ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
พ.ศ. ๒๓๘๕ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) จัดการฝังหลักชัยเมืองสงขลา
พระราชทานไม้ชัยพฤกษ์หลักชัยต้นหนึ่งกับเทียนชัยเล่มหนึ่ง พร้อมด้วยเครื่องไทยทานต่าง ๆ และโปรดเกล้าฯ ให้พระอุดมปิฏก ออกไปเป็นประธานด้านพุทธพิธี พร้อมด้วยฐานานุกรมเปรียญ ๘ รูป และโปรดเกล้าฯ ให้พระครูอัษฎาจารย์พราหมณ์ออกไปเป็นประธานฝ่ายพิธีพราหมณ์ ๘ นาย
งานฝังหลักชัยเริ่มด้วยพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) เจ้าเมืองสงขลา ได้เกณฑ์กรมการและไพร่ จัดการทำโรงพิธีใหญ่ขึ้นกลางเมืองสงขลา คือ หน้าศาลเจ้าหลักเมือง ถนนนางงาม อำเภอเมือง โดยตั้งโรงพิธี ๔ ทิศ ในวันพิธีได้จัดขบวนแห่หลักไม้ชัยพฤกษ์กับเทียนชัยเป็นขบวนใหญ่
มีทั้งพวกชาวจีนและ ชาวไทยเพื่อแห่ไปยังโรงพิธี
พระสงฆ์ราชา คณะฐานานุกรมเจริญพระปริตร พร้อมกับพระครูสวดตามไสยเวท
เมื่อได้เวลาอุดมฤกษ์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๐๔ เวลา ๗ นาฬิกา ๑๐ นาที ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๘๕ พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) กับพระครูอัษฏาจารย์ พราหมณ์ อัญเชิญหลักไม้ชัยพฤกษ์ลงฝังที่ใจกลางเมืองสงขลา ซึ่งเรียกกันว่า “หลักเมือง” จนทุกวันนี้
องค์ความรู้ทางโบราณคดี เรื่อง : ลักษณะทางกายภาพ และข้อมูลจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ EP.1 เมืองโบราณเวียงลอ ตำบลลอ และตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา
โดย : นายจตุรพร เทียมทินกฤต
นักโบราณคดีชำนาญการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่
-------------------------------------------------------
อ้างอิง
ประชากิจกรจักร,พระยา. พงศาวดารโยนก. กรุงเทพฯ:คลังวิทยา,2516.
วราวุธ ศรีโสภาค. (2538) ชุมชนโบราณที่มีคู-คันดินล้อมรอบในลุ่มน้ำแม่อิง : การศึกษาเชิงภูมิศาสตร์ การตั้งถิ่นฐานและความสัมพันธ์ในระบบโครงสร้างสังคมเมือง . มหาวิทยาลัยศิลปากร/กรุงเทพฯ.
ศิลปากร,กรม. รายงานการขุดค้น เมือง กำแพงเมือง เวียงลอ (หลุมขุดค้นที่ 1-8). สำนักศิลปากรที่ 7 น่าน.(เอกสารอัดสำเนา)
สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ.ประชุมจารึกเมืองพะเยา.กรุงเทพฯ:มติชน,2538.
“--------------------------------“. ประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม เมืองพะเยา. กรุงเทพฯ:มติชน,2538.
