ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ
พ.ศ.๒๔๘๓ นายกเทศมนตรีเมืองสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย และข้าราชการในอำเภอ ร่วมกันจัดตั้งร้าน "สหกรณ์จำกัดสินใช้ " ขึ้น เพื่อส่งเสริมฐานะทางเศรษฐกิจของสมาชิกและจำหน่ายสินค้ามาตรฐานสากล
ปีต่อมา พนักงานสหกรณ์แจ้งความประสงค์จัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคเพิ่มเติม เช่น เครื่องเขียน เครื่องประดับ เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกาย เครื่องครัว และของเบ็ดเตล็ดต่างๆ
ความน่าสนใจของสินค้า คือ
๑. สินค้าชั้นดีมีราคา เรียกว่า " มียี่ห้อ " ในขณะนั้น
๒. ความต้องการสินค้ามียี่ห้อสะท้อนให้เห็นฐานะทางการเงินที่ดีของชาวอำเภอสวรรคโลก
๓. ในขณะที่สหกรณ์ดำเนินกิจการ ประเทศไทยอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๔๘๒ - ๒๔๘๘) หลายประเทศกำลังขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค และราคาสินค้าไม่ถูกสตางค์ แต่สหกรณ์ยังสนองความต้องการ (Demand) แก่ลูกค้าได้ น่าสืบค้นต่อไปว่า ใครหรือเอเยนต์ (Agent) ใดนำเข้าสินค้าให้ ลูกค้ามีรสนิยมในยี่ห้อสินค้าต่างๆ มากน้อยแค่ไหน ?
เพราะเพียงสั่งซื้อสบู่ลักส์และปาล์มโอลีฟอย่างละ ๕๐ โหลมาจำหน่าย ก็ไม่ธรรมดาแล้ว !!!
ผู้เขียน : นายธานินทร์ ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ)
เอกสารอ้างอิง : ๑. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารสำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุโขทัย สท 1.1.4. 1 / 1 เรื่องข่าวการเปิดร้านสหกรณ์เมืองสวรรคโลกจำกัดสินใช้ [ 18 ธันวาคม 2483 - 9 สิงหาคม 2488 ]
๒. ________. สท 1.1.4. 1 /2 เรื่องร้านสหกรณ์เมืองสวรรคโลกจำกัดสินใช้สั่งซื้อสินค้า [ 27 มีนาคม 2484 - 21 มิถุนายน 2489 ]
ชื่อเรื่อง เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐานสพ.บ. 147/5ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 4 ซ.ม. ยาว 54 ซ.ม. หัวเรื่อง พระอภิธรรม บทสวดมนต์
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.63/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 5 x 58.2 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 41 (1-5) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระ
ชื่อเรื่อง นิราศมะเหลเถไถ
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๖
จำนวนหน้า ๗๒ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาเสวกโท พระยาสุจริตธำรง (อู๊ด สุจริตกุล) ณ เมรุ หน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๐๗
นิราศ เรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์ล้อพระยาสุจริตธำรง (อู๊ด สุจริตกุล) ผู้วายชนม์ ดังมีกล่าวออกนาม “เจ้าคุณอู๊ด” ไว้ตอนท้ายเรื่อง แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีต่อท่านในสมัยที่ท่านเป็นข้าในพระยุคลบาทของพระองค์
แผ่นหินจำหลักชิ้นนี้ เป็นโบราณวัตถุที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี ปรากฏร่องรอยการสลักภาพบนแผ่นหินเป็นภาพพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง เบื้องขวาของพระพุทธรูป สลักเป็นรูปธรรมจักรตั้งอยู่บนเสา เบื้องซ้ายของพระพุทธรูป สลักเป็นรูปสถูป ซึ่งโบราณวัตถุชิ้นนี้ ขุดพบบริเวณเมืองดงคอน (เมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี) อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท โดยพระชัยนาทมุนี (นวม สุทัตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยนาท เก็บรวบรวมไว้ และมอบให้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี เก็บรักษาต่อมาจวบจนถึงปัจจุบัน แผ่นหินสลักภาพพระพุทธรูป ชิ้นนี้ นับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่า ธรรมจักรในวัฒนธรรมทวารวดีนั้น มีการประดิษฐานไว้บนเสา โบราณวัตถุชิ้นนี้ ยังมีรูปแบบที่พ้องกับพระพิมพ์หินจำหลักที่พบที่โบราณสถานหมายเลข ๑ เมืองโบราณคูบัว อำเภอเมืองฯ จังหวัดราชบุรี คือมีการปรากฏของพระพุทธรูป ธรรมจักรประดิษฐานอยู่บนเสา และสถูป อยู่บนแผ่นหินจำหลัก ด้วยรูปแบบของโบราณวัตถุที่คล้ายคลึงกันนี้อาจแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองดงคอน ในจังหวัดชัยนาท และเมืองคูบัว ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นเมืองในวัฒนธรรมทวารวดี เฉกเช่นเดียวกัน --------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี https://www.facebook.com/prfinearts/posts/3687988877935196--------------------------------------------------------
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.1/1-3
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ღ สวัสดีค่ะ! #พี่โข๋ทัยมีเรื๋องเล๋า ღ วันนี้จะพาไปติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานขุดค้นทางโบราณคดี โครงการขุดค้นวัดเจดีย์ยอดทอง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก กันค่ะ
.
