ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,825 รายการ

พิธีปลูกยางรัก ตามโครงการทดลองปลูกป่ารักเพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยประธานในพิธีโดย ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ณ บารายปราสาทเมืองต่ำ ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์วันจันทร์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗




เล่าเรื่องประติมานวิทยา: วิชาธร/วิทยาธร (vijādhara/vidyādhara)           วิชาธร หรือ วิทยาธร แปลตามศัพท์ว่า “ทรงไว้ซึ่งวิชา” คำว่า “วิทยา” แปลว่า ความรู้ ส่วนคำว่า “ธร” แปลว่า แบก ถือ หมายถึง ผู้มีวิชากายสิทธิ์, ผู้มีฤทธิ์ที่สำเร็จด้วยวิทยาอาคมหรือของวิเศษ จัดเป็นเทวดาชั้นต่ำ ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ อาศัยระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ มีหน้าที่บำเรอเทพเจ้า บางทีเรียกว่า พิทยาธ หรือ เพทยาธร เพศหญิงเรียกว่า วิทยารี หรือ พิทยารี (Vidyādharī) ปรากฏในคติศาสนาต่างๆ ของอินเดีย           ในศาสนาพราหมณ์ กล่าวกันว่าวิทยาธรเป็นผู้รับใช้พระศิวะ อาศัยอยู่ยังเทือกเขาหิมาลัย บางแห่งกล่าวว่าเป็นผู้รับใช้พระอินทร์ พวกวิทยาธรสร้างวิมานอากาศอยู่บนยอดเขาวินธัย มีบ้านเมืองงดงามราวกับสวรรค์ มีพระราชาปกครองกันเอง ราชาของวิทยาธรมีนามว่า สรรวารถสิทธะ (Sarvārthasiddha)            เหล่าวิทยาธรมีฤทธิ์และมนต์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ จึงมีนามเรียกว่า เขจร (Khecara) หรือ นภาจร (Nabhacara) แปลว่า ผู้เคลื่อนไปในอากาศ ผู้ชายมีฤทธิ์ด้วยมนต์และพระขรรค์ชุบด้วยเหล็กวิเศษ เพียงแต่ร่ายมนต์แกว่งพระขรรค์ก็เหาะไปได้ สำหรับผู้หญิงไม่มีพระขรรค์ แต่มีปีกหางช่วยให้ลอยไปในอากาศ หรือต้องใช้เวทย์มนต์เรียกพระพายให้พัดตัวลอยไปในอากาศ มีนามอื่น ๆ เช่น กามรูปิน (Kāmarūpin) หมายถึงผู้บิดเบือนรูปได้ตามความใคร่ ปริยาวาท (Priyavada) ผู้มีวาจาอ่อนหวาน            วิทยาธร ทำรูปปราศจากปีก มีรูปร่างสวยสง่างาม ล่องลอยอยู่ระหว่างโลกมนุษย์และสวรรค์ ประกอบอยู่กับรูปของเทพเจ้า ตกแต่งตามวัดและเทวาลัย มือถือพระขรรค์ เป็นเครื่องตัดอวิชาและฟาดฟันปีศาจ หรือถือพวงมาลัย (วนมาลา-vanamālā) เป็นเครื่องหมายของชัยชนะ หรือแก้วรัตนะ (ratna) เป็นสัญลักษณ์ บางครั้งปรากฏในรูปครึ่งบนเป็นมนุษย์และครึ่งล่างเป็นนก            ในทางประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าวิทยาธรเป็นคนพวกหนึ่งตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณเขาวินธัยทางทิศใต้ของอินเดียตั้งแต่ดึกดำบรรพ เรียกชาติตนว่าวิทยาธร เพราะเป็นชาติที่ทรงศิลปวิทยาเจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น ชาติวิทยาธรคงเสื่อมสูญนานแล้ว แต่ยังคงปรากฏชื่อเสียงอยู่ในเรื่องนิทานเก่า ๆ คนบางพวกที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาวินธัยทุกวันนี้ คงสืบสายมาจากพวกวิทยาธรไม่มากก็น้อย วิทยาธรมักเกี่ยวข้องกับมนุษย์ โดยมากมักมีใจดี มีนิสัยชอบสตรี มักผิดศีลข้อกาเม หรือเกี่ยวข้องอยู่กับสตรี ภาพประกอบ 1. วิทยาธร ถือช่อมาลา เหาะลอยในอากาศ ดินเผา ศิลปะอินเดีย ภาพจาก musée Guimet, Parisภาพประกอบ 2. วิทยาธร ศิลาสลัก ศิลปะอินเดีย ภาพจาก musée Guimet, Paris ภาพประกอบ 3. วิทยาธร ในท่าเหาะไปในท้องฟ้า งาแกะสลัก ปากีสถาน ภาพจาก British Museumภาพประกอบ 4. วิทยาธร ภาพประกอบสมุดไทย ศิลปะรัตนโกสินทร์ ภาพจาก Asian Art Museum ---------------------------------------เรียบเรียงข้อมูล: นางสาวเด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อ้างอิงจาก 1. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. 2. กถาสริตสาคร (สาครเป็นที่รวมกระแสนิยาย) กถาบิฐ และกถามุข โดย “เสถียรโกเศศ”. องค์การค้าของคุรุสภา, 2507. 3. เจือ สตะเวทิน. ตำรับวรรณคดี. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ, 2522. 4. Liebert, Gosta. Iconographic Dictionary of the Indian Religions Hinduism-Buddhism-Jainism. Leiden: E.J. Brill, 1976. 5. Stutley , Margaret. The illustrated dictionary of Hindu iconography. London : Routledae & Kegan Paul, 1985.


