ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,757 รายการ

           กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ชมความงดงามของศิลปะลายรดน้ำ จากตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.            ตู้ลายทอง ถือได้ว่าเป็นศิลปะอันวิจิตรที่มีศาสนาเป็นบ่อเกิด คือ เกิดจากแรงศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนผู้ปรารถนาอุทิศตนสร้างผลงานอันวิจิตรงดงามสะท้อนผ่านพุทธศิลป์ชั้นเลิศด้วยฝีมือชั้นครูของช่างหลายแขนง สำหรับงานประณีตศิลป์บนตู้พระไตรปิฎกหรือตู้พระธรรมนั้น เป็นตัวอย่างของจิตรกรรมชั้นสูงที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนวัตถุ ที่ช่างฝีมือสมัยโบราณบรรจงจำหลักเส้นสายที่งดงามและแช่มช้อย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวคำสอนในพระพุทธศาสนาผ่านลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายรดน้ำ ลายกำมะลอ ลวดลายเหล่านี้ประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของตู้ การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับตู้พระธรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยจัดแสดงตู้พระธรรม จำนวน ๔๗ ตู้ และนาฬิกา ๑ เรือน แบ่งการจัดแสดงออกเป็น  ห้องที่ ๑ จัดแสดงนาฬิกาปารีส ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประทานแก่หอพระสมุด   วชิรญาณ ในโอกาสที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ครบรอบ ๒๕ ปี ห้องที่ ๒  จัดแสดงตู้พระธรรมในสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ห้องที่ ๓ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธบาท ห้องที่ ๔  จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องการสังคายนาพระไตรปิฎก ห้องที่ ๕  จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายในเรื่องรามเกียรติ์ ห้องที่ ๖  จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายที่เป็นรูปทวารบาลทั้งไทยและจีน ห้องที่ ๗ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องพุทธประวัติ ห้องที่ ๘  จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องชาดก ห้องที่ ๙  จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องป่าหิมพานต์และสัตว์หิมพานต์ ตู้พระธรรมที่นำมาจัดแสดงนอกจากจะได้เห็นถึงศิลปะในเชิงช่างสมัยรัตนโกสินทร์ผ่านลวดลายต่าง ๆ บนตู้พระธรรมที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามห้องจัดแสดงดังกล่าวแล้ว ยังมีตู้พระธรรมที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ อาทิ ตู้พระธรรม กท.๒ ที่ได้มาจากวัดจันทารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ตกแต่งลวดลายจากเรื่องรามเกียรติ์ มีความพิเศษด้วยภาพที่หน้าบานประตูของตู้พระธรรมซึ่งโดยปกติ ภาพของทวารบาลจะเป็นภาพใหญ่เต็มองค์บนบานประตูตู้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แต่สำหรับตู้ใบนี้ภาพทวารบาลจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าบานประตู ซึ่งเป็นภาพทวารบาลที่ดูแปลกตาแตกต่างออกไป           ตู้ไซอิ๋ว เป็นตู้พระธรรมลายภาพเขียนสีบนพื้นรักสีแดง เป็นสมบัติเดิมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ มีการตกแต่งตู้ด้วยภาพเขียนสีแบบจีน บอกเล่าเรื่อง ไซอิ๋ว หรือเรื่องราวการเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญคัมภีร์พระไตรปิฎกของพระถังซำจั๋ง ที่ขอบบนของตู้มีจารึกเป็นอักษรและภาษาจีน อ่านว่า “เต้าก้วงสือปาเนียนลี่” หมายถึง ปีที่ ๑๘ ในรัชสมัยของพระเจ้าเซียนจง ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๓๘๑ - ๒๓๘๒ ประมาณรัชกาลที่ ๓ ของสมัยรัตนโกสินทร์ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง            ตู้พระธรรมแต่ละใบล้วนสร้างด้วยเทคนิคและลวดลายที่แตกต่างกัน ลวดลายอันอ่อนช้อยที่ปรากฎอยู่บนตู้พระธรรมเป็นงานศิลปะไทยของช่างศิลป์โบราณ อันเกิดจากขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อที่บ่มเพาะสืบทอดต่อกันมา และความเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมาช้านานจนก่อเกิดเป็นงานศิลป์ที่มีรูปแบบเฉพาะ กลายเป็นความงามบนพื้นฐานวิถีแห่งไทย วิถีแห่งธรรม ที่นำความภาคภูมิใจของคนในชาติมาจนถึงปัจจุบัน            ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์




นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีบวงสรวงเตรียมซ่อมบุษบกและโขนเรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชย โดยมีผู้แทนจากกองทัพเรือ พร้อมทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ร่วมในพิธีดังกล่าว ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี วันพุธที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๙ น. โดยหลังจากพิธีบวงสรวงในครั้งนี้จะทำการเคลื่อนย้ายบุษบกไปดำเนินการบูรณะที่สำนักช่างสิบหมู่ ส่วนโขนเรือจะดำเนินการบูรณะในพื้นที่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน ๒๕๖๖ นี้ เรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชย เป็นเรือพระที่นั่งสำคัญ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เคยใช้เป็นเรือพระที่นั่งในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีการใช้งานในพระราชพิธีสำคัญเรื่อยมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้รับความเสียหายจากระเบิด เหลือเพียงส่วนประกอบของเรือ ๒ ส่วน ได้แก่ บุษบก และโขนเรือ ซึ่งเป็นงานศิลปกรรมที่สร้างขึ้นจากไม้แกะสลัก ประดับตกแต่งด้วยการลงรักปิดทองประดับกระจก เป็นโบราณวัตถุของชาติ จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ปัจจุบันโครงสร้างเกิดการทรุดตัว ลายแกะสลักและงานลงรักปิดทองประดับกระจกชำรุดหลุดล่อน กรมศิลปากร ได้จัดสรรงบประมาณฉุกเฉินเร่งด่วน ดำเนินการบูรณะด้วยการเสริมโครงสร้างให้มีความมั่นคงแข็งแรง และซ่อมแซมลวดลายที่ชำรุด โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคงานช่างสมัยโบราณ เพื่อรักษารูปแบบเดิมของงานศิลปกรรมให้คงอยู่สืบไป เป็นการดำเนินงานโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของกรมศิลปากร ประกอบด้วย บุคลากรจากกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วิเคราะห์ตัวอย่างวัสดุที่ใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปกรรม และบุคลากรจากสำนักช่างสิบหมู่ บูรณะซ่อมแซมงานไม้แกะสลัก และงานประดับกระจก


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ เปิดให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๖ มีผู้เข้าชมทั้งสิ้น ๖๓๗ คน โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ อย่างเคร่งครัด


วันเสาร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยบูรณาการร่วมกับจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ สภาวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสุรินทร์ และสหกรณ์ออมทรัพย์คุรุสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ให้การสนันสนุนการจัดกิจกรรม โดยมีนายสรสาสน์ สีเพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงาน กิจกรรมประกอบด้วยการแสดงบนเวที การประกวดร้องเพลง กิจกรรมPlay&Learn เพลินอุรา @พิพิธภัณฑสถานแห่งขาติ สุรินทร์ มีเยาวชน เด็กและผู้ปกครอง ร่วมกิจกรรมประมาณ ๕๔๔ คน




การดำเนินงานโครงการบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์โบราณสถานปราสาทพนมวัน จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ ๔-๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ - เคลื่อนย้ายและติดตั้งชิ้นส่วนที่ทดลองประกอบได้ - เสริมหินใหม่ทดแทนในส่วนที่ขาดหาย - ก่ออิฐเสริมผนังระเบียงคตเพื่อช่วยรับน้ำหนักชิ้นส่วนด้านบน - นายวสุ โปษยะนันทน์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสถาปัตยกรรม ลงพื้นที่ให้คำแนะนำบุคลากรในการปฏิบัติงาน -เคลื่อนย้ายหินใหม่ที่จะใช้ในการดำเนินการบูรณะเข้าพื้นที่


