ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ
ขอเชิญชมนิทรรศการและร่วมการสัมมนาวิชาการ เรื่อง “ราชประดิษฐฯ วิจิตรศิลป์ สานสัมพันธ์สองแผ่นดิน งานศิลป์ประดับมุก”
กรมศิลปากร โดยสำนักช่างสิบหมู่ ภายใต้ความร่วมมือกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และสถาบันวิจัยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขอเชิญชมนิทรรศการและร่วมฟังการสัมมนาวิชาการ เรื่อง “ราชประดิษฐฯ วิจิตรศิลป์ สานสัมพันธ์สองแผ่นดิน งานศิลป์ประดับมุก” ในวันพุธที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ https://forms.gle/NP3Cu2D1hgW9jAyq7
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทยให้กับประชาชนที่สนใจ เป็นการสืบทอดองค์ความรู้และทักษะเชิงช่าง ธำรงรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรม และเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ผ่านงานศิลปกรรมอันทรงคุณค่า เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของมรดกวัฒนธรรมจากอดีตสู่ปัจจุบัน เพื่อความสมบูรณ์ของศาสนสถานที่สำคัญของประเทศไทยแห่งนี้ให้คงอยู่สืบไป
พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2407 ประตูและหน้าต่างภายในพระวิหารหลวงถูกประดับด้วยบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานสั่งทำโดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นศิลปวัตถุชิ้นสําคัญที่มีคุณค่ายิ่งในประเทศไทยและเป็นบานไม้ประดับมุกชุดใหญ่ของโลกที่เหลืออยู่ ทางวัดราชประดิษฐฯ ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของศิลปวัตถุชิ้นนี้ จึงเป็นที่มาโครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร โดยความร่วมมือระหว่างวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรมศิลปากร และสถาบันวิจัยมรดกทางวํฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo National Research Institute for Cultural Properties :TNRICP) ในการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสำนักช่างสิบหมู่ และกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร่วมดำเนินการกับผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์งานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นจาก TNRICP โดยใช้พื้นที่ภายในวัดราชประดิษฐฯ เป็นห้องปฏิบัติการอนุรักษ์ตลอดทั้งโครงการเป็นระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564 - 2568 เพื่ออนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ให้เกิดความมั่นคง แข็งแรง และรักษางานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทยให้แก่อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไปในอนาคต และให้คณะช่างที่ปฏิบัติงานซ่อมแซมได้เรียนรู้ ฝึกฝน เพิ่มพูนทักษะฝีมือทางด้านงานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญในหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป
--------------------------------------------------
พิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม สำหรับการจัดสร้างพระโกศจันทน์และพระหีบจันทน์ งานพระราชพิธี
ถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 12.19 น. ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พลอากาศเอก จารึก สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นประธานในพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม สำหรับการจัดสร้างพระโกศจันทน์ และพระหีบจันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดดล้อม นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ร่วมในพิธีฯ