ชื่อผู้แต่ง          พระธรรมคุณาภรณ์ พระวรภักดิ์พิบูลย์และวิเชียร จีรวงส์ ชื่อเรื่อง           ปกิณกคดี นิพพานในความตรึกตรองของข้าพเจ้า โสม ครั้งที่พิมพ์        - สถานที่พิมพ์      พระนคร สำนักพิมพ์        โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ ปีที่พิมพ์          2509 จำนวนหน้า      38   หน้า รายละเอียด            พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางสำเภา บำรุงศรี ณ ฌาปนสถานวัดเขาแก้ว อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบด้วย ประวัติสังเขปนางสำเภา บำรุงศรี ปกิณกคดี โดยพระธรรมคุณาภรณ์ นิพพานในความตรึกตรองของข้าพเจ้า โดยพระวรภักดิ์พิบูลย์และโสม ยาสมุนไพรค่าล้ำของจีน โดยวิเชียร วีรวงศ์ พร้อมภาพประกอบ



          โบราณสถานวัดช้างรอบตั้งอยู่บนเนินเขาลูกรัง นอกกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือที่เป็นเขตอรัญญิกของเมืองกำแพงเพชร ผังของตัววัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปรากฏแนวกำแพงวัดก่อด้วยศิลาแลงเฉพาะด้านทิศตะวันออกและด้านทิศใต้ สิ่งก่อสร้างสำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ ซึ่งรูปแบบการสร้างขององค์เจดีย์ได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์ช้างล้อมในศิลปะสุโขทัย เจดีย์ประธานประกอบด้วยฐานประทักษิณสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีบันไดอยู่ที่กลางด้านทั้งสี่ เพื่อใช้ขึ้นไปถึงลานด้านบนหรือลานประทักษิณ ส่วนของผนังฐานสี่เหลี่ยมของเจดีย์ประธานประดับประติมากรรมรูปช้างปูนปั้นจำนวน ๖๘ เชือก ลักษณะของงานประติมากรรมรูปช้างปรากฏเฉพาะส่วนหัวและสองขาหน้าโผล่พ้นจากฐานประทักษิณ มีการประดับลวดลายปูนปั้นที่บริเวณแผงคอ มงกุฎที่ส่วนหัว กำไลโคนขาและข้อเท้า ผนังระหว่างช้างแต่และเชือกตกแต่งลายปูนปั้นนูนต่ำรูปพันธุ์พฤกษา โดยลวดลายปูนปั้นรูปใบระกาที่ปรากฏบนแผงคอประติมากรรมรูปช้างมีความคล้ายคลึงกับลายชายผ้าของเทวรูปพระอิศวรสำริด ที่พบยังเมืองกำแพงเพชร ซึ่งมีจารึกที่ระบุปี พ.ศ. ๒๐๕๓ จึงสามารถกำหนดอายุด้วยวิธีการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบทางศิลปกรรม (Comparative dating) ได้ว่าเจดีย์ประธานวัดช้างรอบแห่งนี้น่าจะสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑           ชานบันไดแต่ละด้านประดับสิงห์และทวารบาลปูนปั้น บันไดด้านบนสุดที่เข้าสู่ลานประทักษิณทำเป็นซุ้มประตูมีหลังคายอดเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ส่วนของลานประทักษิณก่ออิฐเป็นกำแพงเตี้ย ๆ ล้อมรอบและเชื่อมต่อซุ้มประตูทั้ง ๔ ด้าน ทั้งสี่มุมของลานประทักษิณมีฐานเจดีย์ขนาดเล็ก พบหลักฐานส่วนยอดที่หักเป็นเจดีย์ทรงกลีบมะเฟือง           ส่วนของเจดีย์ที่อยู่เหนือชั้นฐานประทักษิณคงเหลือเฉพาะชั้นหน้ากระดานแปดเหลี่ยมและชั้นหน้ากระดานกลม ส่วนองค์ระฆังขึ้นไปพังทลายหมดแล้ว ที่ชั้นหน้ากระดานกลมเหนือฐานแปดเหลี่ยมมีช่องรอบองค์เจดีย์และประดับภาพปูนปั้นเล่าเรื่องพุทธประวัติ เช่น ตอนเจ้าชายสิทธัตถะทรงประลองศร เป็นต้น โดยภาพปูนปั้นเหล่านี้ มีลักษณะพิเศษคือการใช้สีดำร่างลายเส้นรูปภาพก่อน แล้วจึงใช้ปูนปั้นทับลายเส้นภายหลัง ส่วนบริเวณด้านล่างของภาพปูนปั้นมีการประดับด้วยประติมากรรมดินเผารูปหงส์และกินรี           ด้านหน้าเจดีย์ประธานมีฐานวิหารผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายในวิหารปรากฏแนวแท่นอาสนสงฆ์และฐานประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน เสารองรับเครื่องบนเป็นเสาศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยม หลังคาแต่เดิมมุงด้วยกระเบื้องดินเผา โดยพบหลักฐานโบราณวัตถุประเภทกระเบื้องดินเผาแบบกาบกล้วยและกระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวและลายเทพพนม กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ - ๒๒ ถัดไปทางด้านหน้าวิหารเป็นสระรูปสี่เหลี่ยมที่ขุดตัดลงไปในชั้นศิลาแลงเพื่อนำศิลาแลงมาใช้ในการก่อสร้างอาคาร ส่วนอุโบสถอยู่เยื้องวิหารไปทางทิศเหนือ มีใบเสมาทำจากหินชนวนปักโดยรอบ ตัวอาคารก่อด้วยศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฐานอุโบสถก่อเป็นฐานหน้ากระดานสี่เหลี่ยมมีบันไดทางด้านหน้าเพียงแห่งเดียว บนอาคารอุโบสถปรากฏร่องรอยของฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นซึ่งปัจจุบันเหลือเฉพาะส่วนโกลนของหน้าตัก เจดีย์ทรงระฆังที่มีการประดับประติมากรรมรูปช้างล้อมรอบฐานของเจดีย์ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า เจดีย์ช้างล้อม นั้น นิยมสร้างกันมากในสมัยสุโขทัย อาทิ วัดช้างล้อมแห่งเมืองศรีสัชนาลัย วัดช้างล้อมและวัดสรศักดิ์ แห่งเมืองสุโขทัย เป็นต้น สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลทางศิลปกรรมและคติการสร้างเจดีย์ช้างล้อม จากการติดต่อสัมพันธ์ทางด้านพระพุทธศาสนาผ่านทางเมืองนครศรีธรรมราช ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๒๙ – ๓๑ ความว่า “...สังฆราชปราชญ์เรียนจบปิฎกไตร หลวักกว่าปู่ครูในเมืองนี้ ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา…” และจากหลักฐานการติดต่อสัมพันธ์ทางด้านพระพุทธศาสนากับศรีลังกา ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ ๓ จารึกนครชุม ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๕๑ – ๕๘ ความว่า “…หมทลาประดิษฐานไว้ด้วยพระบาทลักษณะหั้นพระบาทลักษณะนั้นไซร้ พระยาธรรมิกราชให้ไปพิมพ์เอารอยตีน…..พระเป็นเจ้าเถิงสิงหลอันเหยียบเหนือจอมเขาสุมนกูฏบรรพต ประมานเท่าใดเอามาพิมพ์ไว้ จุ่งคนทั้งหลายแท้…อันหนึ่งประดิษฐานไว้ในเมืองศรีสัชชนาลัยเหนือจอมเขา…อันหนึ่งประดิษฐานไว้ในเมืองสุโขไทยเหนือจองเขาสุมนกูฏ อันหนิค่งประดิษฐานไว้ในเมืองบางพานเหนือจอมเขานางทอง อันหนึ่งประดิษฐานไว้เหนือ จอมเขาที่ปากพระบาง จารึกก็ยังไว้ด้วยทุกแห่งฯ...”           ลักษณะการสร้างวัดช้างรอบ ที่เจดีย์ประธานมีประติมากรรมรูปช้างประดับโดยรอบนั้น สันนิษฐานว่ามีแนวคิดหลักมาจากคติเรื่องศูนย์กลางจักรวาล โดยสื่อว่าเจดีย์ประธานทรงระฆังคือเขาพระสุเมรุ ซึ่งมีองค์ประกอบที่ใช้ประดับตกแต่งโดยรอบคือสัญลักษณ์ที่ใช้เปรียบเทียบเป็นส่วนต่าง ๆ โดยรอบเขาพระสุเมรุ เช่น ช้างที่มีหน้าที่แบกหรือค้ำจุนเขาพระสุเมรุที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นต้น ----------------------------------------ที่มาของข้อมูล : อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ----------------------------------------เอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร. กรุงเทพฯ: บริษัทบางกอกอินเฮ้าส์จำกัด, ๒๕๖๑. ประทีป เพ็งตะโก. “กระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๒๕๔๐. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะสุโขทัย: บทวิเคราะห์หลักฐานโบราณคดี จารึกและศิลปกรรม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สมาพันธ์, ๒๕๖๓. อนันต์ ชูโชติ. “เจดีย์วัดช้างรอบ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร.” สาระนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๒๕๒๓.


