : King Narai National Museumศาสตร์
สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมการเสวนาวิชาการ เรื่อง “จารึกศาลสูง : บันทึก ๑,๐๐๐ ปี เมืองลพบุรี” ซึ่งได้จัดขึ้นไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ สามารถรับชมย้อนหลังได้ตามที่ลิงก์ : https://fb.watch/f_eoSIiKMN/
วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร ให้การต้อนรับคณะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านชาคลี อ.กะเปอร์ จ.ระนอง จำนวน ๕๗ คน โดยมีพนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ให้การต้อนรับและนำชม
วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๓๐ น. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร ให้การต้อนรับคณะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านบางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง จำนวน ๕๓ คนโดยมีพนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ให้การต้อนรับและนำชม
วันพุธที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๓๐ น. และเวลา ๑๔.๐๐ น. นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จำนวน ๕๕ คน อาจารย์จำนวน ๑ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยปฏิบัติตามกฎเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - ๑๙ อย่างเคร่งครัด โดยมีนายกรภัทร์ สุขใหญ่ พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ และนางสาวอาภาภรณ์ เปล่งปลั่งศรี นักวิชาการวัฒนธรรม ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม
วันพุธที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ “Bridge of Colors” สะพานแห่งสีสัน เนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๗ ปี วันชาติของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีนายระห์หมัด บูดีมัน (H.E. Mr. Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร และนางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เข้าร่วมในพิธี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ
กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย จัดนิทรรศการ “Bridge of Colors” สะพานแห่งสีสัน เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบวันชาติของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ครบรอบ ๗๗ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และเป็นสะพานเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินโดนีเซียเข้าไว้ด้วยกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือทางด้านศิลปวัฒนธรรม โดยนิทรรศการในครั้งนี้ถ่ายทอดความหมายของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ผ่านภาพวาดที่หลากหลายทั้งทางด้านสุนทรียศาสตร์ การใช้สีสัน แนวความคิดการถ่ายทอดภาพและเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างกันของศิลปินชาวอินโดนีเซีย ๑๑ ท่าน
ประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ นับตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลา ๗๒ ปีแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ได้มีการแลกเปลี่ยน การส่งเสริม และการสานสัมพันธ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรมนั้น ทั้งสองประเทศต่างมีวัฒนธรรมร่วมกัน ดังจะเห็นได้จากศิลปะ วรรณกรรม นาฏยศิลป์ แตกต่างเพียงบริบทแวดล้อมทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเท่านั้น การสร้างความรับรู้และเข้าใจในความหลากหลายผ่านผลงานศิลปะ นับเป็นวิธีการสื่อสารทางการทูตรูปแบบหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาใช้เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของชาติ โลกศิลปะที่ไร้พรมแดนสามารถหล่อหลอมให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกรับรู้ร่วมกันได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และตกผลึกกลายเป็นความตระหนักรู้ถึงคุณค่า และ “อัตลักษณ์” แห่งวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องที่ สร้างพลังแห่งศรัทธาและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมผู้คนเข้าไว้ด้วยกันผ่านงานศิลปะ