ทับหลังปราสาทหนองหงส์ และปราสาทเขาโล้นกลับคืนสู่ประเทศไทยThe Return of the Lintels from Prasat Nong Hong and Prasat Khao Lon in Thailand------------------------------------------------------------------------------------------------------ระยะเวลา : ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน จนถึง 30 กันยายน 2564สถานที่ : พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เวลา 09.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – อังคาร)เรื่องย่อ : ทับหลังของปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ได้สูญหายไปจากที่ตั้ง ในช่วงพุทธศักราช 2509 - 2511 ซึ่งไม่ปรากฏรายงานหรือบันทึกเกี่ยวกับการสูญหาย ต่อมาทับหลังทั้งสองรายการได้ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา การติดตามทับหลังทั้ง 2 รายการเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการจากมติที่ประชุมคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศ กลับคืนสู่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ให้จัดทำข้อมูลโบราณวัตถุ 2 รายการ คือ ทับหลังจากปราสาทเขาโล้น จังหวัด สระแก้ว และทับหลังจากปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เก็บรักษาอยู่ใน Asian Art Museum เมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งมีหลักฐาน ชัดเจนว่าเคยอยู่ในประเทศไทย เพื่อนำเสนอต่อสหรัฐอเมริกา ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการ ด้านวิชาการเพื่อติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทยเป็นผู้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมจากที่นักวิชาการอิสระและ ประชาชนได้เคยนำเสนอไว้ จนกระทั่งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 กรมศิลปากรดำเนินการส่งข้อมูล ผ่านกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นผู้ดำเนินการประสานกับหน่วยงาน ในสหรัฐอเมริกา หน่วยงานในสหรัฐอเมริกาที่รับผิดชอบในคดีนี้ คือ สำนักงานสืบสวนความมั่นคงมาตุภูมิ สหรัฐอเมริกา (HSI) โดยเจ้าหน้าที่ เดวิด เคลเลอร์ ได้ดำเนินการสีบสวนจากหลักฐานที่ฝ่ายไทยได้ส่งไป และได้ลงพื้นที่สืบสวนเก็บข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย พร้อมทั้งได้ประสานงานขอข้อมูลตัวอย่างใบอนุญาตการนำโบราณวัตถุออกนอกราชอาณาจักรก่อนและหลังทับหลังทั้งสองรายการ จะสูญหายไป เพื่อเป็นหลักฐานว่า ทางการไทยมีกฎหมายและมาตรการที่เคร่งครัดในการนำโบราณวัตถุออกนอกประเทศ รวมทั้งสำเนาจดหมายที่อธิบดีกรมศิลปากร นายธนิต อยู่โพธิ์ ได้ส่งถึง Avery Brundage ผู้บริจาคทับหลังทั้ง 2 รายการนี้ให้กับ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย เพื่อทวงคืนโบราณวัตถุทับหลังจากปราสาทกู่สวนแตง เมื่อ พ.ศ. 2510 เพื่อเป็นหลักฐานว่า Avery Brundage เคยมีประวัติในการรับซื้อโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบออกจากประเทศไทยมาก่อนแล้ว ซึ่งเอกสารทั้งหมดนี้ เก็บรักษาอยู่ใน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ต่อมา ทับหลังทั้ง 2 รายการ ได้ถูกนำขึ้นพิจารณาในชั้นศาล จนในที่สุดพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย (Asian Art Museum) ได้ยอมรับว่า ทับหลังทั้งสองรายการเป็นกรรมสิทธิ์ของไทย และยินยอมให้สำนักงานสืบสวนความมั่นคงมาตุภูมิ (HSI) ยึดทับหลังทั้งสองรายการเพื่อ ส่งคืนประเทศไทย โดยได้มีพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการ ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 กรมศิลปากรจึงได้จัดนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “ทับหลังปราสาทหนองหงส์ และปราสาทเขาโล้น กลับคืนสู่ประเทศไทย” ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยนิทรรศการนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของทับหลังทั้ง 2 รายการ หลักฐานต่าง ๆ ที่ได้สืบค้น รวมถึงขั้นตอนการดำเนินงานในการติดตาม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงขั้นตอนและกระบวนการกว่าจะได้มา ซึ่งโบราณวัตถุที่ต้องใช้ระยะเวลา ความพยายาม และความร่วมมือจากหลายฝ่าย อีกทั้งยังเป็นการสร้างจิตสำนึกและหวงแหน มรดกศิลปวัฒนธรรมของไทย และร่วมกันปกป้องคุ้มครองดูแลรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ อันเป็นสมบัติของชาติให้สืบทอด ไปยังคนรุ่นหลังต่อไป
พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ รองอำมาตย์ตรี มนู นาคามดี ณ เมรุวัดมกกุฏกษัตริยาราม วันที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๒
กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการ ไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทย” วิทยากรโดย นายจิตกร วงษ์มาตร์ นายช่างศิลปกรรมชำนาญงาน, นายอภิศักดิ์ ทองอินทร์ ประติมากรปฏิบัติการ สำนักช่างสิบหมู่ และนางสาวปัทมา ก่อทอง ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ดำเนินรายการโดย นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร และ Youtube Live : กรมศิลปากร
องค์ความรู้ : อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เรื่อง : นาคปักสองสมัย ณ ปราสาทพนมรุ้ง
นาคปัก เป็นส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรม สำหรับประดับที่มุมประธานของชั้นหลังคาปราสาทในวัฒนธรรมเขมรโบราณ “นาคปัก” ถูกพัฒนามาจาก “ปราสาทจำลอง” ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยเมืองพระนครยุคแรกหรือช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๔ - ๑๖ ก่อนจะปรับเปลี่ยนมาเป็น นาคปัก ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๑๖ จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เช่น นาคปักที่ปราสาทแม่บุญตะวันตก นาคปักที่ปราสาทบากอง นาคปักที่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา นาคปักที่ปรางค์น้อย นาคปักที่ปราสาทประธานพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์
จากการศึกษาเรื่อง “การกลายรูปจากอาคารจำลอง-นาคปัก-บรรพแถลง ของปราสาทในศิลปะขอมมาเป็นกลีบขนุนของปรางค์ในศิลปะไทย” ของ สรศักดิ์ จันทร์วัฒนกุล สันนิษฐานว่าการปรับเปลี่ยนจากปราสาทจำลองไปเป็นนาคปัก เป็นการเปลี่ยนแปลงจากแรงบันดาลใจของช่าง โดยอาจเป็นข้อจำกัดทางด้านเทคนิคการสร้างและรูปทรงของปราสาท ช่างจึงจำเป็นต้องคิดหารายละเอียดของส่วนประดับมาช่วยให้มีความงาม ความสมส่วนลงตัว เพื่อลบพื้นที่ว่างระหว่างชั้นหลังคา และนาคปักยังสื่อความหมายถึงสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นเดิม
สำหรับที่ปราสาทพนมรุ้งซึ่งมีอายุสมัยการสร้างและใช้พื้นที่ประมาณ ๔๐๐ ปี ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๘ พบรูปแบบนาคปักถึงสองสมัยด้วยกัน ได้แก่
๑) นาคปักศิลปะแบบบาปวน ที่ ปรางค์น้อย อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ลักษณะเป็นพญานาคห้าเศียรในกรอบสามเหลี่ยม ส่วนเศียรโล้น นาคตัวกลางคายพวงอุบะ ตัวนาคปักเอนสอบไปทางด้านหลังเข้าหาตัวปราสาทเล็กน้อย
๒) นาคปักศิลปะแบบนครวัด ที่ ปราสาทประธาน อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ลักษณะเป็นพญานาคห้าเศียรอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมมีมงกุฎครอบทับอีกชั้นหนึ่ง ตัวนาคไม่ได้ตั้งฉากกับตัวอาคาร แต่ทำมุมเอียงลาดไปด้านหลังเข้าหาตัวปราสาท ทำให้เส้นโครงกรอบของชั้นหลังคาเป็นวงโค้งทรงพุ่ม
ล่าสุดจากการขุดค้นโบราณคดีปราสาทพนมรุ้ง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา บริเวณหลุมขุดค้นที่ ๔ (TP.4) ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน พบชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมประเภท นาคปัก ด้านบนชำรุดหักหาย มีการสลักลวดลายเหมือนลำตัวพญานาค จึงสันนิษฐานว่าเป็น “โกลนนาคปักที่ยังสลักไม่เสร็จ” เมื่อเปรียบเทียบพบว่าโกลนนาคปักชิ้นนี้มีลักษณะคล้ายกับนาคปักที่ปรางค์น้อย คือ มีฐานสองชั้นไม่มีลวดลาย มุมด้านหนึ่งมีรอยแตกซึ่งเป็นร่องรอยการคายพวงอุบะของนาค
จึงสันนิษฐานว่า โกลนนาคปักชิ้นนี้ ช่างในสมัยโบราณคงมีเจตนาทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนประกอบชั้นหลังคาของปรางค์น้อย โดยอาจจะสลักไม่เสร็จหรือหรือเกิดความเสียหายในระหว่างการทำจึงไม่ได้นำขึ้นไปประดับไว้ด้านบนของปรางค์น้อย ปัจจุบันโกลนนาคปักชิ้นนี้เก็บรักษาอยู่ที่บริเวณปรางค์น้อยนั่นเอง
เรียบเรียงโดย : นายพงศธร ดาวกระจาย ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เอกสารอ้างอิง :
สรศักดิ์ จันทร์วัฒนกุล. “การกลายรูปจากอาคารจำลอง-นาคปัก-บรรพแถลงของปราสาทในศิลปะขอมมาเป็นกลีบขนุนของปรางค์ในศิลปะไทย.” สารนิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๖.
ชื่อเรื่อง มาเลยฺยสุตฺต (มาลัยหมื่น-มาลัยแสน)
สพ.บ. 257/2ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 32 หน้า กว้าง 5.5 ซ.ม. ยาว 57 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก เทศน์มหาชาติ คาถาพัน
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ล่องรัก ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.152/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 4.5 x 53 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 93 (1-16) ผูก 3 (2565)หัวเรื่อง : สทฺทสารตฺชาลินี(ศัพท์สัททสารัตถชาลินี)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม