ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ
วัสดุ หินทราย
แบบศิลปะ ศิลปะทวารวดี
อายุสมัย อายุราวต้นพุทธศตวรรษที่ 13-15 (ประมาณ 1,100–1,300 ปีมาแล้ว)
สถานที่พบ พบที่บ้านเมืองไพร ตำบลเมืองไพร อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
หินทรายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แกะลายรูปเครื่องประดับ รูปครึ่งวงกลม ลายดอกบัวก้านยาว ลายใบโพธิ์มีห่วงด้านบน ลายใบไม้สามเหลี่ยม และลายลูกกระพรวนทรงกลม ด้านบนมีห่วง ส่วนด้านหลังแกะลายดอกไม้ หรือลายประจำยาม และลายเรขาคณิต แม่พิมพ์แต่ละอันต่อกับร่องหรือก้านสำหรับเทน้ำโลหะ
ลักษณะเป็นแม่พิมพ์แบบประกบกัน 2 ชิ้น ใช้หล่อเครื่องประดับในชีวิตประจำวันซึ่งทำมาจากทอง เงิน ดีบุก เช่น ตุ้มหู และเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ รูปแบบของเครื่องประดับเหล่านี้ แม้จะเริ่มทำมาตั้งแต่สมัยฟูนันราวพุทธศตวรรษที่ 8 แล้วก็ตาม แต่ความเปลี่ยนแปลงทางด้านรูปแบบนั้นมีน้อยมาก
ห้องเมืองยุทธหัตถี
การรบบนหลังช้างหรือการกระทำยุทธหัตถี ถือว่าเป็นการศึกที่ยิ่งใหญ่ของชนชั้นปกครองในดินแดนที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากอินเดีย คือ ลังกา และเอเชียอาคเนย์ การสู้รบบนหลังช้างที่เก่าแก่และรู้จักกันดีปรากฏในคัมภีร์มหาวงศ์ของลังกา เป็นการกระทำยุทธหัตถีระหว่างพระเจ้าทุฎฐคามณีอภัยกษัตริย์ลังกา กับพระเจ้าเอฬารทมิฬกษัตริย์ทมิฬ ซึ่งพระเจ้าทุฎฐคามณีอภัยทรงมีชัยชนะ
ในประวัติศาสตร์ไทย การสงครามบนช้างเกิดขึ้นหลายครั้ง นับตั้งแต่สุโขทัยครั้งที่พ่อขุนบางกลางหาว ขับไล่ขอมออกจากกรุงสุโขทัย, เจ้าศรีศรัทธาราชจุฬามณีสู้รบกับขุนจังและท้าวอีจาน และครั้งที่สำคัญคือคราวที่พ่อขุนรามคำแห่งทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด
ในสมัยอยุธยานั้น เหตุการณ์สู้รบบนหลังช้างมีหลายครั้งด้วยกัน คือ ครั้งที่เจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา พระราชโอรสในสมเด็จพระนครินทราชาธิราช ทรงชนช้างเพื่อชิงราชสมบัติ และสิ้นพระชนม์บนคอช้างทั้งสองพระองค์, ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระอินทราชาพระราชโอรสชนช้างกับหมื่นดั้งนคร, ในสงครามพระยาเชลียงยกทัพเข้าตีเมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖, ในสงครามกับพม่า พ.ศ. ๒๐๙๑ ระหว่างสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กับพระเจ้าแปร ซึ่งในครั้งนั้น สมเด็จพระสุริโยทัยทรงปลอมพระองค์เป็นชายเข้าช่วยพระสวามี ทำให้สิ้นพระชนม์บนคอช้าง และครั้งสุดท้ายซึ่งถือว่าเป็นยุทธหัตถีครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อพ.ศ. ๒๑๓๕ เป็นการสู้รบระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี เหตุการณ์ในครั้งนั้น พระมหาอุปราชายกทัพมาทางด่านเจดีย์สามองค์ สมเด็จพระนเรศวรทรงรับสั่งให้กองทัพที่จะยกไปตีเขมร ให้ไปตั้งมั่นที่ป่าโมกเพื่อรอกองทัพหลวงที่จะไปเมืองสุพรรณบุรี และรับสั่งให้พระยาศรีไสยณรงค์และพระราชฤทธานนท์ยกกองทัพหัวเมืองไปขัดตาทัพข้าศึกที่ลำน้ำบ้านคอย แขวงเมืองสุพรรณบุรี เมื่อกองทัพหลวงยกมาถึงเมืองสุพรรณบุรีที่บ้านสามโก้ ข้ามลำน้ำสุพรรณบุรีที่ท่าท้าวอู่ทองถึงค่ายหลวงที่หนองสาหร่าย กองทัพพระยาศรีไสยณรงค์ปะทะกองทัพพม่าที่ดอนเผาข้าว กองทัพไทยแตกร่น สมเด็จพระนเรศวรทรงช้างพระที่นั่งไชยานุภาพหรือพลายภูเขาทอง และสมเด็จพระเอกาทศรถทรงช้างเจ้าพระยาปราบไตรจักร หรือพลายบุญเรือง ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ตกมันวิ่งไล่เข้าไปอยู่ท่ามกลางข้าศึก สมเด็จพระนเรศวรทรงท้าพระมหาอุปราชากระทำยุทธหัตถี พระมหาอุปราชาทรงช้างพลายพัทธกอ ช้างทรงพระมหาอุปราชาดันช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชถอยเบนไป พระมหาอุปราชาจึงจ้วงฟันด้วยของ้าว ถูกพระมาลาเบี่ยงไป ขณะนั้นช้างพระที่นั่งถอยมาถึงจอมปลวกแห่งหนึ่ง จึงมีกำลังยันดันช้างของพระมหาอุปราชาเบนไป ได้ล่างแบกถนัดสมเด็จพระนเรศวรได้ทีจึงจ้วงฟันพระมหาอุปราชาด้วยพระแสงของ้าว สิ้นพระชนม์บนคอช้าง ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถทรงชนช้างชนะแม่ทัพมังจาปะโร กรุงศรีอยุธยาจึงได้ชัยชนะ ซึ่งในครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างพระเจดีย์ไว้องค์หนึ่ง ครั้นล่วงมาในกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงดำริอยากเห็นเจดีย์ยุทธหัตถีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างขึ้น จึงมีรับสั่งให้พระยาสุพรรณบุรี (อี้ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรีในขณะนั้นไปสืบหาเจดีย์องค์นี้
ต่อมาพระยาสุพรรณบุรีได้พบเจดีย์ยุทธหัตถีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๔๔๖ และทำรายงานขึ้นถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อแรกพบนั้นพระเจดีย์มีลักษณะเป็นเนินดินสูง มีต้นไม้ปกคลุมทั่วไป เมื่อถากถางแล้ว ปรากฏเป็นเจดีย์ทรงเหลี่ยม บนฐานก่ออิฐ ๓ ชั้น ขนาดกว้างประมาณ ๑๐ วา ส่วนยอดพังลงมา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งพระองค์ทรงให้ความสนพระทัยและได้มีพระอุตสาหะเสด็จฯไปนมัสการเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๕๖ และมีพระราชดำริให้บูรณะ โดยโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรออกแบบ แต่การบูรณะไม่แล้วเสร็จในสมัยของพระองค์ การบูรณะพระเจดีย์ยุทธหัตถีดังกล่าวเริ่มขึ้นอีกครั้งในสมัยรัชกาลปัจจุบันพ.ศ. ๒๔๙๕ แล้วเสร็จในพ.ศ. ๒๕๐๐ พร้อมกับการสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เจดีย์ยุทธหัตถีในปัจจุบันมีความสูงทั้งสิ้น ๖๖.๐ เมตร เป็นเจดีย์ทรงกลมออกแบบสร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้
วันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒เวลา ๐๙.๓๐ น.คณะคุณครูและนักเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลบงเหนือ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร จำนวน ๑๗๕ คนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียงโดยมีนางสาวปวีณา พัดภูเขียว นายสุพัฒน์ สุทธิบุญ เป็นวิทยากรนำชม
งานแถลงข่าวราชรถพระนำและราชรถ อัญเชิญพระศพสมเด็จพระสังฆราช ในวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2558
พิธีบวงสรวงอัญเชิญราชรถ ในวันพฤหัสบดีที่ 26พฤศจิกายน 2558
