ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ




          กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “แผ่นเสียงในสยาม” วิทยากรโดย นางขวัญฤทัย ขาวสะอาด หัวหน้าหอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร และนางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ดำเนินรายการโดย นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๐.๔๕ น.           ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร และติดตามชมย้อนหลังได้ทาง Youtube : กรมศิลปากร



          นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า อิโคโมสไทย กำหนดจัดงาน 2022 ICOMOS Advisory Committee, Scientific Symposium and Annual General Assembly การประชุมใหญ่สามัญของสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) และการประชุมวิชาการนานาชาติ ประจำปี ๒๐๒๒ ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ กรมศิลปากร กรุงเทพฯ            อิโคโมส คือองค์กรของผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการอนุรักษ์แหล่งมรดกวัฒนธรรม ทำหน้าที่เป็นองค์กรที่ปรึกษาของยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลก ประเทศไทย โดยกรมศิลปากร ได้สมัครเป็นสมาชิกองค์กรอิโคโมสมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของ อิโคโมสไทย และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของอิโคโมส เพื่อให้นักวิชาการผู้ที่มีภารกิจและความเชี่ยวชาญทางด้านการอนุรักษ์และจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม สมาชิกขององค์กรอิโคโมส ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับทราบความคืบหน้าของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง           กิจกรรมในครั้งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ การประชุมใหญ่สามัญของอิโคโมส ซึ่งจำกัดเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกอิโคโมสสากลเท่านั้น โดยวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ณ ห้องประชุม หอวชิราวุธานุสรณ์ กรุงเทพฯ และการบรรยายพิเศษ โดยนายสีหศักดิ์ กองเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในคณะกรรมการมรดกโลก (กิจกรรมนี้จำกัดเฉพาะสมาชิกอิโคโมสสากลและผู้ที่ได้รับเชิญจากกรมศิลปากรและสมาคมอิโคโมสไทย) และการประชุมเฉพาะสมาชิกอิโคโมส ในวันที่ ๒๖ – ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕            สำหรับวันที่ ๒๙ – ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ เป็นการประชุมวิชาการนานาชาติประจำปี เปิดให้บุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในเรื่องของการอนุรักษ์แหล่งมรดกวัฒนธรรมเข้ารับฟังและร่วมแสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งในปีนี้เป็นการเสนอในหัวข้อ มรดกศาสนสถาน (Religious Heritage) นำเสนอผลงานวิชาการของสมาชิก  อิโคโมสที่ผ่านการคัดเลือกกว่า ๖๐ เรื่อง จาก ๓๒ ประเทศทั่วโลก โดยนำเสนอในระบบ hybrid แบ่งออกเป็น ๓ ห้อง จากหัวข้อย่อย ๕ เรื่อง ประกอบด้วย ๑. คุณค่าความสำคัญของศาสนสถานและสถานที่ประกอบพิธีกรรม ๒. อิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่มีต่อการอนุรักษ์ การปกป้อง การจัดการมรดกศาสนสถาน ๓. การเปลี่ยนแปลงการใช้สอยและการรับรู้ของศาสนสถานและสถานที่ประกอบพิธีกรรมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ๔. กิจกรรมจาริกแสวงบุญในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 และ ๕. การนำมรดกศาสนสถานกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งการจัดการประชุมวิชาการนี้ อยู่ในการดูแลของคณะกรรมการวิชาการนานาชาติของอิโคโมสว่าด้วยเรื่องศาสนสถานและสถานที่ประกอบพิธีกรรม ที่มีชื่อย่อว่า PRERICO (เปร ริ โก) บุคคลทั่วไปสามารถเข้าฟังและแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://icomosthai.org


วันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๖.๐๗ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์ มายังอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย โดยมีนายบพิตร วิทยาวิโรจน์ รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ประชาชนในพื้นที่ เฝ้ารับเสด็จฯ ณ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ในการนี้นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา พร้อมด้วยนายภาณุวัฒน์ เอื้อสามาลย์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ได้ร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ ด้วย




          กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย จัดนิทรรศการ “Bridge of Colors” สะพานแห่งสีสัน เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบวันชาติของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ครบรอบ ๗๗ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และเป็นสะพานเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินโดนีเซียเข้าไว้ด้วยกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือทางด้านศิลปวัฒนธรรม             นิทรรศการในครั้งนี้ถ่ายทอดความหมายของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ผ่านภาพวาดที่หลากหลายทั้งทางด้านสุนทรียศาสตร์ การใช้สีสัน แนวความคิดการถ่ายทอดภาพและเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างกันของศิลปินชาวอินโดนีเซีย ๑๑ ท่าน     ประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ นับตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลา ๗๒ ปีแล้ว แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ได้มีการแลกเปลี่ยน การส่งเสริม และการสานสัมพันธ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรมนั้น ทั้งสองประเทศต่างมีวัฒนธรรมร่วมกัน ดังจะเห็นได้จากศิลปะ วรรณกรรม นาฏยศิลป์ แตกต่างเพียงบริบทแวดล้อมทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเท่านั้น การสร้างความรับรู้และเข้าใจในความหลากหลายผ่านผลงานศิลปะ นับเป็นวิธีการสื่อสารทางการทูตรูปแบบหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาใช้เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของชาติ โลกศิลปะที่ไร้พรมแดนสามารถหล่อหลอมให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกรับรู้ร่วมกันได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และตกผลึกกลายเป็นความตระหนักรู้ถึงคุณค่า และ “อัตลักษณ์” แห่งวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องที่ สร้างพลังแห่งศรัทธาและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมผู้คนเข้าไว้ด้วยกันผ่านงานศิลปะ     ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการพิเศษ “Bridge of Colors” ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ ห้องจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เปิดทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. หยุดวันจันทร์และอังคาร ค่าเข้าชม ชาวไทย ๓๐ บาท ชาวต่างชาติ ๒๐๐ บาท   



วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบภาพถ่ายเก่าจาก คุณกำพล จรุงกิจกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่กองดินและ ไวยาวัจกรวัดราษฎร์บำรุง อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยภาพชุดนี้ เป็นภาพเก่าทรงคุณค่าที่เกี่ยวกับบุคคล เหตุการณ์ และกิจกรรมสำคัญของวัดราษฎร์บำรุง ในสมัยที่พระครูกัลยาณสุทธิคุณ (เมี้ยน) เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่พ.ศ. 2495 เป็นต้นมา ขอขอบคุณ คุณกำพล จรุงกิจกุล ที่เห็นความสำคัญและมอบภาพถ่ายชุดนี้ให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรีทำสำเนา และขอขอบคุณ ชมรมนักโบราณคดี(สมัครเล่น) เมืองสุพรรณที่ช่วยประสานงาน


วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบภาพถ่ายเก่าจาก พระครูจันทสุวรรณเทพ เจ้าอาวาสวัดพร้าว ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี กราบขอบพระคุณพระครูจันทสุวรรณเทพ กรุณามอบภาพให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรีทำสำเนา และขอขอบคุณ ชมรมนักโบราณคดี(สมัครเล่น) เมืองสุพรรณที่ช่วยดำเนินการและประสานงาน


วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.00 น. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบภาพถ่ายเก่าจาก พระครูวิมลวัฒนกิจ เจ้าคณะตำบลบ้านแหลม เจ้าอาวาสวัดป่าพฤกษ์ ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 222 ภาพ ซึ่งเป็นภาพกิจกรรมและเหตุการณ์สำคัญของวัดป่าพฤกษ์ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมสัมภาษณ์พระครูวิมลวัฒนกิจ ในกิจกรรมประวัติศาสตร์บอกเล่าจากผู้เฒ่าเมืองสุพรรณ กับชมรมนักโบราณคดี (สมัครเล่น) เมืองสุพรรณ ด้วย กราบขอบพระคุณพระครูวิมลวัฒนกิจ กรุณามอบภาพให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรีทำสำเนา และขอขอบคุณ ชมรมนักโบราณคดี(สมัครเล่น) เมืองสุพรรณ ที่ช่วยดำเนินการและประสานงาน


  นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากเจดีย์วัดศรีสุพรรณ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พังทลายลงเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ ทำให้พบโบราณวัตถุจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เจดีย์จำลองสำริด ภายในบรรจุพระธาตุ พระพุทธรูปหินควอตซ์ และหลักฐานสำคัญยิ่งอีกชิ้นหนึ่ง คือ จารึกลานเงิน จำนวน ๑ ลาน  ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรโบราณของกรมศิลปากร ได้อ่านและวิเคราะห์อักขรวิธี พบว่าเป็น จารึกลานเงิน ภาษาบาลี ที่เขียนด้วยอักษรธรรมล้านนาทั้งสองด้านของลานเงิน ด้านที่หนึ่ง จำนวน ๖ บรรทัด และด้านที่สอง จำนวน ๗ บรรทัด ตัวอักษรกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑             เมื่อพิจารณาร่วมกับจารึกวัดศรีสุพรรณที่จารึก เมื่อ พ.ศ. ๒๐๕๒ ในรัชสมัยพระเมืองแก้วที่มีข้อความระบุปีที่สร้างพระเจดีย์เมื่อ พ.ศ. ๒๐๔๘ จึงอนุมานได้ว่าจารึกลานเงินนี้น่าจะจารขึ้น ในช่วง พ.ศ. ๒๐๔๘  หรือราว ๕๑๗ ปีมาแล้ว เนื้อหาของจารึก กล่าวถึง ปฏิจจสมุปบาท อันเป็นหลักธรรม ที่กล่าวถึงเหตุและผลของชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกันไปไม่ขาดสาย เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ก็เป็นเหตุให้อีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นสืบต่อกันไปเป็นลูกโซ่ จารึกด้านที่สองส่วนท้ายกล่าวถึง พุทธอุทานคาถา ที่เป็นปฐมพุทธอุทาน อันเกิดจากความเข้าใจอย่าง ถ่องแท้ในปฏิจจสมุปบาท การจารึกหลักธรรมดังกล่าวไว้ในพระเจดีย์จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นมรดกอันล้ำค่าของชาวพุทธให้คงอยู่สืบไป


black ribbon.