ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,784 รายการ






     มหามกุฏราชสันตติวงศ์ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ “นางหนูลูกรำเพย” ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราชที่ประสูติแต่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๓๙๘ เป็นพระขนิษฐาร่วมพระครรโภทรพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว      มีพระยศแต่แรกประสูติคือ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล เป็นพระราชธิดาลำดับที่สิบหกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และลำดับที่สองในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระองค์มีพระเชษฐาและพระอนุชา คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี และสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พุทธศักราช ๒๔๐๕ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าสถาปนา พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล ขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี ทรงรักใคร่เจ้าฟ้าจันทรมณฑลอย่างมาก กล่าวกันว่าพระบรมชนกนาถทรงเลี้ยงดูด้วยพระองค์เอง เวลาเสด็จไปไหนก็ทรงอุ้มหรือวางไว้บนตัก หากเวลาเสวยน้ำนมก็จะให้พระพี่เลี้ยงบีบจากถันลงถ้วยน้ำชา แล้วทรงป้อนด้วยช้อนทองขนาดเล็ก เมื่อเจริญวัยขึ้นก็ร่วมเสวยพระกระยาหารทุกวันโดยพระบิดาจะให้ประทับบนตักแล้วทรงป้อนกระยาหารให้ เมื่อจะเสด็จประพาสไปที่ใดก็จะมีเจ้าฟ้าจันทรมณฑลติดตามไปด้วยเสมอ ชาววังล้วนรักใคร่สรรเสริญ และเรียกพระองค์ว่า "ฟ้าหญิง" และปรากฏในพระราชหัตถเลขาของพระราชบิดาเรียกพระองค์ว่า "นางหนูลูกรำเพย" (รำเพยคือพระนามของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี)      แอนนา ลีโอโนเวนส์บันทึกไว้ว่า “สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงองค์น้อยผู้งดงามราวเทพธิดา ทรงเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของพระองค์หญิงละม่อมและสมเด็จพระราชบิดามาก ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระราชบิดามักโปรดให้ประทับอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเวลาเสวยพระกระยาหาร โปรดให้ประทับบนพระเพลา และโปรดให้ตามเสด็จพระราชดำเนินไปไกล ๆ ถึงอยุธยา” สมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑล เป็นพระราชกุมารีที่เฉลียวฉลาด ขณะที่พระองค์มีพระชนมายุเพียง ๓ ชันษาก็ทรงเรียนรู้วรรณคดีไทยอย่างดี เมื่อเริ่มทรงพระอักษรภาษาอังกฤษกับแอนนา ลีโอโนเวนส์ ก็โปรดปรานทรงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและสามารถตรัสได้อย่างคล่องแคล่วในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน      ขณะที่สมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดีมีพระชันษาได้เพียง ๘ ปี ได้เกิดอหิวาตกโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในกรุงเทพมหานคร อหิวาตกโรคได้ระบาดเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง นางทาสในตึกที่ประทับของสมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑลได้ล้มเจ็บและตายพร้อมกันสามคน ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาสมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑลเองก็ประชวร และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๐๖ สร้างความโศกาอาดูรแก่พระราชบิดายิ่งนัก ลีโอโนเวนส์ได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ไว้ว่าเมื่อเธอไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว "ก็พบพระองค์ยกพระหัตถ์ทั้งสองปิดพระพักตร์กันแสงอยู่ผู้เดียว ทรงตรัสเรียกพระธิดาด้วยถ้อยคำอ่อนโยน"      พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้จัดพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี ณ พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๐๖ (นับปีตามแบบเก่า) ออกพระเมรุพร้อมกับพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้ากนิษฐน้อยนารี พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๒      ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นพระเชษฐาร่วมพระชนนี โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอัฐิขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๒๗   อ้างอิง ศิลปากร, กรม. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ ๑๔ .กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค.ลาดพร้าว, ๒๕๕๔. สุภัตรา ภูมิประภาสและสุภิดา แก้วสุขสมบัติ (แปล). อ่านสยามตามแอนนา : การบ้านและการเมืองใน         ราชสำนักคิงมงกุฎ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๖๒.  เรียบเรียง : ณัฐพล  ชัยมั่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี



   สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของเอกสารประวัติศาสตร์เรื่อง “เอกสารเสด็จตรวจราชการเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ร.ศ. ๑๑๙ - ๑๓๑ (พ.ศ. ๒๔๔๓ - ๒๔๕๕ )” ซึ่งเป็นเอกสารที่ต่อเนื่องจากหนังสือเรื่อง “เอกสารเสด็จตรวจราชการเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ร.ศ. ๑๑๑ - ๑๑๗  (พ.ศ. ๒๔๓๕ - ๒๔๔ ๑)” จึงดำเนินการตรวจสอบและจัดพิมพ์เพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นที่ปรากฏสืบไป


ชื่อเรื่อง                         ตำนานธาตุพนม (พื้นธาตุพนม)       สพ.บ.                           384/1ค หมวดหมู่                       พุทธศาสนา ภาษา                           บาลี/ไทยอีสาน หัวเรื่อง                         พุทธศาสนา                                  พระธาตุพนม ประเภทวัสดุ/มีเดีย            คัมภีร์ใบลาน ลักษณะวัสดุ                   16 หน้า : กว้าง 5.5 ซม. ยาว 58.5 ซม.  บทคัดย่อ เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


          พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีความรักและใส่ใจเรื่องภาษาไทยอย่างยิ่ง ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ใช้ภาษาไทยที่ดีทั้งการพูดและการเขียน ในการแสดงปาฐกถาเกี่ยวกับภาษาไทยแต่ละครั้ง ท่านจะเน้นย้ำให้ทุกคนตระหนักในคุณค่า และ ความสำคัญของภาษาไทยเสมอ ดังปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ภาษาไทย ภาษาแม่” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ ความว่า “คนไทยที่เกิดและอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ ย่อมรักและหวงแหนแผ่นดินเกิดของตน มีหน้าที่ทำความดีเพื่อทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน การหวงแหนรักษาภาษาไทย ก็เป็นหน้าที่และเป็นการทดแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน” และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภาษาไทย ของเรา” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ ความว่า “ภาษาไทยเป็นเครื่องแสดงเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นเครื่องแสดงความเป็นเอกราช แสดงวัฒนธรรมของชาติที่ได้สั่งสมมานานหลายศตวรรษ และเป็นสมบัติล้ำค่าซึ่งคนไทยต้องรักษา ดูแล และพัฒนาให้รุ่งเรืองอย่างมั่นคงตลอดไป”          นอกจากนี้ ท่านยังเห็นว่าภาษาถิ่นและประเพณีของภาคต่าง ๆ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ดังปรากฏในปาฐกถาพิเศษเรื่อง “วัฒนธรรมไทย สมบัติไทย” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ ความว่า “ สำหรับบ้านเรากล่าวได้ว่า ภาษาถิ่นบ้านเรามีอยู่สามภาษาด้วยกัน คือ ภาษาเหนือ ภาษาอีสาน และ ภาษาใต้ ภาษาถิ่นเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงสภาพสังคม ลักษณะนิสัยตลอดจนประเพณีการละเล่นของถิ่นนั้น ๆ ได้ชัดเจน ภาษาถิ่นเป็นภาษาที่น่าสนใจมาก ควรแก่การศึกษาอย่างยิ่ง เพราะเป็นภาษาที่เราน่าจะอนุรักษ์และดำรงไว้ให้ยั่งยืนควบคู่กับภาษากลาง ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ...” ประการสำคัญ ท่านเห็นว่าการรักษาภาษานอกจากเป็นการรักษาชาติแล้ว ยังแสดงถึงการสืบสาน พระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยภาษาของชาติว่าเป็นวัฒนธรรมสำคัญที่จะต้องทำนุบำรุงและรักษาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป           ทั้งนี้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ แนะนำว่าการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องนั้น ผู้ใช้ภาษาควรศึกษาภาษาไทยให้เข้าใจและหมั่นฝึกฝนทั้งการพูดและการเขียน โดยออกเสียงให้ถูกต้อง ใช้คำให้ถูกความหมาย เรียงคำให้ถูกหลักไวยากรณ์ ฯลฯ เพื่อให้สื่อสารเข้าใจตรงกันและใช้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการดำรงตนเป็นคนไทย ------------------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นายบัณฑิต พูนสุข นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์------------------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง- กระทรวงวัฒนธรรม. จารึกไว้ในแผ่นดิน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธาน องคมนตรีและรัฐบุรุษ. กรุงเทพฯ: บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด, ๒๕๖๒. มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์. วัฒนธรรมไทย สมบัติไทย - ปาฐกถาพิเศษของ มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ โดยฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ ประธาน กิตติมศักดิ์ มูลนิธิ. กรุงเทพฯ: คณะอนุกรรมการส่งเสริมกิจกรรมและประชาสัมพันธ์, ๒๕๓๗. มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์. ความสำคัญของภาษาไทยในรายการโทรทัศน์ ปาฐกถาพิเศษโดย ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลา นนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ. กรุงเทพฯ : คณะอนุกรรมการ ส่งเสริมกิจกรรมและประชาสัมพันธ์, ๒๕๓๘.