ณ สำนักช่างสิบหมู่ พุทธมณฑลสาย 5 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช (พ.ศ.๒๐๕๔) มีการเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง คือ ไข้ทรพิษ บริเวณหมู่บ้านโปรตุเกส ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว ๓,๐๐๐ คน ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนี้ด้วย มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมากนับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวโปรตุเกสในสมัยอยุธยา ทั้งนี้เนื่องจากในสมัยนั้นวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ทันสมัยพอ ประกอบกับจากการศึกษาวิจัยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗
โดย ดร.นพ.สุด แสงวิเชียร จากโรงพยาบาลศิริราช ได้ทำการวิจัยโครงกระดูกจากหลุมฝังศพในหมู่บ้านโปรตุเกสพบว่ามีโครงกระดูกที่มีรูพรุนจากหนองที่เจาะกระดูกของบาทหลวงและชาวโปรตุเกสในนั้น
เรียบเรียงโดย
นายวุฒิพันธุ์ นวลสนิท
นักวิชาการวัฒนธรรม
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ที่มาของข้อมูล https://www.facebook.com/AY.HI.PARK/posts/1094859940862843
นิตยสารรายสองเดือน กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
วัตถุประสงค์ : เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมในสาระสำคัญต่าง ๆ และ
เพื่ออนุรักษ์สืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติ
เรื่องสั้นเกี่ยวหับประเพณีต่างๆ ของเสฐียรโกเศศนี้มีอยู่หลายเรื่อง ทุกเรื่องล้วนน่าอ่านน่าศึกษา เพะราให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของไทยเป็นอย่างดี
สาระสังเขป : หนังสือลายพระหัตถ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงทิพยรัตนกิริฎกุลินี ที่ถวายแด่สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ขณะทรงศึกษาอยู่ทวีปยุโรปในปี พ.ศ.2439-2445 เลือกบันทึกรายวันในการตามเสด็จพระราชดำเนินประเทศเกาะชวาครั้งที่ 2 พ.ศ.2444ผู้แต่ง : ทิพยรัตนกิริฎกุลินี, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงโรงพิมพ์ : จันหว่าปีที่พิมพ์ : 2501ภาษา : ไทยรูปแบบ : PDFเลขทะเบียน : น.27บ.7336เลขหมู่ : 915.982 ท466ลท
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ขอเชิญชม
รายการศรีสุขนาฏกรรม
วันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๗.๐๐ น.
ณ โรงละครแห่งชาติ
รายการแสดง
๑. รำถวายพระพร ๖๓ พรรษา สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีปิ่นเกศีประชาไทย
๒. โขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “ศึกแสงอาทิตย์”
๓. ระบำโบราณคดีศรีสยาม
๔. รำโนรา
๕. ละครพื้นเมือง เรื่องสงกรานต์ ตอน “เชิญศรีษะท้าวกบิลพรหม”
นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต
กำกับการแสดง วันทนีย์ ม่วงบุญ
อำนวยการแสดงโดย เอนก อาจมังกร ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
บัตรราคา ๒๐๐, ๑๕๐, ๑๐๐ บาท (เปิดสำรองที่นั่ง และจำหน่ายบัตรก่อนการแสดง ๑ สัปดาห์)
วันแสดง (จำหน่ายบัตรก่อนการแสดง ๒ ชั่วโมง)
สอบถามและสำรองที่นั่ง (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