***บรรณานุกรม***     ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ     ปีที่ 16(7)      ฉบับที่ 648(242)    วันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2534




อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา กับคำวินิจฉัยของพระยาโบราณราชธานินทร์          พระยาโบราณราชธานินทร์เรียบเรียงขึ้นเพื่อทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในการพระราชพิธีทรงบวงสรวงอดีตมหาราชเจ้าที่พระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๒ ตอน คือ เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา และ และพรรณนาถึงภูมิสถานพระนครศรีอยุธยา  ต่อมาพิมพ์รวมในหนังสือประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๓   


ชื่อเรื่อง : ไกลบ้าน เล่ม 1-2 พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชื่อผู้แต่ง : จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว,พระบาทสมเด็จพระ ปีที่พิมพ์ : 2497 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภา จำนวนหน้า : 1,082 หน้าสาระสังเขป : หนังสือไกลบ้าน เล่ม 1-2 พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเล่มนี้ กล่าวถึงการเสด็จไปยุโรปครั้งหลัง ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพรรณาถึงสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทอดพระเนตรเห็น และกิจการที่ทรงทราบ รวมทั้งกระแสพระราชวินิจฉัยในเรื่องนั้น ๆ พรรณาว่าด้วยถิ่นฐานบ้านเมือง แลบรรยายถึงขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของนานาประเทศ





          สืบเนื่องจากบทความเรื่อง การดำเนินงานทางโบราณคดีโบราณสถานวัดเขาพระบาทใหญ่ (ต.ต. 45) ก่อนหน้าที่ทางแอดมินเพจอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้เผยแพร่ไป ซึ่งได้เกริ่นถึงรอยพระพุทธบาทที่วัดเขาพระบาทใหญ่ไว้ว่า เมื่อ พุทธศักราช 1902 พระมหาธรรมราชาลิไททรงโปรดฯ ให้จำลองแบบรอยพระพุทธบาทจากเขาสุมนกูฏ ประเทศศรีลังกา และสร้างรอยพระพุทธบาทประดิษฐานไว้ ณ ยอดเขาสุมนกูฏ (เขาพระบาทใหญ่) บริเวณทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองสุโขทัย ในครั้งนี้ทางเพจอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยจะขอนำเสนอความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาท อันถือเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่พบจากเขาพระบาทใหญ่          รอยพระพุทธบาทได้ประดิษฐานไว้ ณ ฐานประดิษฐานรอยพระพุทธบาททางทิศตะวันตกของวิหารวัดเขาพระบาทใหญ่ จนกระทั่งเมื่อพุทธศักราช 2470 ท่านเจ้าคุณโบราณวัตถาจารย์ ได้เล็งเห็นว่า หากยังคงประดิษฐานรอยพระพุทธบาทไว้ที่บนเขาวัดพระบาทใหญ่ในที่เดิมต่อไป อาจถูกผู้ร้ายทุบแตกทำลาย หรือทำให้เสียหายได้ จึงเกณฑ์ชาวบ้านและพระเณรบ้านธานี และบ้านเมืองเก่า อัญเชิญพระพุทธบาทศิลาลงมาจากเขาพระใหญ่ โดยใช้แรงคนจำนวนมากชักลากด้วยความระวัง คือ ใช้หม่อนไม้ท่อนกลม ๆ หลายอันเป็นหมอนลูกกลิ้งมีไม้กระดานรองรอยพระพุทธบาท ใช้เชือกที่ทำด้วยหนังสัตว์ขันชะเนาะ 3 สาย ขึงตรึงไว้กับต้นไม้ ค่อย ๆ ปล่อยเชือกประคองพระพุทธบาทลงมา แล้วจึงใส่ล้อเกวียนนำไปประดิษฐานไว้ที่มณฑปกลางน้ำในวัดตระพังทองดังปรากฏเช่นในปัจจุบัน          รอยพระพุทธบาทมีลักษณะเป็นรอยพระพุทธบาทข้างขวา จำหลักหินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้าง 202 เซนติเมตร ยาว 207 เซนติเมตร บริเวณภายในกรอบหินที่สลักเป็นพระบาทพุทธบาทมีขนาดความกว้าง (วัดจากขอบนอกนิ้วหัวแม่เท้าถึงขอบนอกของนิ้วก้อย) 58 เซนติเมตร ยาว (วัดจากปลายสุดของนิ้วกลางถึงปลายสุดของส้นพระบาท) 131 เซนติเมตร ตรงกลางรอยฝ่าพระพุทธบาทสลักเป็นธรรมจักรขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 21 เซนติเมตร และสลักเป็นตารางสี่เหลี่ยมเป็นช่อง ๆ อยู่โดยรอบธรรมจักร แกะสลักภายในเป็นภาพเขียนมงคล 108 ประการอยู่ภายใน ลักษณะการของการจัดวางลวดลายมงคล 108 ประการ ที่บรรจุอยู่ในช่องตาราง และเว้นที่ตรงกลางพระบาทสำหรับลวดลายธรรมจักรนี้ มีความคล้ายคลึงกับรอยพระพุทธบาทบาทที่พบในพุกาม ประเทศเมียนมาร์          บริเวณพื้นที่ส่วนล่างขนาบข้างทางด้านซ้ายของรอยพระพุทธบาท สลักเป็นภาพพระพุทธสาวกยืนพนมมือถือช่อดอกไม้หันหน้าเข้าหารอยพระพุทธบาท ซึ่งแสดงออกถึงการกราบไหว้ บูชารอยพระพุทธบาทอย่างนอบน้อมคารวะ ความสูงของพระพุทธสาวกเฉพาะส่วนองค์ (จากเศียรถึงพระบาท) 40 เซนติเมตร โดยพระพุทธสาวกยืนอยู่บนแท่นขนาดกว้าง 15 เซนติเมตร สูง 9 เซนติเมตร          บริเวณพื้นที่ส่วนล่างขนาบข้างทางด้านขวาของรอยพระพุทธบาท สลักเป็นภาพพระอิศวรยืนย่อองค์อ่อนน้อมพนมมือถือดอกไม้หันหน้าเข้าหารอยพระพุทธบาท พระอิศวรมีขนาดความสูงเท่ากันกับภาพพระพุทธสาวก องค์พระอิศวรทรงสวมมงกุฎ สร้อยสังวาล เครื่องประดับต่าง ๆ มากมาย          ส่วนบริเวณขอบแผ่นศิลาของรอยพระพุทธบาทแกะสลักเป็นรูปดอกจันทร์เรียงกันเป็นขอบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อไปกับขอบแผ่นศิลา ด้านยาวมีดอกจันทร์ด้านละ 35 ดอก ด้านกว้างมีดอกจันทร์ด้านละ 19 ดอก รวมทั้งสี่ด้านมีจำนวน 108 ดอก          การสร้างรอยพระพุทธบาทไว้บนเขาสุมนกูฏของพระมหาธรรมราชาลิไทเป็นการจำลองมาทั้งลักษณะรูปแบบของรอยพระพุทธบาท และชื่อเขาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท แสดงให้เห็นถึงการเน้นย้ำว่ารอยพระพุทธบาทมีความสำคัญ อันประดิษฐานอยู่บนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คือเขาสุมนกูฏดังเช่นที่ประเทศศรีลังกา อีกทั้งยังแสดงถึงการรับคติพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ อันสัมพันธ์กับหลักฐานการรับพุทธศาสนาประเภทอื่น ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ด้วย เช่น การปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ คติเรื่องเจดีย์ช้างล้อม เจดีย์ทรงลังกา เป็นต้น ดังนั้นเขาพระบาทใหญ่จึงถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองสุโขทัย ซึ่งมีความสำคัญทั้งในแง่ของการเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ผู้คนสามารถใช้ประโยชน์ได้ และในแง่ของการเป็นเขตพุทธสถานบนเขาตามคติพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ของเมืองสุโขทัยด้วย------------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูลโดย นายสุเมธ สารีวงษ์ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย------------------------------------------------สามารถอ่านหรือดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่ https://drive.google.com/.../10l0fRTLev.../view... อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาท หนังสือที่ระลึกพระราชพิธียกจุลมงกุฏและสมโภชพระพุทธบาทจังหวัด สระบุรี พุทธศักราช 2542. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2542. นันทนา ชุติวงศ์. รอยพระพุทธบาทในศิลปะเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ, 2533. . ติดตามข้อมูลอื่นๆได้ที่เพจอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย https://www.facebook.com/skt.his.park หรือให้คำแนะนำข้อมูลได้ที่โพสต์ต้นฉบับ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3920864161299396&id=180332008685982


