ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

  เนื่องจากในวันที่ ๑๓ มีนาคม ที่ใกล้จะถึงนี้ เป็น “วันช้างไทย” เพื่อระลึกถึงความสำคัญของ “ช้าง” ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนาน นอกจากคุณประโยชน์ของช้างที่มีต่อระบบนิเวศของป่า และการใช้แรงงานช้างในการช่วยทำงานต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว ช้างยังมีบทบาทด้านคติความเชื่อ ด้านการเมืองการปกครอง ด้านการศึกสงคราม ด้านการต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจและการค้า ด้านพระราชพิธี และประเพณีต่าง ๆ ของไทย หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ขอนำเสนอ “๗ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับช้าง” และบทบาทเชิงสัญลักษณ์ของช้างที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในหลากหลายมิติ   ๑. “ช้างต้น” รัตนะคู่พระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทย          แต่เดิมจากคติความเชื่อเรื่องช้างในดินแดนเอเชียอาคเนย์รวมทั้งประเทศไทยมีความเชื่อว่า ช้างเป็นสัตว์สำคัญ เป็นสัตว์คู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะช้างเผือก ซึ่งเป็นช้างที่มีลักษณะพิเศษหรือเป็นมงคลนั้น เชื่อว่าจะนำสิริมงคลอันอุดมให้แก่บ้านเมือง ทั้งธัญญาหาร ภักษาหาร และพระบารมีเกริกไกรอันยิ่งใหญ่แก่แผ่นดิน อาณาประชาราษฎร์จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข และจะเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์แห่งแคว้นประเทศนั้น ช้างต้น หมายถึง ช้างที่ได้รับการขึ้นระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งใช้ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ทั้งเป็นช้างศึก ช้างพระราชพาหนะ และช้างคู่พระบารมี ต่อมาบทบาทของช้างในด้านการศึกสงครามลดลง เนื่องจากยุทธวิธีการรบเปลี่ยนแปลงไป และการเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่าง ๆ ทรงใช้พระราชยานพาหนะประเภทอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ช้างต้นในปัจจุบันจึงหมายถึงช้างสำคัญ และช้างเผือกคู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น   ๒. ธงช้างเผือก สัญลักษณ์แทนสยามประเทศ          ในยุคต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ให้ความสำคัญแก่ช้างเผือกในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ รัฐบาลไทยได้ส่งเรือสินค้าออกไปค้าขายในต่างประเทศ แต่ยังไม่มีธงแสดงสัญชาติไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำรูปช้างสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวติดไว้กลางผืนธงสีแดงสำหรับชักขึ้นบนเรือกำปั่นหลวงที่แต่งไปค้าขายยังนานาประเทศ และเป็นมูลเหตุที่ใช้ธงช้างเป็นธงสำหรับชาติไทยตั้งแต่นั้นมา ต่อมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้สถาปนาธงชาติไทยขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนำธงรูปช้างสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวบนพื้นสีแดง ซึ่งใช้เป็นเครื่องหมายถึงพระมหากษัตริย์ออก คงเหลือไว้แต่รูปช้างสีขาวคือช้างเผือกอยู่ตรงกลางผืนธงสีแดง จนถึงรัชกาลที่ ๖ ได้มีการสถาปนาใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีหน่วยงานราชการบางแห่งที่ยังคงใช้ธงซึ่งมีรูปช้างเผือกอยู่ เช่น ธงราชนาวีไทยของกองทัพเรือ   ๓. ช้างในตราแผ่นดิน          ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย ทรงผูกตราประจำประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๖ โดยอิงกับหลักการผูกตราของทางยุโรปที่เรียกกันว่า Heraldry ตรานี้เรียกกันโดยทั่วไปว่า ตราแผ่นดินหรือตราอาร์ม มีสัญลักษณ์ต่าง ๆ คือ พระมหาพิชัยมงกุฎมีรัศมีและนพปฎลเศวตฉัตร จักรีและตรี โล่รองมีรูปช้างสามเศียร ช้างยืนแท่นและกริช ล้อมรอบด้วยราชสีห์ คชสีห์ สังวาลย์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฉลองพระองค์ครุย และเครื่องราชกกุธภัณฑ์พร้อมทั้งคาถา โดยในสัญลักษณ์จะเห็นได้ว่าช้างสามเศียรนั้นแทนราชอาณาจักรไทย (สยาม) จากแผ่นดินนี้ใช้มาจนถึง พ.ศ. ๒๔๓๖ จึงได้เปลี่ยนเป็นตราครุฑ   ๔. “พระสมุดตำราแผนคชลักษณ์” เอกสารโบราณทรงคุณค่า ว่าด้วยเรื่องลักษณะของช้าง          “พระสมุดตำราแผนคชลักษณ์” เป็นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยซึ่งเก็บรักษาไว้ที่สำนักหอสมุดแห่งชาติ มีศักราชปรากฏบ่งชี้ว่าเก่าแก่ที่สุด แต่งเมื่อจุลศักราช ๑๑๑๐ ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นหนังสือสมุดไทยขาวลงรักปกให้เป็นสีดำ เขียนเส้นอักษรด้วยเส้นหมึก และเขียนภาพช้างประกอบแทรกในเนื้อหา มีขนาดกว้าง ๑๑ เซนติเมตร ยาว ๓๔.๕ เซนติเมตร เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงลักษณะของช้างตระกูลต่าง ๆ ทั้งช้างศุภลักษณ์ คือช้างที่มีลักษณะดีเป็นมงคล และช้างทุรลักษณ์หรือทรลักษณ์ คือช้างที่มีลักษณะไม่ดี ไม่เป็นมงคล เนื้อหาสาระว่าด้วยเรื่องช้างในตำราฉบับนี้มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูงมาก เพราะผู้แต่งมีตำแหน่งเป็นข้าราชการที่ทำงานในกรมคชบาล จึงสามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการตรวจสอบความถูกต้องได้เป็นอย่างดี   ๕. ช้างในวรรณคดีไทย ช้างเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสัญลักษณ์แทนพระราชอำนาจของกษัตริย์ และความเป็นศิริมงคลของบ้านเมือง มีความสำคัญในพระราชพิธีต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของช้างที่ปรากฏในงานพระราชพิธี และการกล่าวถึงลักษณะของช้างผ่านวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น “โคลงพระราชพิธีทวาทศมาส” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน หรือ การแห่ช้าง “ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงช้างเผือกแต่ละตระกูล “บทละครเรื่องรามเกียรติ์” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงช้างเอราวัณ ซึ่งอินทรชิตให้ทหารจำแลงกายล่อลวงกองทัพของพระราม “บทละครเรื่องอุณรุท” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงคชลักษณ์ของช้างเผือก และแทรกพิธีกรรมคล้องช้างไว้ในเรื่องด้วย “พระราชพิธีสิบสองเดือน” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มีการแห่ช้างและช้างพระที่นั่ง “สมุทรโฆษคำฉันท์” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงตอนที่หมอเฒ่าทำพิธีเบิกไพรวังช้าง พรรณนาถึงช้างทุรลักษณ์และช้างศุภลักษณ์   ๖. มองช้าง...ผ่านภาพจิตรกรรมทางศาสนา          หลักฐานรูปช้างที่มีปรากฏในงานพุทธศิลปกรรมเริ่มมีขึ้นในอินเดียเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปีก่อน อินเดียได้นำเอาคติความเชื่อเผยแพร่ผ่านทางศาสนาฮินดูและพุทธศาสนามายังสุวรรณภูมิ โดยให้ช้างอยู่ในฐานะสัตว์สัญลักษณ์แห่งอำนาจบารมีในรูปของเทพเจ้าและผู้หนุนนำพระศาสนา เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นมงคลต่อการบำเพ็ญทานบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏเรื่องราวในพุทธประวัติ ชาดก และศาสนพิธีต่าง ๆ ที่สะท้อนภาพผ่านจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรบรรจง นอกจากเรื่องราวทางพุทธศาสนาแล้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังบางภาพยังสะท้อนถึงบทบาทด้านต่าง ๆ ของช้างในสังคมไทยทั้งการศึกสงคราม งานพระราชพิธี การต่างประเทศ การคมนาคมและการค้า การใช้งานในชีวิตประจำวัน ตลอดจนลักษณะของช้างตามตำราคชลักษณ์   ๗. “พระพิฆเนศวร์” ช้างในฐานะเทพเจ้า          “พระพิฆเนศวร์” หรือ “พระคเณศ” เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู มีกำเนิดจากพระศิวะและแม่อุมาปารวตี ลักษณะที่สำคัญของพระพิฆเนศวร์ คือเป็นเทพที่มีพระเศียรเป็นช้าง พระกรรณกว้างใหญ่ งวงยาว มีร่างกายเป็นมนุษย์ และท้องพลุ้ย มีงาข้างเดียว มี ๔ กร ๖ กร ๘ กรบ้าง แล้วแต่ภาคที่จะเสด็จมา คำว่า “พระพิฆเนศวร์” นี้ แปลตามรูปศัพท์ได้ว่า “อุปสรรค” ด้วยเหตุนี้ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จ เทพแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวง และยังเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาและการประพันธ์ด้วย นอกจากจะเป็นที่เคารพนับถือของชาวฮินดูแล้ว ในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทย ยังเป็นที่นับถือของพวกหมอเฒ่า ซึ่งเป็นครูโพนช้าง คล้องช้าง และฝึกสอนช้าง ดังนั้นในการโพนช้าง คล้องช้าง หรือการประกอบพิธีเกี่ยวกับช้าง ผู้กระทำจะต้องทำการบวงสรวงบูชาและนมัสการพระพิฆเนศวร์ก่อน โดยนับถือพระองค์เสมือนเป็นเทพเจ้าประจำช้าง   เรียบเรียงโดย   นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ   หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี  สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี  กรมศิลปากร   แหล่งข้อมูลอ้างอิง กรมศิลปากร.  ช้างต้น สัตว์มงคลแห่งพระจักรพรรดิ.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๓๙. กัลย์สุดา ทองอร่าม.  จิตรกรรมตามตำราการดูช้าง หอไตรคณะเหนือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารและพระอุโบสถ      วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘, จาก https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/4360 กาญจนา โอษฐยิ้มพราย.  โรงช้างต้น.  กรุงเทพฯ: สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๕๘.  กิตติยา กิตติบดีสกุล.  บทบาทของช้างเชิงสัญลักษณ์ในสมัยรัตนโกสินทร์.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘, จาก                https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/2700 บุญเติม แสงดิษฐ.  วันสำคัญ.  กรุงเทพฯ: พชรการพิมพ์ , ๒๕๔๑.   พระสมุดตำราแผนคชลักษณ์.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.  พิพิธภัณฑ์โรงช้างต้นสวนจิตรลดา.  กรุงเทพฯ: สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๕๖. โสภนา ศรีจำปา.  พระคเณศ อมตะเทพอินเดียสู่สังคมไทยในมิติภาษาและวัฒนธรรม.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘, จาก        https://so05.tcithaijo.org/index.php/sujthai/article/view/33347 อมรา ศรีสุชาติ.  ช้างในพุทธวรรณกรรมและพุทธศิลปกรรม.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๕๐.



ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       103/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               40 หน้า กว้าง 4.9 ซม. ยาว 57.5 ซม.หัวเรื่อง                     พระไตรปิฎก                              พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ธรรมอีสาน ฉบับล่องชาด มีไม้ประกับ


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ.                       141/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               26 หน้า กว้าง 4.7 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                     พระอภิธรรมปิฎก                              พระมหาปัฏฐานบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน  ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


เลขทะเบียน : นพ.บ.616/1  ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 10 หน้า  ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 201 (49-56) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : ตำนานพระธาตุพนม --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อแบบฉบับ : มหานิปาตวณฺณนา ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (ผูก ข3) ชื่อเรื่อง : ทสชาติ  สุวรรณสามชาดก-นารทชาดก (ผูก ข3) เลขทะเบียน : ชม.บ.557/ข3 ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                     ผู้สร้าง : อุบาสิภิกษุ                   ปีที่สร้าง : จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266) จำนวน : 1  คัมภีร์  14 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก ก1, ข1-3, ค1-5:4ก, ฆ1-2, ง1-2)    จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด          จำนวนหน้า : 54 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา                  ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา             เส้น : จาร ฉบับ : ล่องชาด                        ไม้ประกับ : ทารัก ขอบทาชาด      ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน ประวัติ : อุบาสิภิกษุสร้าง จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266 สมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) มี 5 เรื่อง ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่  เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568


เลขทะเบียน : นพ.บ.749/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 234 (370-381) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : อาการวัตตสูตร--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน นม.บ.8/4ข


ครั้งที่พิมพ์ : Edition:  พิมพ์ครั้งที่ 1 พุทธศักราช 2542 ผู้พิมพ์ : Publisher:  กรมศิลปากร เลขานุการคณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย อธิบาย : Description:  พิมพ์จำนวน 2,000 เล่ม พิมพ์4สี จำนวน 216 หน้า ISBN:  274-417-427-7 ราคา : Price:  550 หนังสือการประกวดแนวความคิด เอกลักษณ์สถาปัตยกรรมท้องถิ่น เป็นหนังสือที่รวบรวมเนื้อหา รูปแบบของสถาปัตยกรรม ๔ ภาค จากบุคคลที่ส่งเข้าประกวด โดยแบ่งเป็นประเภทบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ อาคารทางศาสนา สำนักงานและศาลาริมทาง ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และนำภูมิปัญญาไทยกลับมาทำใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น   ติดต่อซื้อได้ที่กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๔๗๐๒, ๐ ๒๒๒๔ ๒๐๕๐


ผู้แต่ง : ชมรมเสวนาประวัติศาสตร์ไชยนารายณ์ ปีที่พิมพ์ : 2530 สถานที่พิมพ์ : เชียงราย สำนักพิมพ์ : เชียงรายโฆษณาและการพิมพ์      ป้ายประตูเมืองจะเป็นสัญลักษณ์ให้เรารู้ว่าสถานที่นี้เป็นประตูเมืองเชียงราย เมืองที่สร้างขึ้นโดยพ่อขุนเม็งรายมหาราช เมืองเชียงรายเป็นมรดกที่พระองค์ทรงมอบไว้ ภายในหนังสือจะบันทึกเรื่องราวทางประวัติสาสตร์ว่าด้วยประตูเมืองเชียงรายและเมืองเชียงรายยุคต่างๆ เจ้าเมืองเชียงรายสมัยต่างๆ การก่อสร้าง ภาพจากอดีตและสาระสำคัญต่างๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงราย


หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ขยายเวลารับภาพเข้าประกวดในโครงการประกวดภาพถ่ายเก่าหัวข้อ "สุพรรณบุรีรำลึก" เป็นวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและหน่วยงานที่สนใจได้ส่งภาพถ่ายเก่าเข้าร่วมประกวด ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นภาพก่อนปี พ.ศ.๒๕๔๐ ไม่จำกัดขนาดและจำนวน                     ผู้ชนะรางวัลที่หนึ่งรับเงินรางวัล ๗,๐๐๐ บาท                     ผู้ชนะรางวัลที่สองรับเงินรางวัล ๕,๐๐๐ บาท                     ผู้ชนะรางวัลที่สามรับเงินรางวัล ๓,๐๐๐ บาท                     และรางวัลชมเชยรับเงินรางวัล ๑,๐๐๐ บาท สนใจติดต่อ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ๐๓๕ ๕๓๕ ๕๐๑,  https://www.facebook.com/SupanburiNationalArchive ขยายเวลาการประกวดภาพถ่ายเก่าหัวข้อ "สุพรรณบุรีรำลึก" และขอเชิญชวนส่งภาพถ่ายเข้าประกวด




แนวทางเบื้องต้นในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19


กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญชมนิทรรศการพิเศษเพื่อรณรงค์การลด ละ เลิก การใช้พลาสติกในพิพิธภัณฑ์ Go Green @ National Museum Bangkok  เรื่อง หีบห่อของคุณย่า - ตะกร้าของคุณยาย เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ หออนุสรณ์เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร             สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๒๒๒๒ ๑๔๐๒, ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓ (วันพุธ - อาทิตย์ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐น.)


black ribbon.