ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,777 รายการ



   พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร้อยเอ็ด จัดโครงการเครือข่ายจังหวัดร้อยเอ็ดเคลื่อนที่เพื่อส่งเสริมการศึกษาศิลปวัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยบริการจังหวัดร้อยเอ็ดเคลื่อนที่ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ โดยจัดกิจกรรมพิพิธภัณฑ์สัญจร นำข้อมูลประชาสัมพันธ์หน่วยงาน และแนะนำโบราณวัตถุชิ้นเด่นที่เก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร้อยเอ็ด ออกไปจัดแสดงให้บริการแก่นักเรียน เด็ก เยาวชน และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ สร้างโอกาสการเรียนรู้ แนะนำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร้อยเอ็ด ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น             ทั้งนี้ กำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ณ โรงเรียนดอนกลอยวิทยาคาร ตำบลหนองฮี อำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ ณ โรงเรียนบ้านดงเมืองจอก ตำบลบ้านดู่ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ดและวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ ณ โรงเรียนบ้านป้องสร้างบุ ตำบลโพธิ์ศรีสว่าง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด    ขอเชิญชวนผู้สนใจที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนดังกล่าว สามารถไปร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๔๓๕๑ ๙๓๐๖ 


          วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๓๐ น. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะผู้บริหาร ข้าราชการ กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ ณ สตูดิโอ ๒ อาคาร ๑ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง ๗ HD