นิทรรศการพิเศษ “Bridge of Colors” จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕ - ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ ห้องจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เปิดให้เข้าชมวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. หยุดวันจันทร์และอังคาร ค่าเข้าชม ชาวไทย ๓๐ บาท ชาวต่างชาติ ๒๐๐ บาท
นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ฝนตกหนักทั่วประเทศจึงได้สั่งการให้สำนักศิลปากรทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถาน และรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ ว่าจากอิทธิพลของพายุโนรูทำให้เกิดฝนตกหนัก เขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักระบายน้ำในปริมาณสูงขึ้นจนทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาระดับน้ำในแม่น้ำบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาสูงขึ้นมากกว่า ๑ เมตร และทางกรมชลประทานยังแจ้งเตือนว่าระดับน้ำในแม่น้ำบริเวณพื้นที่อุทยานฯ จะสูงขึ้นอีกประมาณ ๓๐ - ๖๐ เซนติเมตร จึงเตรียมการรับมือดังนี้
๑. ในพื้นที่เกาะเมืองขณะนี้ทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาได้ทำคันป้องกันน้ำ ซึ่งจะสามารถ
ป้องกันโบราณสถานในเกาะเมืองได้เกือบทั้งหมด จะมีเพียงป้อมเพชรและรหัสวิดน้ำในพระราชวังโบราณเท่านั้นที่ถูกน้ำท่วม
๒. พื้นที่นอกเกาะเมือง
- วัดไชยวัฒนารามระดับน้ำต่ำกว่าแผงกันน้ำ ๓๕ เซนติเมตร อุทยานฯ จึงได้ทำการต่อแผงกันน้ำและเสริมกระสอบทรายบนกำแพงด้านทิศใต้ของวัดซึ่งจะสามารถป้องกันน้ำได้เพิ่มอีก ๔๐ เซนติเมตร รวมแล้วสามารถป้องกันน้ำได้อีก ๗๕ เซนติเมตร ซึ่งจะสามารถป้องกันน้ำได้มากกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดใน พ.ศ.๒๕๕๔
- วัดธรรมาราม ระดับน้ำต่ำกว่าแผงกันน้ำ ๓๐ เซนติเมตร อุทยานฯ จึงทำการเสริมกระสอบทรายบนแผงกันน้ำซึ่งจะสามารถป้องกันน้ำได้เพิ่มอีก ๓๐ เซนติเมตร รวมแล้วสามารถป้องกันน้ำได้อีก ๖๐ เซนติเมตร ซึ่งจะสามารถป้องกันน้ำได้เท่ากับระดับน้ำท่วมสูงสุดใน พ.ศ. ๒๕๕๔
- โบราณสถานสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะโบราณสถานที่เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาและวัดที่อยู่กลาง
ชุมชม อุทยานฯ ได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว ซึ่งจะมีการเสริมความสูงของแนวป้องกันน้ำตามระดับน้ำที่สูงขึ้น
๓. ขณะนี้ภายในพื้นที่อุทยานฯ มีโบราณสถานที่ได้ถูกน้ำท่วมแล้วกว่า ๔๐ แห่ง ส่วนใหญ่อยู่นอกเกาะเมืองด้านที่เหนือซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่โบราณสถานเหล่านั้นส่วนใหญ่จะได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคงแล้ว ซึ่งจะไม่ได้รับความเสียหายมาก ส่วนโบราณสถานที่ยังไม่ได้มีการบูรณะเสริมความมั่นคง อุทยานฯ ได้มีการตั้งนั่งร้านค้ำยันเสริมความมั่นคงไว้แล้ว
ทั้งนี้ ได้เตรียมความพร้อมสูงสุดในการรับมือ โดยในพื้นที่เกาะเมืองได้ประสานกับทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาทำคันดินป้องกันน้ำเข้าเกาะเมือง ซึ่งจะสามารถป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถานได้เกือบทั้งหมด ส่วนพื้นที่นอกเกาะเมือง ในส่วนของวัดไชยวัฒนารามและวัดธรรมาราม ได้เสริมแนวป้องกันให้สามารถรับน้ำได้มากกว่าระดับน้ำท่วมใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่วนโบราณสถานอื่นๆ ได้ประสานความร่วมมือกับทางวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันโบราณสถานแล้ว
วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และทีมภัณฑารักษ์ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ ร่วมกันดำเนินการจัดทำทะเบียน อนุรักษ์สภาพโบราณวัตถุ และทำการตรวจองค์ประกอบของธาตุภายในเนื้อโลหะ (XRF) ของโบราณวัตถุเพื่อจำแนกประเภท อายุสมัยของโบราณวัตถุ และกำหนดแนวทางอนุรักษ์ในเชิงลึก
การดำเนินการในวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สามารถเปิดองค์เจดีย์จำลองโลหะที่เคยมีการค้นพบมาก่อนหน้านี้ได้ พบว่าภายในส่วนองค์ระฆัง บรรจุวัตถุชิ้นสำคัญ ประกอบด้วย พระแกะจากหินแก้ว เม็ดพระธาตุ เม็ดหินแก้ว และแผ่นจารึกลานเงิน ปะปนร่วมกับอินทรีย์วัตถุ
ในส่วนของแผ่นจารึกลานเงิน นักวิทยาศาสตร์ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการขั้นตอนอนุรักษ์เพื่อรักษาสภาพและเผยให้เห็นพื้นผิวดั้งเดิมของวัตถุ ซึ่งจะส่งต่อให้นักอ่านจารึกและนักอักษรโบราณร่วมกันอ่านและวิเคราะห์แปลความเพื่อสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับวัดศรีสุพรรณในลำดับต่อไป