พลอากาศเอก จารึก สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ประธานในพิธี เดินทางถึงมณฑลพิธี เริ่มพิธีบวงสรวง เวลา 12.19 น. ประธานฯ หลั่งน้ำเทพมนต์ เจิมขวานสําหรับใช้ตัดต้นจันทน์หอม จุดเทียนเงิน เทียนทอง ธูปที่โต๊ะบวงสรวง จุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวง จุดเครื่องทองน้อย นายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าฝ่ายโหรพราหมณ์ อ่านโองการบวงสรวง เมื่อหัวหน้าฝ่ายโหรพราหมณ์ อ่านโองการบวงสรวง จบแล้ว ประธานฯ ไปยังบริเวณหน้าต้นจันทน์หอม ประพรมน้ำเทพมนต์ที่ต้นจันทน์หอม แล้วใช้ขวานฟันที่ต้นจันทน์หอม เป็นปฐมฤกษ์ และโปรยดอกไม้รอบบริเวณต้นจันทน์หอม นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำรวจไม้จันทน์หอม จำนวน 20 ต้น ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตําบลหาดขาม อําเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่าลักษณะและคุณภาพของไม้จันทน์หอมที่สามารถนำมาดำเนินการแปรรูปสำหรับจัดสร้างพระโกศจันทน์ พระหีบจันทน์ ท่อนฟืนไม้จันทน์และช่อไม้จันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต้นที่ค่อนข้างสมบูรณ์นำมาแปรรูปได้ จำนวน 10 ต้น ใช้ได้บางส่วน จำนวน 8 ต้น โดยทางอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จะดำเนินการตัด และแปรรูป พร้อมนำส่งมอบให้แก่สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ในลำดับต่อไป ซึ่งสำนักช่างสิบหมู่ได้จัดเตรียมบุคลากรไว้พร้อมแล้ว เพื่อให้การดำเนินการจัดสร้างพระโกศจันทน์ พระหีบจันทน์ ท่อนฟืนไม้จันทน์และช่อไม้จันทน์ เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ให้มีความวิจิตร งดงาม และสมพระเกียรติสูงสุด
ไม้จันทน์หอมถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์และสูงศักดิ์ ถือเป็นไม้มงคลที่มีกลิ่นหอม เป็นไม้เนื้อแข็งลักษณะเนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อน เสี้ยนตรง เนื้อละเอียด สำหรับไม้จันทน์หอมที่ใช้ในงานพระราชพิธีฯ นี้ เป็นต้นไม้จันทน์ที่ยืนต้นตายตามธรรมชาติ มีลำต้นเปลาตรง พบบริเวณป่าดิบแล้งเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ผู้แต่ง : ธนาคารกรุงเทพปีที่พิมพ์ : 2544สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : เจริญรัฐการพิมพ์ วัดพระศรีโคมคำเป็นวัดที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ราวพุทธศักราช 2034 โดยมีพระพุทธปฏิมาพระเจ้าตนหลวงเป็นพระประธานองค์ใหญ่ที่สุดในเมืองพะเยา คาดว่าน่าจะมีอายุราว 508 ปี ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพได้จัดตีพิมพ์ พระกฐินพระราชทาน ทอด ณ วัดศรีโคมคำฉบับนี้ เพื่อธำรงรักษาความเชื่อ สิ่งเคารพ บูชาสูงสุดชิ้นหนึ่งที่มีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ควรค่าแก่การรักษาไว้
เว็ปไซต์อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร: www.finearts.go.th/kamphaengphethistoricalpark1. ที่ตั้ง อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง มีพื้นที่ประมาณ 3.4 ตารางกิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 เขต คือ เขตภายในกำแพงเมือง พื้นที่ 503 ไร่ และเขตนอกกำแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่าเขตอรัญญิก พื้นที่ 1,611 ไร่ ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม โบราณสถานทั้ง 2 กลุ่ม ตั้งอยู่ในพื้นที่ตั้งของตัวจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งอยู่ไม่สุภาพงจากกรุงเทพมหานครไป ทางทิศเหนือ ประมาณ 358 กิโลเมตร กรมศิลปากรได้กำหนดเขตที่ดินโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ประมาณ 2,114 ไร่ 2. ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในบริเวณที่ตั้งจังหวัดกำแพงเพชรปัจจุบันได้ค้นพบหลักฐานเมืองโบราณในลุ่มแม่น้ำปิง คือ เมืองแปบ เมืองเทพนคร เมือง ไตรตรึงษ์ เมืองพาน เมืองนครชุม และเมืองชากังราว เพราะความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำปิง ทำให้เกิดการตั้งบ้านเมืองทำมาหากิน ซึ่งแต่ละเมืองอยู่กันมากนัก เมืองที่ตั้งในยุคแรก ๆ น่าจะเป็นเมืองแปบที่มีตำนานเล่าว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งนครชุม บริเวณ ตรงกันข้ามกับเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน จากหลักฐานจารึกหลักที่ 3 (ศิลาจารึกนครชุม) พ.