ประติมากรรมรูปพุทธประวัติ ตอน มารวิชัย สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ กรมพระราชพิธีส่งมาจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ ห้องธนบุรี-รัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ประติมากรรมทองเหลืองประดับแก้วสี แสดงตอนมารวิชัย กึ่งกลางเป็นฐานชุกชี และเบื้องหลังคือต้นโพธิ์ที่ใบประดับแก้วสี เบื้องล่างมีรูปพระแม่ธรณียืนบิดมวยผม ด้านซ้ายของฐานชุกชีเป็นรูปหมู่พญามาร ซึ่งมีพระยาวัสวดีมาราธิราชทรงอาวุธประทับบนคอช้างคีรีเมขลามหาคชสาร และบริวารถือวารถืออาวุธมุ่งไปยังโพธิบัลลังก์ ด้านขวาเป็นรูปพระยาวัสวดีมาราธิราชยกมือไหว้ มืออื่นแสดงการถือดอกบัว (ยอมแพ้ต่อพระบารมีของพระพุทธเจ้า) ส่วนบริวารจมไปกับสายน้ำ บางตนแสดงการยกมือไหว้เหนือศีรษะ บางตนถูกจระเข้สังหาร  ประติมากรรมพุทธประวัติชิ้นนี้เป็น ๑ ใน ๒๗ รายการ ที่เล่าเรื่องปฐมสมโพธิตอนต่าง ๆ แม้ไม่ปรากฏประวัติของผู้สร้างและปีที่สร้าง แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เนื่องด้วยในรัชกาลของพระองค์มีการเรียบเรียงพุทธประวัติขึ้นใหม่ชื่อว่า “ปฐมสมโพธิกถา” โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ประกอบกับเมื่อครั้งยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ทรงได้คิดค้นรูปแบบของพระอิริยาบถของพระพุทธเจ้าที่สัมพันธ์กับเรื่องราวพุทธประวัติเป็นปางต่าง ๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมรวม ๔๐ ปาง  เหตุการณ์ตอนมารวิชัย เป็นเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติ ในเรื่องปฐมสมโพธิกถา ปริเฉทที่ ๙ มารวิชัยปริวรรต กล่าวว่าเป็นตอนที่พระโพธิสัตว์ (เจ้าชายสิทธัตถะ) เผชิญหน้ากับเหล่าพญามารที่ประสงค์จะทำร้ายพระองค์ด้วยวิธีการต่าง ๆ ถึง ๙ ประการ แต่ก็มิอาจทำอันตรายใดๆ แก่พระโพธิสัตว์ได้ ดังข้อความตอนหนึ่งว่า  “...ลำดับนั้น [ฝ่ายพญามาร-ผู้เขียน] ก็แสดงฤทธิให้เป็นห่าฝนนานาวิธาวุธวิเศษ มีประเภทคือคมข้างเดียวแลคมทั้งสองข้าง บ้างก็เป็นพระขรรค์แลดาบหอกจักรธนูศรเสน่าเกาทัณฑ์เป็นต้น ให้ตกลงมาเป็นควันเป็นเปลวเพลิงมาบนอัมพราประเทศ พอถึงพระกายก็กลายเป็นทิพยมาลาเลื่อนลอยลงบูชาทั้งสิ้น...” ในท้ายที่สุดพระโพธิ์สัตว์ทรงใช้พระดัชนี (นิ้วชี้) แตะที่พื้นแผ่นดินพร้อมเปล่งวาจาเรียกพระแม่ธรณีขึ้นมาเป็นพยานในการแสดงพระบารมีของพระองค์ที่ได้สั่งสมไว้เพื่อขจัดเหล่ามารทั้งปวง เมื่อพระแม่ธรณีปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์ได้บิดน้ำจากเมาลี ซึ่งแทนด้วยคุณธรรมที่พระโพธิ์สัตว์สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ กลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาเหล่าพญามารทั้งปวง ดังข้อความว่า  “...ครั้งนั้นหมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการ*ไปสิ้น ส่วนคีรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาด มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ก็ลอยไปตามธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร...” หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พระโพธิ์สัตว์จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดับสิ้นซึ่งกิเลสทั้งปวง ดังข้อความว่า “...พอเป็นเวลาตัมพารุณสมัย** ไขแสงทองส่องอร่ามฟ้า สมเด็จพระมหาสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตัญญาณ ดับสูญสิ้นอาสวกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน***...” ซึ่งการตรัสรู้ของพระองค์ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ อีกทั้งวันดังกล่าวยังตรงกับเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธเจ้าอีกสองเหตุการณ์ คือ การประสูติ และปรินิพพานของพระองค์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี จึงถูกกำหนดเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ที่รู้จักกันในนามของวันวิสาขบูชา (Vesak Day) และถือเป็น “วันสำคัญของโลก” อีกด้วย   *ปลาตนาการ หมายถึง การหนีหายไปสิ้น **ตัมพารุณสมัย หมายถึง เวลารุ่งอรุณ ***สมุจเฉทปหาน หมายถึงการละกิเลสได้ขาดอย่างพระอรหันต์ ------------------------------------------------------- อ้างอิง ปรมานุชิตชิโนรส, สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระ. ปฐมสมโพธิกถา. กรุงเทพฯ: กองวรรณคดีและ ประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๓๐. (รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดพิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณในมหามงคลเฉลิมพระเกียรติวันพระบรมราชสมภพ ครบ ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วันอังคารที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐). เสริมกิจ ชัยมงคล. “ประติมากรรมขนาดเล็ก เล่าเรื่องปฐมสมโพธิหรือพระพุทธประวัติที่จัดแสดงภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร.” ใน พิพิธวิทยาการ รวมบทความวิชาการด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ และพิพิธภัณฑ์วิทยา ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ: กลุ่มวิจัย สำนักพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๕๔.   -------------------------------------------- เรียบเรียงข้อมูล :  นายพนมกร นวเสลา ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  


กรมศิลปากรขอเชิญชมการถ่ายทอดสด Facebook Live พิธีเปิดนิทรรศการพิเศษ "เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย: สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก" ในวันอังคารที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๗.๐๐ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


เศษซากความพินาศ โบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์ โบราณวัตถุในศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ โดย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี



เมื่อหน่วยงานของรัฐได้รับหนังสือแจ้งตอบผลการพิจารณาจากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรให้หน่วยงานของรัฐจัดทำหนังสือส่งมอบพร้อมเอกสารตามรายการที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรขอสงวนไว้ และรอหนังสือแจ้งตอบผลการตรวจรับเอกสารว่าถูกต้องครบถ้วนตามรายการที่ขอสงวนจากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร เสียก่อนจึงจะดำเนินการทำลายเอกสารได้*** สำหรับหน่วยงานรัฐในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และสตูลอยู่ในความรับผิดชอบของหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลาให้ติดต่อที่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลาการส่งมอบเอกสารขอสงวนให้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร(หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา)ให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามขั้นตอนการเตรียมการส่งมอบเอกสารที่แนบไปกับหนังสือแจ้งตอบผลการพิจารณาขอสงวนเอกสารของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรมี ๖ ขั้นตอนดังแผ่นภาพ อินโฟกราฟิก นี้เรียบเรียง โดย นางสาวเพ็ญทิพย์ ชุมเทพนักจดหมายเหตุอินโฟกราฟิก โดย นายวีรวัฒน์ เหลาธนูนักจดหมายเหตุปฏิบัติการ


         มหามกุฏราชสันตติวงศ์ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๐๑ วันประสูติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เมื่อแรกประสูติพระองค์มีพระอิสริยยศที่ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๔๒ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่ประสูติแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม) ประสูติเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๐๑          ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๑๘ ทรงรับราชการเป็นพนักงานใหญ่ในออดิตออฟฟิศ ในออฟฟิศหลวง กรมราชเลขานุการ ต่อมาเมื่อพุทธศักราช ๒๔๒๒ ทรงดำรงตำแหน่งไปรเวตสเกตรีหลวง ราชเลขานุการออดิตออฟฟิศ เป็นที่ปรึกษาในราชการต่างประเทศ และเป็นผู้บัญชาการกรมบาญชีกลาง ในกรมพระคลังมหาสมบัติ ทรงเป็นผู้ริเริ่มตั้งราชทูตสยามประจำราชสำนักต่างประเทศ และตั้งศาลต่างประเทศในราชอาณาจักร ครั้นวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๒๔ ทรงสถาปนาเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรประการ พุทธศักราช ๒๔๒๕ เป็นอธิบดีจัดทหารดับเพลิงเรือลาดตะเวนตามท้องน้ำฝ่ายใต้พระนคร ต่อมาพุทธศักราช ๒๔๒๘ เป็นเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ ครั้นวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๔๒๙ เลื่อนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการ เป็นราชเลขนุการ ครั้นพุทธศักราช ๒๔๓๐ ได้เป็นราชทูตพิเศษ ผู้แทนพระองค์เสด็จไปในงานเฉลิมพระชนมพรรษา ๕๐ พรรษา สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียที่ประเทศอังกฤษ และเสด็จไปดูงานในทวีปยุโรป ต่อมาพุทธศักราช ๒๔๓๕ เป็นหัวหน้าในที่ประชุมเสนาบดีสภา เป็นรัฐมนตรี และองคมนตรี ทั้งในรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖           ในรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ ขัตติยพิศาลสุรบดี ศรีพัชรินทรภราดร สโมสรอเนกศาสตร์วิบูลย์ เกียรติจำรุญไพรัชการ ศุภสมาจารสารสมบัติ มัทวเมตตาธยาศรัย ศรีรัตนตรัยคุณานุสรสุนทรธรรมบพิตร เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๔ เป็นสมุหมนตรี แล้วเลื่อนเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ขัตติยพิศาลสุรบดี บรมราชินีศรีพัชรินทรภราดร สโมสรอเนกนิติปรีชา มหาสุมันตยานุวัตรวิบุลย์ ไพรัชราชกิจจาดุลสุนทรปฏิภาณ นิรุกติญาณวิทยาคณนาทิศาสตร์ โหรกลานุวาทนานาปกรณ์ เกียรติกำจรจิรกาล บริบูรณคุณสารสมบัติ สุจริตสมาจารวัตร มัทวเมตตาชวาธยาศรัย ศรีรัตนตรัยสรณธาดา กัลป์ยาณธรรมิกนาถบพิตร พุทธศักราช ๒๔๕๙ เป็นมหาอำมาตย์นายกคนแรก เป็นผู้รักษาพระนครในเวลาที่เสด็จประพาสหัวเมือง และคงในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ เป็นสภานายกแห่งสภาการคลัง เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๕ เป็นนายกกรรมการตรวจร่างประมวลกฎหมาย และเป็นพนักงานสอบประดิทินประจำปีที่ใช้ในราชการ           สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๖๖ พระชันษา ๖๖ ปี เป็นต้นราชสกุล เทวกุล   ภาพ : มหาอำมาตย์นายก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ครั้งทรงพระเยาว์