ซึ่งรายละเอียดและความคืบหน้าเป็นอย่างไรนั้น มาค่ะ! ตามพี่โข๋ทัยฯ มาทางนี้เลยค่ะ
.
.
สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย เริ่มดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๔ จนถึงปัจจุบัน เราพบหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ
.
๑. แนวกำแพงก่อด้วยอิฐรอบล้อมเจดีย์ทั้ง ๔ ด้าน ด้านทิศตะวันออกพบแนวกรอบสี่เหลี่ยม สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นช่องประตูทางเข้า พื้นที่ระหว่างเจดีย์และแนวกำแพงพบว่า ปูด้วยอิฐโดยรอบเจดีย์ประธาน สันนิษฐานว่า แนวกำแพงและพื้นปูอิฐนี้อาจใช้สำหรับเดินประทักษิณหรือใช้ประโยชน์ในกิจกรรมทางศาสนา
.
๒. แนวฐานวิหาร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ เดิมเป็นลานคอนกรีตที่เคยใช้เป็นที่จอดรถ ซากอาคารหลังนี้ก่อนการขุดค้นพบว่า วัดเจดีย์ยอดทองได้ปลูกสร้างอาคารทับลงไปบนซากโบราณสถาน เมื่อมีการก่อตั้งวัดเจดีย์ยอดทองขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ราวปี พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๑๔ และพัฒนายกฐานะขึ้นเป็นวัดที่มี พัทธสีมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ในเวลาต่อมาวัดเจดีย์ยอดทองได้รื้อศาลาธรรมหลังคาสังกะสีออกและทำการปรับพื้นที่ถมดินสูงขึ้นราว ๑ - ๑.๕๐ เมตร โดยรอบบริเวณ ทำให้ซากโบราณสถานดังกล่าวจมอยู่ใต้ดิน ซึ่งสอดคล้องกับซากเสาคอนกรีตส่วนล่างของศาลาธรรมที่พบว่า ตั้งอยู่บนฐานอาคารด้วย ซึ่งในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า ฐานอาคารหลังนี้น่าจะกว้างประมาณ ๑๒ เมตร ยาวประมาณ ๒๐ เมตรค่ะ
องค์ความรู้ : ศิลปวัฒนธรรมและโบราณสถานในจังหวัดชลบุรี
เรื่อง การถีบกระดาน
การถีบกระดานหาหอย เป็นส่วนหนึ่งของอาชีพประมงชายฝั่งที่อยู่คู่กับชาวเมืองชลบุรีมาช้านาน เมื่อว่างเว้นจาการจับปลาก็จะมาถีบกระดานเพื่อเก็บหอยตามชายทะเลโคลน ซึ่งส่วนมากจะเป็นหอยแคลง การถีบกระดานต้องอาศัยทักษะ การฝึกฝน และความช่างสังเกตว่าโคลนเลนบริเวณใดที่มีหอยแคลงฝังตัวอยู่ ปัจจุบันการถีบกระดานไม่มีให้เห็นมากนัก แต่ชาวบ้านในชุมชนชายทะเลได้นำการถีบกระดานมาใช้ในการปลูกป่าชายเลน และจัดให้มีการแข่งขันถีบกระดาน เพื่อเป็นการอนุรักษ์การถีบกระดานให้อยู่คู่ชาวเมืองชลบุรีต่อไป
ภาพประกอบ : CTV ชลบุรี. 2558. เทศบาลเมืองบ้านสวนจัดแข่งขันกีฬาพื้นบ้านถีบกระดานเลน ประจำปี 2558 [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อ 19 มีนาคม 2564. เข้าถึงจากhttps://www.facebook.com/cablectv/posts/1572769813002380/
: nuttinee020340. 2560. ถีบกระดานเลน [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อ 19 มีนาคม 2564. เข้าถึงจาก https://nuttinee020340.wordpress.com/2017/09/25/custom_g6-2/
#หอสมุดแห่งชาติชลบุรี #สำนักศิลปากรที่5ปราจีนบุรี #กรมศิลปากร #กระทรวงวัฒนธรรม #การถีบกระดาน #ถีบกระดานหาหอย #ถีบกระดานเลน #ชลบุรี