เศียรพระพุทธรูปหินทรายพบที่วัดพระแก้ว กลางเมืองกำแพงเพชร เป็นงานที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมรและศิลปะสุโขทัยผสมผสานกันอย่างงดงาม ลักษณะพระพักตร์รูปไข่แบบพระพุทธรูปสุโขทัย ขมวดพระเกศาเล็ก พระอุษณีษะเป็นต่อมนูนใหญ่ พระรัศมีหายไป มีไรพระศกอยู่เหนือพระนลาฏ พระขนงโก่ง พระเนตรเรียวเหลือบลงต่ำ พระนาสิกโด่ง ปลายพระนาสิกงุ้มเล็กน้อย พระโอษฐ์มีเส้นขอบสองชั้นทำให้ดูคล้ายมีพระมัสสุอยู่เหนือพระโอษฐ์ พระพักตร์แสดงอาการยิ้มเล็กน้อย ไม่เคร่งขรึมตามแบบพระพุทธรูปศิลปะเขมรทั่วไป ถือเป็นเศียรพระพุทธรูปหินทรายที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดที่มีการค้นพบจากบริเวณเมืองกำแพงเพชร เอกสารอ้างอิง - กรมศิลปากร. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร. กรุงเทพฯ : รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๕๗. - กรมศิลปากร. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ : สมาพันธ์, ๒๕๕๒. เรียบเรียงโดยนางสาวมาริษา เสนอิ่ม  พนักงานประจำห้องพิพิธภัณฑ์อย่าลืมสแกน QR-Code แผ่นพับเรื่องเศียรพระพุทธรูปหินทรายด้วยนะคะ


เลขทะเบียน : นพ.บ.110/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  72 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 61 (179-187) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : พระเจ้า 28 พระองค์--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


black ribbon.