ชื่อเรื่อง                                สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (วิภังค์-มหาปัฏฐาน) สพ.บ.                                  377/3กประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           24 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                 ธรรมเทศนา บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทย-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ-ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


สมอ (ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Terminalia chebula Retz.) เป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นชนิดหนึ่งในแถบเอเชียใต้ ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ มีความสูง ๒๐ – ๓๐ เมตร ออกดอกสีขาวอมเหลืองในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน ผลรูปรีหรือกลม ผิวเกลี้ยง ผลแก่จะมีสีเขียวอมเหลืองหรือสีเขียวปนน้ำตาลแดง สรรพคุณทางยาของสมอเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นผล ดอก หรือเปลือกลำต้นก็สามารถนำไปใช้รักษาโรคได้ โดยผลสมอมีฤทธิ์เป็นยาระบาย แก้อาการท้องร่วง ท้องผูก และริดสีดวงทวาร รวมถึงช่วยให้ชุ่มคอ แก้อาการเจ็บคอ ละลายและขับเสมหะด้วย ขณะที่ดอกสมอใช้รักษาโรคบิดได้ ส่วนเปลือกลำต้นใช้ขับปัสสาวะ ขับน้ำเหลืองเสีย และบำรุงหัวใจเนื่องจากเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยารักษาโรคมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล สมอจึงมีบทบาทอยู่ในเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาหลายเรื่อง อาทิ ในพุทธประวัติภายหลังที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วและประทับเสวยวิมุติสุขเป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ ๗ ประทับเสวยวิมุติสุขใต้ต้นราชายตนพฤกษ์ (ต้นเกด) เป็นเวลา ๗ วัน พระอินทร์หรือท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่าตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็มิได้เสวยพระกระยาหารมาเป็นเวลา ๔๙ วันแล้ว จึงได้นำผลสมออันเป็นทิพยโอสถมาถวายแด่พระพุทธเจ้า นอกจากพุทธประวัติตอนดังกล่าวแล้ว ยังมีชาดกเกี่ยวกับสมออีกเรื่องหนึ่ง คือ เมื่อครั้งพระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพระหรีตกิทายกเถระได้ถวายผลสมอแด่พระสยัมภูพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง) ทำให้ทรงบรรเทาอาการอาพาธลง ผลแห่งเภสัชทานนี้ทำให้พระองค์ไม่ประชวรอีกเลย และด้วยสรรพคุณทางยานี่เองผลสมอจึงเป็นโอสถที่ได้รับพระบรมพุทธานุญาตจากพระพุทธเจ้าให้ฉันหลังเพลได้ในเวลาจำเป็นจะเห็นว่ามีการใช้สมอเป็นยารักษาโรคมาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งยังมีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวทางพุทธศาสนาด้วย ผลสมอจึงเป็นไม้ผลอย่างหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในงานพุทธศิลป์ ดังเช่น พระพุทธรูปปางฉันสมอ ซึ่งเป็นปางหนึ่งที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงคัดเลือกจากพุทธประวัติให้ช่างสร้างเป็นพระพุทธรูปขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกได้ว่าสมอเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีความเกี่ยวพันกับคนในอดีตทั้งในด้านวิถีชีวิตและความเชื่อความศรัทธามาช้านาน  


เลขทะเบียน : นพ.บ.160/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  52 หน้า ; 4 x 50.5 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 96 (27-34) ผูก 5 (2565)หัวเรื่อง : ปริวารปาลิ(ปาลีปริวาน) --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)  ชบ.บ.40/1-7  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มหานิปาตวณฺณนา(ทสชาติ) ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (สุวณฺณสาม,มโหสถ,วิธูร,เนมิราชชาตก)  ชบ.บ.105.7ค/1-1  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


black ribbon.