พลับพลาเปลื้องเครื่อง เป็นอาคารหลังเดียวที่ตั้งอยู่นอกแนวกำแพงแก้วของปราสาทพิมาย โดยอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสะพานนาค ผังของอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง ๒๖.๐๐ เมตร ยาว ๓๕.๑๐ เมตร หันไปทางด้านทิศตะวันออก เป็นอาคารมีหลังคามุงกระเบื้อง ภายในอาคารมีลักษณะเป็นห้องเรียงต่อกัน ๓ แถว ในแนวทิศเหนือ-ใต้ โดยมีห้องขนาดใหญ่ ๒ ห้อง กั้นขนาบห้องยาวตรงกลาง ผนังด้านนอกของห้องยาวมีระดับลดหลั่นกัน ๓ ช่วง แสดงการแบ่งห้องเป็น ๓ ห้อง เช่นเดียวกับภายในซึ่งมีกรอบประตูกั้นเป็น ๓ ห้องเชื่อมต่อกัน สามารถเดินตัดจากด้านหน้า-ด้านหลังของอาคารผ่านทางห้องยาวนี้ ประตูห้องชั้นนอกสุดทั้ง ๒ ด้านและประตูหน้า-หลังของอาคารเท่านั้นที่มีรูเดือยสำหรับใส่บานประตูไม้ ห้องกลางเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเทดีที่สุด เนื่องจากมีช่องประตูและช่องหน้าต่างอยู่ในแนวตรงกัน หน้าต่างด้านทิศใต้ของห้องนี้ตรงกับหน้าต่างด้านทิศใต้ของห้องใหญ่และของตัวอาคาร นอกจากนี้ช่องประตูของห้องใหญ่ทั้ง ๒ ที่ขนาบอยู่ในทิศเหนือ-ใต้ก็อยู่ในแนวตรงกัน เพื่อช่วยในการถ่ายเทอากาศและการเข้ามาของแสงสว่างภายในอาคาร การวางทิศทางของผนังทึบ-โปร่งนอกจากจะสอดคล้องกับการรับแสงอาทิตย์ในช่วงเวลาเช้า-บ่ายแล้วยังเหมาะสมกับทิศทางลม เนื่องจากทิศใต้เป็นทิศที่จะมีลมพัดเข้ามาตลอด จึงเป็นผนังโปร่งเปิดให้โล่งเพื่อดึงลมเข้ามาภายในอาคาร ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นเป็นทิศของลมมรสุม ในฤดูฝนมีลมพัดแรงจึงเหมาะสมที่จะทำผนังทึบในด้านนี้ การออกแบบอาคารหลังนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงการคำนึงถึงทิศทางลม แสงสว่าง และการถ่ายเทอากาศภายในตัวอาคารแล้ว ยังให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ที่อยู่ภายในอีกด้วย ห้องทั้งหมดภายในอาคารไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก แม้จะมีช่องหน้าต่างโปร่งอยู่ทั้งด้านทิศตะวันออกและด้านทิศใต้ สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะใช้เป็นที่พักเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนเข้าไปประกอบพิธีกรรมภายในศาสนสถาน และสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เนื่องจากได้พบทับหลังรูปเทวดาประทับเหนือหน้ากาลซึ่งคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้ง ๒ ข้าง และทับหลังภาพบุคคลหลั่งน้ำมอบม้าแก่พราหมณ์หรือทับหลังพิธีอัศวเมธตามรูปแบบศิลปะแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ---------------------------------------------------------เรียบเรียง/ภาพ : นางสาววิลาสินี แช่มสะอาด นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย---------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง: - ศิลปากร, กรม. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย.พิมพ์ครั้งที่ ๕. นครราชสีมา: โรงพิมพ์โจเซฟ,๒๕๕๔. - ศุภชัย นวการพิศุทธิ์ นักโบราณคดีอิสระ, การสนทนา , ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔.