ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ
ชื่อผู้แต่ง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์.ชื่อเรื่อง วิศวกรรมสาร (ปีที่ ๓๐ ฉบับที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐)ครั้งที่พิมพ์ -สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๐จำนวนหน้า ๕๖ หน้ารายละเอียด
วิศวกรรมสาร เป็นวารสารส่งเสริมความรู้ทางวิชาการในด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นสื่อกลางในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์ อันจะนำไปสู่ความริเริ่มเพื่อขยายงานที่กระทำอยู่ให้กว้างขวาง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ฉบับที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ นี้ มีบทความให้ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีบางประการของไซโคลนขนาดเล็ก โดย เรืองศักดิ์ วัชรพงศ์ น้ำหนักบรรทุกของเสาเข็ม โดย DUTCH CONE PENETRATION TEST โดย เรืองวิทย์ โชติวิทยธานินทร์ : อดุลย์ รื่นใจชน : เดชา สิงห์ชินสุข เป็นต้น
ต้นแบบพระบรมรูป รัชกาลที่ 6
ของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี
100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย
พ.ศ. 2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีดำริให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ณ สวนลุมพินี เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ได้พระราชทานที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ณ ตำบลศาลาแดง จํานวน 360 ไร่ เพื่อเป็น “วนสาธารณ์” หรือสวนสาธารณะให้แก่ประชาชน รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมศิลปากร ซึ่งมี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบและปั้นหล่อพระบรมรูป
ศาสตราจารย์ศิลป์ปั้นต้นแบบพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรูปแบบเหมือนจริงอย่างศิลปะตะวันตกตามหลักวิชาการ (Western Academic Art) ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างสรรค์งานประติมากรรมที่ท่านถนัดและมีความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งอาศัยความรู้และความแม่นยำในเรื่องกายวิภาค ประกอบกับฝีไม้ลายมือทางด้านศิลปะในการขึ้นรูปดินเหนียวให้เป็นรูปมนุษย์ได้อย่างสมจริงประหนึ่งบุคคลต้นแบบ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ได้แสดงฝีมือจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว จากผลงานการปั้นพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ปั้นพระบรมรูปจากพระองค์จริงเมื่อ พ.ศ. 2468
‘ต้นแบบพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว’ ที่จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย” ฉลองพระองค์ชุดนายพลเสือป่าพรานหลวง ประทับยืนพักพระชานุขวาบนฐานประดับตราพระครุฑพ่าห์ น่าจะเป็นหนึ่งในต้นแบบพระบรมรูปที่ศาสตราจารย์ศิลป์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่น่าเสียดายว่าต้นแบบนี้มิได้นำไปสร้างจริง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของคณะกรรมการฯ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างแล้วเสร็จในปี 2485 และยังประดิษฐานเป็นศูนย์กลางของสวนลุมพินีจนถึงปัจจุบัน
นิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย” จัดแสดงระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 9 เมษายน 2566 ณ อาคารนิทรรศการ 4 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เลขทะเบียน : นพ.บ.397/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4.5 x 53 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 145 (48-57) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : มไลยโจท--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.531/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 4.5 x 52 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 178 (281-290) ผูก 5 (2566)หัวเรื่อง : ธัมมสังคิณี--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
องค์ความรู้เรื่อง "การสังคายนาสวดมนต์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย"
นายทัตพล พูลสุวรรณ
นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ
กลุ่มจารีตประเพณี
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
ค้นคว้าเรียบเรียง
“สามก๊ก”
สามก๊กในงานจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ วัดประเสริฐสุทธาวาส เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เป็นงานเขียนจิตรกรรมฝาผนังเรื่องสามก๊กที่พบมากที่สุดในประเทศไทย งานจิตรกรรมแบ่งการเขียนรูปเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียงเรื่องราวตอนละ ๑ ช่อง ด้วยหมึกจีนสีดำ มีอักษรจีนเขียนกำกับไว้ในภาพทุกภาพ มีทั้งหมด ๓๖๔ ภาพ
งานคัดลอกลายเส้นจิตรกรรมวัดประเสริฐสุทธาวาส เป็นการคัดลอกลายเส้นจากภาพถ่ายเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลลายเส้น องค์ประกอบของภาพจิตรกรรมที่ยังคงเหลืออยู่ เป็นขั้นตอนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังวัดประเสริฐสุทธาวาส เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร งบประมาณประจำปี ๒๕๖๖
ดำเนินงานโดย กลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี กรมศิลปากร
วัดห้วยเสือ ตั้งอยู่ ณ บ้านห้วยเสือ หมู่ที่ 5 ตำบลสมอพรือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจากการเข้าไปสำรวจพบว่าวัดแห่งนี้มีการรวบรวมภาพจิตรกรรม โดยเป็นเรื่องราวของ “พระเวสสันดรชาดก” ชาติที่ 10 ของเรื่องราว “ทศชาติชาดก” หรือก็คือ 10 ชาติ ของการเล่าเรื่องราวการที่พระพุทธเจ้าทรงเวียนว่ายตายเกิด จนเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย ซึ่งในปัจจุบันภาพดังกล่าวได้ถูกจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี ณ วัดห้วยเสือ เพื่อเป็นการดำรงและรักษาภาพจิตรกรรมการแสดงคำสอนอันดีงามและเรื่องราวความเป็นมาทางพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
สำหรับ ทศชาติ เรื่อง “พระเวสสันดรชาดก” ว่าด้วยเรื่อง 13 กัณฑ์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่รู้จักมากที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาทศชาติชาดกทั้ง 10 ตอน และเป็นสาเหตุที่เวสสันดรชาดกถูกยกให้เป็นมหาชาตินั้น ก็เนื่องจากชาดกเรื่องนี้ถือเป็นพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็นพระชาติที่ทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง 10 ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทานบารมี” ที่ทรงบริจาคทุกสิ่งทุกอย่างทุกอย่าง แม้แต่ภรรยาและบุตรของตนเองก็บริจาค ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นอกจากนั้น สาเหตุที่ “พระเวสสันดรชาดก” นั้นเป็นที่ยกย่องและน่าเลื่อมใส เพราะเรื่องเวสสันดรชาดกนั้นมีคุณค่าที่สามารถนำไปประยุกต์เข้ากับชีวิตประจำวันได้ทุกระดับ โดย 13 กัณฑ์ ของเรื่องราว “พระเวสสันดรชาดก” สามารถศึกษาเเละทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ ดังนี้
เอกสารเเละหลักฐานสำหรับการสืบค้น
1. วัดห้วยเสือ, ภาพจิตรกรรม ทศชาติ เรื่อง “พระเวสสันดรชาดก” ว่าด้วยเรื่อง 13 กัณฑ์.
2. เจริญ ไชยชนะ. (2502), มหาเวสสันดรชาดก ฉบับ 5 กัณฑ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ไชยวัฒน์.
3. กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม. (2561), เทศน์มหาชาติมหากุศล. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
4. ทิวาวรรณ อายุวัฒน์. (2561). ““ทศชาติชาดก 101”, ใน สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี (ผู้รวบรวม), บทความทางวิชาการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี. (หน้า 1). นครปฐม :มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.
“วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม”
เพลง “ค่าน้ำนม” คงได้ยินได้ฟังกันมาตั้งแต่เด็ก หลายยุคหลายสมัยยังเป็นเพลงอมตะที่ฟังแล้วทำให้นึกถึงพระคุณของแม่ ที่มีเนื้อหากินใจว่า “แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง แม่เฝ้าหวงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล...” ทำให้เห็นถึงความรักของแม่ที่รักลูกถนอมลูก สงสารลูก จะไปไหนก็เป็นห่วง รับประทานอะไรก็คิดถึงลูก ลักษณะเหล่านี้ย่อมตรึงใจเรามิรู้วาย
วันแม่แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของไทย ที่ถือเอาวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นวันแม่แห่งชาติ
แต่เดิมนั้น วันที่ 12 สิงหาคม มิได้เป็นวันแม่แห่งชาติอย่างเช่นในปัจจุบัน แต่ได้มีการกำหนดเอาวันที่ 15 เมษายนของทุกๆ ปีเป็น วันแม่แห่งชาติ โดยเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493 โดยสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้จัดงานวันแม่มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา เพราะเห็นว่าเป็นเดือนที่ฝนยังตกไม่ชุกนัก จะมีคนมาร่วมงานได้สะดวก โรงเรียนอยู่ระหว่างการหยุดเทอม นักเรียนว่างพอจะเข้าร่วมงานวันแม่ได้ การจัดงานไม่เพียงแต่มีการจัดพิธีทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น ยังมีการประกวดแม่ของชาติ การประกวดคำขวัญวันแม่ เพื่อเป็นเกียรติแก่แม่ และเป็นการเพิ่มความสำคัญของงานวันแม่ให้มีมากยิ่งขึ้น
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2519 ทางราชการได้เปลี่ยนแปลงวันแม่ใหม่ ให้ถือเอาวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวไทย เปรียบเสมือนแม่ของชาติ โดยมติเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมศีลธรรมและจิตใจ โดยพิจารณาว่าแม่เป็นผู้มีพระคุณและมีบทบาทอย่างสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่จะได้รับการเทิดทูนและตอบแทนบุญคุณด้วยความกตัญญูกตเวที
การที่ทางราชการได้ประกาศกำหนดให้วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปีเป็น วันแม่แห่งชาติ ย่อมก่อให้เกิดวันอันเป็นที่ระลึกที่สำคัญยิ่งของไทยเราวันหนึ่ง และกำหนดให้ถือว่า ดอกมะลิ สีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม ที่ใช้ได้ตั้งแต่เป็นดอกไม้สด จนกระทั่งแห้งเสมือนดั่งความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่เสื่อมคลาย เป็นสัญญลักษณ์แห่งความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่ตัวเรา
ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง รายชื่อผู้มีสิทธิคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน เงินนอกงบประมาณ (กองทุนโบราณคดี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (ครั้งที่๓)
องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง เสด็จประพาสต้นเมื่องสุพรรณ ครั้งที่๒ผู้เรียบเรียง :
นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
ชื่อพระพุทธรูป พระพุทธรูปปางมารวิชัย
สถานที่ประดิษฐาน พระอุโบสถ วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร (วัดเขาวัง) ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี
ประวัติ เป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ถวายเมื่อครั้งฉลองกุฏิใหม่วัดมหาสมณารามฯ ปี พ.ศ. ๒๔๐๓ ตรงกับหลักฐานเอกสารจดหมายเหตุของหมอบรัดเลย์ว่า “. . . วันที่ ๒๒ มิถุนายน จ.ศ. ๑๒๒๒ แห่พระไปเมืองเพชร . . . วันที่ ๒๘ มิถุนายน เสด็จประพาสเมืองเพชรบุรี เป็นครั้งที่ ๓ การแห่พระนั้น ก็คือ การแห่พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต จํานวน ๑๐ รูป จากวัดบวรนิเวศฯ ซึ่งมีพระใบฎีกาเอม ข้าหลวง เดิมในพระองค์เป็นชาวบ้านบางจาน เมืองเพชรบุรี ให้ออกไปครองวัดมหาสมณาราม เป็นที่พระครูมหาสมณวงศ์ กับพระอันดับอีก ๙ รูป พร้อมด้วยพระพุทธรูปปางมารวิชัยหนึ่งองค์ในการทําบุญฉลองกุฏิใหม่ และพระสงฆ์ที่ไปครองวัดมหาสมณารามนี้ ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาเพชรบุรี กรมการเมือง เบิกเงินต่อกรมวังมาจัดของคาว - หวาน ถวายพระสงฆ์ เช้า คาว ๕ หวาน ๕ รวม ๑๐ สํารับ . . .”
พระพุทธรูปองค์นี้เป็นเพียงการสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์เดียวกันกับเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้ถวายพระพุทธรูปปางมารวิชัยเมื่อครั้งฉลองกุฏิใหม่ ในปี ๒๔๐๓ โดยสันนิษฐานจากรูปแบบศิลปะอายุสมัยเท่านั้น เนื่องจากไม่พบหลักฐานอื่น ๆ
พระพุทธรูปปางมารวิชัย
แบบศิลปะ : ไทย แบบรัตนโกสินทร์
อายุสมัย : อายุราว พุทธศักราช 2300 - 2400
ประวัติ : วัดเพิ่มประสิทธิผล อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/inburi/360/model/08/
ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/inburi
วันพุธที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ นายวิเชต ลิ้มภักดี ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น เข้าตรวจสอบความเรียบร้อยของโบราณสถานกู่ประภาชัย เนื่องจากจังหวัดขอนแก่นจะมีการจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ กู่ประภาชัย ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น