ศ. 1900 กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) เสด็จไป พระบรมธาตุ เมืองนครชุมว่า “หากเอาพระศรีรัตนมหาธาตุอันนี้มาสถาปนาในเมืองนครชุม” เมืองนครชุมน่าจะเป็นเมืองใหญ่และมี ความสำคัญในสมัยสุโขทัย แต่มาหมดอำนาจและเป็นเมืองเล็กๆ ในสมัยอยุธยา ส่วนเมืองชากังราวยังคงมีอำนาจอยู่ในฝั่งตะวันออก และเรียกชื่อเมืองว่า กำแพงเพชรในสมัยอยุธยา เพราะหลังจากพระมหาธรรมราชาลิไทสวรรคต (พ.ศ. 1913 – 1914) เมืองต่าง ๆ ในแคว้นสุโขทัยแตกแยก บางเมืองหันมาเป็นพันธมิตรกับอยุธยา ชื่อเมืองกำแพงเพชรปรากฏ ในศิลาจารึกหลักที่ 38 หรือจารึก กฎหมายลักษณะโจรกล่าวพระนามจักรพรรดิราชได้ขึ้นเสวยราชสมบัติที่เมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. 1940 เชื่อกันว่ากษัตริย์อยุธยา ต้องการให้ศูนย์กลางของอำนาจจากเมืองนครชุมเดิม ย้ายมาอยู่ที่เมืองชากังราวหรือกำแพงเพชรนั่นเอง และภายหลังการ เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2530 เมืองกำแพงเพชร ได้ลดบทบาทลงและคงจะร้างไปในที่สุด กลุ่มโบราณสถานเขตอรัญญิกของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร มีโบราณสถานรวมกลุ่มกันหนาแน่นในบริเวณที่ต่อเนื่อง เป็นผืนเดียวกัน ฃนอกจากนี้สภาพภูมิประเทศโดยรอบโบราณสถานยังเป็นป่าธรรมชาติที่มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อคงไว้ซึ่ง บรรยากาศของโบราณสถานในเขตอรัญญิกหรืออรัญวาสีเช่นวันเวลาในอดีต อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2534 ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงความงดงามอลังการของศิลปกรรมไทยในยุคแรกๆ ผลงานทาง ศิลปกรรมที่เป็นเลิศนี้ปรากฏอยู่เป็นจำนวนมากในอุทยานประวัติศาสตร์ทั้ง 3 แห่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2534 3. โบราณสถานที่สำคัญ เมืองกำแพงเพชรลักษณะผังเมืองเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู วางแนวยาวขนานไปกับ ลำน้ำปิง ตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ถึงทิศตะวันออกเฉียงใต้ กำแพงเมืองกำแพงเพชรเดิม คงมีลักษณะเป็นคันดินและคูเมือง 3 ชั้น ต่อมาได้พัฒนากำแพงเมืองขึ้นไปเป็นกำแพงศิลาแลง มีการสร้างเชิงเทิน ใบเสมา และป้อมประตูรอบ ส่วนที่เป็นกำแพงด้านในยังคงปรากฎร่องรอยให้เห็นอยู่ข้างบริเวณด้านทิศเหนือ เชื่อกันว่ากำแพงศิลาแลงนี้คงมาดำเนินการก่อสร้างในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1911 – 2031) 3.1 โบราณสถานภายในกำแพงเมือง สำรวจพบแล้วมีทั้งสิ้น 20 แห่ง ที่สำคัญ คือ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ วัดโบราณ หรือ สระมน ศาลพระอิศวร วัดกลางนคร เป็นต้น 3.2 โบราณสถานนอกกำแพงเมือง โดยทั่วไปเรียกกันว่า “เขตอรัญญิก” ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 1,611 ไร่ ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม สำรวจพบโบราณสถานแล้ว 37 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระนอน วัดพระสี่อิริยาบถ วัดช้างรอบ วัดอาวาสใหญ่ วัดฆ้องชัย วัดอาวาสน้อย วัดเชิงหวาย วัดดงหวาย วัดช้าง และวัดกะโลทัย เป็นต้น ส่วนโบราณสถานที่ตั้งอยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำปิง ทั้งภายในและภายนอกเมืองนครชุม ก็ยังมีกลุ่มโบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ ภายใน เมืองนครชุมมีวัดพระบรมธาตุและวัดซุ้มกอ เป็นต้นส่วนที่อยู่นอกเมืองนครชุม ได้แก่ ป้อมทุ่งเศรษฐี วัดหนองพิกุล วัดหม่องกาเล และ วัดเจดีย์กลางทุ่ง เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลดกทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ.2534 ร่วมกับ อุทยาน ประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานอันล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมไทยยุคแรก ความงดงามอลังการของศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมแห่งอาณาจักรสุโขทัย หลักฐานที่เป็นผลงานอันเป็นเลิศนี้ปรากฎอยู่มากมาย ในอุทยานประวัติศาสตร์ทั้ง 3 แห่ง ดังกล่าว 4. การบริการและเเหล่งท่องเที่ยว โดยรถยนต์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัด อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครสวรรค์ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงจังหวัด กำแพงเพชร ระยะทาง 358 กิโลเมตร โดยรถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งสายเหนือ สายกรุงเทพฯ กำแพงเพชร บริการทุกวัน การเที่ยวชม เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้มีสัญชาติไทย 10 บาท ผู้มีสัญชาติอื่น 30 บาท การท่องเที่ยว สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร 055 711921 สำนักงาน ททท. 055 514341-3 หรือ 1672 โรงแรมที่พัก เพชรโฮเต็ล 055 712810 ชากังราว 055 711315 นวรัตน์ 055 711106 ราชดำเนิน 055 711022 ร้านอาหารแนะนำ เกี๋ยวเตี๋ยวไก่ลูกสาวนายหยา ร้านบะหมี่ชากังราว ร้านเรือนแพริมปิง ตำรวจท่องเที่ยว 1155 ตำรวจทางหลวง 055 511340 หรือ 1193 สินค้าพื้นเมือง กล้วยไข่ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยไข่
วันที่ 27 สิงหาคม 2557 นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะผู้บริหารกรมศิลปากร
ร่วมประชุมผู้บริหารกรมศิลปากร ครั้งที่ 8/2557 (สัญจร) ณ ห้องประชุมโรงแรมเพชรรัตน์การ์เด้นท์ อำเภอเมือง
จังหวัดร้อยเอ็ด โดยได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากร
ในการนี้ อธิบดีกรมศิลปากรและคณะผู้บริหาร ได้ร่วมงาน Creative Fine Arts 2014 : สร้างความสุขที่ยั่งยืนบนพื้นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทุนทางวัฒนธรรม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2557 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
(บึงพลาญชัย) จังหวัดร้อยเอ็ด
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 20 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
> > ไม่อยากออกจากบ้าน ! ! < <
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กันใช่มั้ยล่ะคะ ถ้าเช่นนั้นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ขอนำเสนอทุกท่าน เข้ามาสัมผัสกับการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในรูปแบบ "เสมือนจริง 360 องศา" รับรองว่าไม่คิดโควิค19 แน่นอนค่ะ
เพียงแค่ท่านคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์
I I I
v v v
http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/surin/index.php/th/
เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็จะสามารถเข้ามาเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ได้ทุกห้องนิทรรศการ ไม่ว่าท่านจะกักตัว work from home อยู่ที่บ้าน หรือจะศึกษาออนไลน์อยู่ที่ใดก็ตาม แค่มีสมาร์ทโฟนและสัญญาณอินเตอร์เน็ตแรงๆ เท่านี้ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ได้แล้วค่ะ
+ + + นอกจากหน้าเว็บไซต์ของพิพิธภัฑณสถานแห่งชาติ สุรินทร์ แล้ว ยังมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในสังกัดกรมศิลปากร กว่าอีก 40 แห่งให้ท่านเลือกเที่ยวชมผ่านทางเว็บไซต์
http://www.virtualmuseum.finearts.go.th
หลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด19 บรรเทาลง และหายสิ้นไปแล้ว อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชม ' พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ' ตัวจริงเสียงจริงกันด้วยนะคะ ....ขอให้ทุกท่านปลอดภัยปราศจากโรคภัยค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๒เวลา ๑๐.๒๐ น.คณะอาจารย์จากวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๔ คนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียงโดยมีนายสุพัฒน์ สุทธิบุญ เป็นวิทยากรนำชม