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           37/7ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              28 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 132/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 168/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           22/1ประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                44 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54.5 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           56/6ประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                76 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 57.7 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


         ภาพดอกไม้สองสไตล์ของ ทวี นันทขว้าง          100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรีศิลปแห่งนวสมัย          ทวี นันทขว้าง ได้รับการยกย่องให้เป็น “ศิลปินชั้นเยี่ยม” สาขาจิตรกรรม จากการส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ 3 ครั้ง (ครั้งที่ 3 4 และ 7) โดยได้รับประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ประเภทจิตรกรรม ทั้ง 3 ครั้งติดต่อกัน ภาพ ‘ดอกบัว’ (ภาพขวา) ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ส่งเข้าร่วมการประกวด (พ.ศ. 2499) ได้กลายมาเป็น 1 ในผลงานที่น่าจดจำที่สุดของทวี ภาพนี้ได้รวมเอาเอกลักษณ์สำคัญในงานจิตรกรรมของทวีเข้าไว้ด้วยกัน ทวีมักเขียนภาพหุ่นนิ่ง (Still life) ของดอกไม้ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส แต่กลับทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความหม่นมัวของบรรยากาศภายในภาพแทน ทั้งการจัดวางช่อดอกไม้ในแนวนอนซ้อนกันทาบทับด้วยเงามืด มีแสงตกลงบนวัตถุเพียงเล็กน้อย ประกอบกับการใช้สีโทนเย็น (น้ำเงิน – เทา) จัดบรรยากาศให้ดูมืดสลัวครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ได้โน้มน้าวให้อารมณ์ของภาพมีความเศร้าหมอง ลึกลับ และดูน่าพิศวงในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ภาพ ‘แจกันดอกไม้’ (ภาพซ้าย) ซึ่งเขียนขึ้นก่อนในปี 2496 กลับมีความแตกต่างกันออกไป ทวีจัดช่อดอกไม้ให้อยู่ในแนวตั้งประจันหน้ากับผู้ชม ใช้สีโทนร้อนแต่งแต้มเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ดอกไม้ดูมีชีวิตชีวามากกว่า โดยเฉพาะสีขาวบนดอกหน้าวัวและส่วนปลายของพรรณไม้ต่างๆ ในแจกันที่จับแสงและจับสายตาผู้ชม รวมถึงฝีแปรงที่ปาดป้ายอย่างสนุกสานไปบนกิ่งก้านของดอกไม้และพื้นหลังโดยรอบ ทำให้ภาพดอกไม้ของทวีทั้งสองภาพให้อารมณ์และความรู้สึกแตกต่างกันออกอย่างสิ้นเชิง (ดูภาพประกอบได้ในคอมเมนต์)          ภาพ ‘แจกันดอกไม้’ และ ‘ดอกบัว’ โดย ทวี นันทขว้าง จัดแสดงอยู่คู่กันในนิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย” ระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 9 เมษายน 2566 ณ อาคารนิทรรศการ 4 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)   อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทวี นันทขว้าง ได้ที่ https://www.facebook.com/.../a.242467477.../2469946963136645


black ribbon.