ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,652 รายการ

        พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ขอเชิญร่วมกิจกรรมพิเศษ ฮาโลวีนนี้ ผีบ่ได้มาหลอก แต่มาชวนหมู่เฮามาเฮ็ดกิจกรรมม่วน ๆ ในโครงการบรรยายทางวิชาการ “ถอดความรู้จากโบราณวัตถุสู่ชุมชน” ครั้งที่ ๑ ปีที่ ๒ เรื่อง “ความรู้เรื่องผีและพิธีกรรมของหมอเหยาแห่งเทือกเขาภูพาน” วันศุกร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ผู้ร่วมงานจะได้รับฟังเรื่องราวของพิธีเหยา และผีอีสานสุดขนลุกแต่กะม่วน และเบิ่งการสาธิตในการทำพิธีเหยา          พิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม จะได้รับของที่ระลึกสุดเท่ “Magnet ผีอีสาน” แรงบันดาลใจจากผีในความเชื่ออีสาน ติดตู้เย็นกะคูล ใช้เปิดฝาขวดกะจ๊าบ ของมีจำนวนจำกัดเด้อ รีบมาลงทะเบียนโลด ก่อนผีสิลักไปซ่อน! เปิดลงทะเบียนถึงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘ เท่านั้น สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม หรือกดลิงก์นี้ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScttuiOXiug9D89JQONufrezMMSkVom6nX0FyJ7RvS3vfd0Yw/viewform (ไม่เสียค่าลงทะเบียน และไม่มีเกียรติบัตร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๔๓๒๔ ๖๑๗๐ Facebook: Khon Kaen National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น https://www.facebook.com/KhonKaenNationalMuseum  



งานประเพณีลอยกระทงของไทย มีมาแต่สมัยสุโขทัย โดยมีคติความเชื่อว่าเป็นการบูชา และขอขมาพระแม่คงคาเป็นการสะเดาะเคราะห์ และบูชาพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระบาท เป็นต้นงานลอยกระทงเริ่มทำตั้งแต่ กลางเดือน11 ถึงกลางเดือน12 ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำจะเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ที่นิยมมากคือ ช่วงวันเพ็ญเดือน 12 เพราะพระจันทร์เต็มดวง ทำให้แม่น้ำใสสะอาด แสงจันทร์ส่องเวลากลางคืน เป็นบรรยากาศที่สวยงาม เหมาะแก่การลอยกระทงบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องพิธีสิบสองเดือน กล่าวไว้ว่า การลอยพระประทีป ลอยกระทงนี้ เป็นนักขัตฤกษ์ที่รื่นเริงทั่วไปของชนทั้งปวงทั่วกัน ไม่เฉพาะแต่การหลวง แต่จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์อันใดที่เกี่ยวข้องเนื่องในการลอยพระประทีปนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าใจว่า ตรงกับคำที่ว่า ลอยโคมลงแช่น้ำเช่นกล่าวมาแล้ว แต่ควรนับถือว่าเป็นราชประเพณีซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนครยังอยู่ฝ่ายเหนือ เมื่อตรวจดูในกฎมนเฑียรบาลซึ่งได้ยกมาอ้างในเบื้องต้น ต่อความที่ว่า พิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคมลงน้ำไป มีข้อความต่อไปว่า “ตั้งระทาดอกไม้ในพระเมรุ 4 ระทา หนัง 2 โรง” การเรื่องนี้ก็คงจะตรงกันกับที่มีดอกไม้เพลิงที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามและที่ชลาทรงบาตร บูชาหอพระในพระบรมมหาราชวัง ต่อนั้นไปก็ว่าด้วยการลอยพระประทีปที่ว่าในกฎหมายนี้มีเนื้อความเข้าเค้าเรื่องนพมาศ ซึ่งว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ซึ่งเป็นพระสนมเอก แต่ครั้งพระเจ้าอรุณมหาราช คือพระร่วง ซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดินสยาม ตั้งแต่กรุงตั้งอยู่ ณ เมืองสุโขทัย ได้กล่าวไว้ว่า ในเวลาฤดูเดือนสิบสองเป็นเวลาเสด็จลงประพาสในลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน พระอัครมเหสีและพระสนมฝ่ายใน ตามเสด็จในเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรการนักขัตฤกษ์ ซึ่งราษฎรเล่นในแม่น้ำตามกำหนดปี เมื่อนางนพมาศได้เข้ามารับราชการ จึงได้คิดอ่านทำกระทงถวายพระเจ้าแผ่นดิน เป็นรูปดอกบัวและรูปต่างๆให้ทรงลอยตามสายน้ำไหล และคิดคำขับร้องถวายแด่พระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระดำริจัดเรือพระที่นั่งเทียบขนานกันให้ใหญ่กว้าง หนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้บรรยายถึงลักษณะของกระทงที่นางนพมาศประดิษฐ์ถวายพระร่วงเจ้า ดังนี้“...การพระราชพิธีจองเปรียง ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง เป็นวันนักขัตฤกษ์ชักโคม ลอยโคม นางนพมาศ ได้ประดิษฐ์โคมลอย ตกแต่งเป็นรูปดอกกระมุทมาน กลีบรับแสงพระจันทร์ ใหญ่ประมาณเท่ากระทงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้เป็นลวดลาย แล้วก็เอาผลพฤกษาลดาชาติมาแกะจำหลักเป็นรูปมยุระคณาวิหคหงส์ ให้จับจิกเกสรบุปผชาติอยู่ตามดอกกระมุทเป็นระเบียบเรียบร้อยวิจิตรไปด้วยสีย้อมสดสว่างควรจะทอดทัศนายิ่งนัก ทั้งเสียบแซม เทียน ธูปและประทีปน้ำมันเปรียงเจือด้วยไขข้อพระโค...” (ดอกกระมุท หือโกมุท เป็นดอกบัวประเภทบัวเผื่อน บัวผัน ที่ขยายกลีบบานในเวลากลางคืน กลางวันหุบ ระแทะ คือล้อเกวียน) นอกจากการลอยกระทงแล้ว ในศิลาจารึกหลักที่ 1 บรรทัดที่ 14 ยังได้กล่าวถึงการเผาเทียนเล่นไฟว่า“...เมืองสุโขทัยนี้มีสี่ปากประตูหลวง เที้ยรย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูท่านเผาเทียนเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี้มีดั่งจักแตก...” ท่านผู้รู้ทั้งหลานสันนิษฐานว่างานดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นการเผาเทียนเล่นไฟ ในงานเทศการลอยกระทง เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก จากข้อความในศิลาจารึกตอนนี้นายนิคม มุสิกคามะ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเมื่อปี พ.ศ.2520 ได้เสนอให้จังหวัดสุโขทัยพลิกฟื้นประวัติศาสตร์ประเพณีลอยกระทงขึ้นให้เป็นงานระดังชาติ เพื่อแนะนำจังหวัดสุโขทัย เพื่อให้ชื่องานตามศิลาจารึกว่า “งานเผาเทียน เล่นไฟ” จุกเน้นที่เป็นหัวใจของงานนี้คือ การฟื้นฟูประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ พลุ ตะไล ไฟพะเนียง ดอกไม้ไฟชนิดต่างๆ ดังนั้นจังหวัดสุโขทัย กรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมกันจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยใช้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นสถานที่จัดงานดังกล่าวเอกลักษณ์ประเพณีประลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ เป็นที่เลื่องลือ มีทั้งกระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ งานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดปสานโบราณ หรือตลาดแลกเบี้ย การจำลองบรรยากาศการซื้อ ขาย แบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมด้วยการแลกหอยเบี้ยแทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อขาย อาหารพื้นเมือง และการแสดงแสง สี เสียง สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์อารยธรรมเมืองมรดกโลกพิธีและกิจกรรมในภาคกลางวันจะมีขบวนแห่นางนพมาศ และการออกร้าน จัดนิทรรศการ ส่วนในเวลากลางคืนจะมีการประดับไฟ หรือจุดเทียนตามโบราณสถานต่างๆซึ่งมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของงานประเพณีลอยกระทงจังหวัดสุโขทัย มีการลอยกระทง และจุดดอกไม้ไฟอย่างสวยงามทั่วท้องน้ำและตระพังต่างๆ ใบบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีการจัดประกวดกระทง การแสดงแสง เสียงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัย ณ บริเวณวัดมหาธาตุ ตลอดจนการแสดงนาฏศิลป์และมหรสพต่างๆ


วันอังคารที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา โดยอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จัดโครงการบรรยายทางวิชาการ ประจำปี ๒๕๖๓ "กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด สู่มรดกโลก"วิทยากรโดย ดร.อมรา ศรีสุชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโบราณคดี และนายธราพงศ์ ศรีสุชาติ อดีตผู้อำนวยการกองโบราณคดี ณ ศาลาวนัมรุง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ นางชุติมา จันทร์เทศ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงาน กลุ่ม/ฝ่าย และเจ้าหน้าที่ในสังกัด เข้าร่วมฟังบรรยายทางวิชาการในครั้งนี้ด้วย



วันที่ 11 กันยายน 2558 เวลา 14.00 น. นางสุนิสา จิตรพันธ์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เดินทางมาให้นโยบายและแนวทางในการจัดทำเวปไซต์ของสำนักงานและหน่วยงานในสังกัดสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ณ ห้องประชุมหอสมุดแห่งชาติ เฉลิมรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่


กิจกรรมนิทรรศการเคลื่อนที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๖ ณ โรงเรียนน้ำโสมพิทยาคม อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี




ชื่อวัตถุ :: พัดเลขทะเบียน :: 43/0034/2557 ลักษณะ :: พัดทรงใบโพธิ์ มีด้ามสำหรับจับ สานด้วยย่านลิเพา/หวาย ใช้โบกคลายความร้อน แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: เชี่ยนหมากชื่ออื่น :: แอบหมากเลขทะเบียน :: 43/0195/2552    ลักษณะ :: ประกอบด้วยสามส่วน คือ ลำตัว ถาดรองใน และฝาครอบปิด ขึ้นโครงสานและเป็นกล่องทรงกระบอกกลม สำหรับใส่อุปกรณ์กินหมาก แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: กล่อง ชื่ออื่น :: แอบเรือ เลขทะเบียน :: 43/0068/2552    ลักษณะ :: ภาชนะจักสานด้วยตอกไม้ไผ่ รูปทรงรี มีส่วนตัวและฝา ลงรักทั้งใบ แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: กะพาเลขทะเบียน :: 43/0088/2551    ลักษณะ :: ภาชนะทรงสี่เหลี่ยม ปากผายออกก้นสอบเข้า ด้านข้างมีรูสำหรับร้อยสายสะพาย เมื่อเวลาใช้จะนำสายสะพายแขวนไว้บริเวณศรีษะ สำหรับใส่เมล็ดพืช เสื้อผ้าหรือพืชผลทางการเกษตรอื่นๆแหล่งที่มาข้อมูล :: แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ชามข้าว เลขทะเบียน :: 43/0217/2552    ลักษณะ :: สานขึ้นรูปด้วยตอกไผ่เป็นรูปชามปากผาย เย็บขอบด้วยหวายยาผิวภาชนะด้วยรัก ใช้ใส่อาหารหรือใช้ในพิธีกรรมแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: กระด้ง ชื่ออื่น :: ด้ง เลขทะเบียน :: 43/0182/2552    ลักษณะ :: เครื่องจักสานทรงกลม แบนกว้าง มีไม้ไผ่ทำเป็นขอบถักด้วยหวายเพื่อเสริมความแข็งแรง ส่วนตัวกระด้งใช้ตอกเส้นเล็กสานลายขัด ใช้สำหรับฝัดข้าวหรือเมล็ดพืช เพื่อแยกสิ่งสกปรกหรือแปลกปลอมออก และใช้ตากสิ่งของต่างๆด้วยแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: เอิบ ชื่ออื่น :: ตะกร้าใส่ผ้าเลขทะเบียน :: 43/0057/2552    ลักษณะ :: ภาชนะจักสานด้วยตอกไม้ไผ่ รูปทรงสี่เหลี่ยม ช่วงกลางลำตัวป่อง ประกอบด้วย 2ส่วน ฝาและตัว ก้นต่อขา 4 ขาด้วยไม้ไผ่สับสำหรับตั้งพื้น ใช้สำหรับใส่ของเสื้อผ้าในการเดินทาง แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: เสียมล้อมรั้ว เลขทะเบียน :: 43/0004/2550    ลักษณะ :: สานด้วยไม้ไผ่ เป็นแผ่นจักสานทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสานลายขัดพื้นฐานตลอดทั้งผืน ใช้สำหรับล้อมข้าวเปลือกหลังจากการเก็บเกี่ยว  แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมานีแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: กล่องข้าวชื่ออื่น :: ก่องข้าวเลขทะเบียน :: 43/0238/2552 ลักษณะ :: ไม้ไผ่สานทรงกระบอก มีฝาปิด ฐานทำด้วยไม้กากบาท ทำหูสำหรับร้อยเชือกสำหรับสะพาย ใส่ข้าวเหนียว ไปรับประทานเวลาไปทำไร่ ทำนา แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: แอบเรือ ชื่ออื่น :: กล่องเลขทะเบียน :: 43/0060/2552  ลักษณะ :: ภาชนะด้วยตอกไม้ไผ่ เป็นรูปทรงรี มีส่วนตัวและฝา ใช้เส้นตอกรมดำแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: มวย (ถิ่น อีสาน) ชื่ออื่น :: หวด (ถิ่น กลาง) เลขทะเบียน :: 43/0122/2550 ลักษณะ :: ภาชนะทรงคล้ายกรวย ก้นตัด ตัวสานทึบ ปากมีขอบ ปิดก้นด้วยตอกสานเป็นตาถี่ เพื่อกันไม่ให้เมล็ดข้าวไหลออก ภาชนะสำหรับนึ่งข้าวเหนียว แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานีแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: กระบุง เลขทะเบียน :: 43/0511/2552    ลักษณะ :: กระบุงสะพายหลัง เครื่องจักสานด้วยตอกไม้ไผ่ ขึ้นรูปเป็นภาชนะทรงกลมปากบาน ก้นสอบ สี่เหลี่ยมแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: เสื่อหวาย เลขทะเบียน :: 43/0007/2558 ลักษณะ :: เสื่อทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สานด้วยหงาย เป็นสิ่งที่ใช้สำหรับปูนอน โดยจะนำหวายที่หาได้นำมาฉีกเปลือกออกเป็นเส้นๆ แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้เส้นหวายมีความอ่อนตัวจึงนำมาสาน   แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.ภูฟ้า อ.บ่อเกลือ จ.น่านแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: บุ้งกี๋ ชื่ออื่น :: ปุ้งกี๋ เลขทะเบียน :: 43/0642/2552   ลักษณะ :: ไม้ไผ่สานลายห่าง ค่อนข้างหยาบ รูปร่างคล้ายเปลือกหอย มีหูสำหรับจับสองข้าง ใช้สำหรับโกยหรือตักหิน ดินหรือวัตถุที่มีลักษณะเป็นก้อนขนาดค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักไม่มากนัก แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ปิ่นโตเลขทะเบียน :: 43/0341/2552    ลักษณะ :: ภาชนะจักสานด้วยตอกไม้ไผ่รูปเป็นทรงกระบอกรีเป็นกล่องซ้อนกัน 3 ชั้น พร้อมฝารวม 4 ชิ้น ฐานไม้ มีหูร้อยเชือกเชื่อมเถาปิ่นโตแต่ละชั้น 2 ด้าน ใช้ใส่อาหารสำหรับการเดินทางของชาวเขา แหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ปลอกมีด ชื่อวัตถุ :: แปมพร้า, แปมผ้า เลขทะเบียน :: 43/0184/2552   ลักษณะ :: สานด้วยผิวกาบไม้ไผ่พับครึ่งทบ ใช้เป็นที่สอดมีด ปลายไม้ที่เหลือทำเป็นส่วนปากผายออก สานด้วยไม้ไผ่ทำเป็นขอบปาก ถักขอบลำตัวด้วยหวาย มีหูร้อยสำหรับสะพาย สำหรับใส่มีดหรือพร้า พกติดตัวไปทำไร่นาหรือเข้าป่าแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ตะกร้าชื่อวัตถุ :: โปละวี, เอิบเลขทะเบียน :: 43/0712/2552   ลักษณะ :: ภาชนะทรงสูง ขอบปากกลม ลำตัวป่อง ขาเป็นเชิง มีฝาสำหรับปิด สานด้วยตอกและหวาย สำหรับใส่สิ่งของหรือเสื้อผ้าของชาวเขาบริเวณที่สูงทางเหนือ ขนาดใหญ่ใช้เก็บเสื้อผ้าหรือสิ่งของประจำบ้าน ขนาดเล็กใช้ใส่สิ่งของติดตัวเดินทางแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ฐานพระพุทธรูป  เลขทะเบียน :: 43/0001/2557 ลักษณะ :: ฐานพระพุทธรูปลดชั้นทำเป็นฐานสิงห์ลดหลั่นกัน3ชั้น ชั้นฐานแต่ละชั้นประดับขอบด้วยลายกระจัง ด้านหน้าทำเป็นแผ่นผ้าทิพย์ประดับลวดลาย ฐานหน้ากระดานล่างสุดลายดอกไม้ก้านต่อดอก ด้านหลังมีห่วงเหล็กสำหรับปักฉัตรแหล่งที่มาข้อมูล :: ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก


มื่อวันพุธที่ 10 ตุลาคม 2561 นางอัญชิสา เสือเพ็ชร หัวหน้าหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องทิศทางการดำเนินงานของกรมศิลปากร ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ณ ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ  โดยนายอนันต์  ชูโชติ  เป็นประธานเปิดการประชุม


การดำเนินการตรวจโบราณสถานที่ดำเนินการจ้างเหมากำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางที่ทำลายโบราณสถานและบำรุงรักษาภูมิทัศน์ จำนวน ๑๖ แหล่ง (งวดที่๓) ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา


ผลการประเมินตนเองตามการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของกรมศิลปากรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562


  วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 นางสาวธารทิพย์ ภิรมย์อนุกูล หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ให้คำแนะนำแนวทางการขอทำลายเอกสารราชการ แก่เจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้งนี้ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ยินดีให้คำปรึกษาในเรื่องการทำลายและการส่­­งมอบเอกสารราชการ เอกสารประวัติศาสตร์ และเอกสารสำคัญต่างๆ แก่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป ผ่านช่องทางดังนี้           โทรศัพท์ 035 535 501 - 2          Email : suphan_archives@hotmail.com          Facebook : https://www.facebook.com/SupanburiNationalArchive          Website : http://www.finearts.go.th/suphanburiarchives


เรียบเรียงและถ่ายทอดโดย นายสมชัย ฟักสุวรรณ์ นักภาษาโบราณชำนาญการ


black ribbon.