กลับมาพบกับ Unseen ทางวัฒนธรรมของอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา กันอีกครั้ง โดยในสัปดาห์นี้ พี่นักโบ ขอพาทุกท่านไปเยือนอีกหนึ่งเพชรเม็ดงามทางวัฒนธรรมของอำเภอปักธงชัย ของเรา นั่นคือ "โบราณสถานอุโบสถเก่า วัดหน้าพระธาตุ" ในท้องที่บ้านตะคุ ตำบลตะคุ อำเภอปักธงชัย นั่นเองครับ     อุโบสถเก่า วัดหน้าพระธาตุ นับว่ามีความโดดเด่นทั้งในด้าน #สถาปัตยกรรม เเละ #จิตรกรรม  มีลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก มีขนาดกว้าง 5.50 และยาว 8.80 เมตร พื้นอาคารยกสูงจากพื้น 1.20 เมตร ใช้ผนังอาคารเป็นตัวรับน้ำหนักโครงสร้างหลังคา ด้านหน้าของอุโบสถเป็นมุขยื่น มีเสากลมตั้งขึ้นรับเครื่องบน 2 ต้น มีบันไดทางขึ้น-ลง เฉพาะด้านทิศตะวันออก 3 ด้าน  บริเวณผนังด้านทิศเหนือเเละทิศใต้ มีช่องหน้าต่าง ฝั่งละ 3 บาน ส่วนหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผาปลายมน มีกระเบื้องเขิงชายรูปเทพนม ประดับที่ปลายเชิงชาย หน้าบันของอุโบสถสลักรูปเทพพนมเหนือดอกโบตั๋น  และสลักลายพรรณพฤกษาเป็นพื้นหลัง ขอบด้านล่างของหน้าบันประดับด้วยลายกระจัง และรังผึ้ง ส่วนยอดของจั่วประดับปูนปั้นแทนการประดับช่อฟ้าลักษณะคล้ายก้อนเมฆ   สำหรับ ภาพจิตรกรรม ของอุโบสถเก่า เขียนด้วยสีฝุ่น เขียนภาพเล่าเรื่องทั้งด้านนอกเเละด้านในอุโบสถ โดย  #ด้านนอก เขียนภาพบริเวณผนังด้านทิศตะวันออกเล่าเรื่อง เทพ เทวดาไปสักการะพระธาตุจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ (กายสีเขียว) เป็นผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนี้ และด้านบนสุดเขียนภาพพระพุทธเจ้าแสดงภูมิสปรศมุทราพร้อมเหล่าพระสาวก #ด้านใน บริเวณผนังด้านทิศตะวันออกเเละทิศเหนือ เขียนภาพเล่าเรื่อง "ทศชาติชาดก ซึ่งกล่าวถึงการบำเพ็ญบารมีใน 10 ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะเสวยพระชาติมาเกิดเป็นพระโคตมพุทธเจ้า" ผนังด้านทิศใต้ เขียนภาพเล่าเรื่อง "ป่าหิมพานต์ วัตรปฏิบัติของภิกษุ วิถีชีวิตของผู้คน ตลอดสภาพบ้านเมืองที่มีอาคารได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมจีน" ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้ความนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และผนังด้านทิศตะวันตก เขียนภาพเล่าเรื่อง "รอยพระพุทธบาททั้ง 5 ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับไว้ทั้ง 5 แห่ง อันได้แก่ 1) เขาสุวรรณมาลิก 2) เขาสุวรรณบรรพต  3) เขาสุมนกูฏ 4) เมืองโยนกบุรี เเละ 5) ชายหาดใกล้ลำน้ำนัมมทนาที  ดังส่วนก หนึ่งของคำนมัสการพระพุทธบาท ความว่า "...สุวัณณะมาลิเก สุวัณณะปัพพะเต สุมะนะกูเฏ โยนะกะปุเร นัมมะทายะ นะทิยา.." และกึ่งกลางภาพปรากฏภาพพระพุทธเจ้าประทับยืนแสดงอภัยมุทรา    เมื่อพิจารณาจากฝีมือ เทคนิควิธีการ เเละองค์ความรู้จากภาพเขียนที่ปรากฏสันนิษฐานว่าช่างหรือจิตรกรที่เขียนภาพให้กับอุโบสถแห่งนี้ต้องเป็นช่างหลวงหรือช่างพื้นถิ่นที่มีทักษะฝีมือสูงที่ได้รับอิทธิพลการเขียนภาพจิตรกรรมจากราชสำนักรัตนโกสินทร์   เบื้องต้นจึงกำหนดอายุสมัยของอุโบสถเก่า เเละภาพจิตรกรรม วัดหน้าพระธาตุ อยู่ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 24-ต้นพุทธศตวรรษที่ 25 ร่วมรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อเรื่องถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ครับ   สำหรับด้านหน้าอุโบสถเก่าพบเจดีย์หรือธาตุทรงระฆัง ผังสี่เหลี่ยมจตุรัส ในวัฒนธรรมล้างช้าง หรือเป็นที่รู้จักกันในทางสถาปัตยกรรมว่า "ธาตุแบบบัวเหลี่ยม" จำนวน 2 องค์  ซึ่งเจดีย์หรือธาตุทั้ง 2 องค์นี้ สันนิษฐานว่าเป็นแรงบันดาลใจให้การสร้างธาตุด้านหน้าอุโบสถ งัดปทุมคงคา (วัดนกออก) ตามที่เสนอไว้เเล้วก่อนหน้านี้ครับ   อุโบสถเก่า วัดหน้าพระธาตุ ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดขอบเขตโบราณ มาตั้งเเต่ พ.ศ.2539 และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือ อุโบสถเก่า  หลังนี้ ได้รับพระราชทานรางวัล #อนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานเเละวัดวาอาราม ประจำปี 2552 โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครับ   อีกไฮไลต์อีกจุดหนึ่งของวัดหน้าพระธาตุ ที่จะหยิบยกไปนำเสนอในครั้งหน้า นั่นคือ #หอไตรกลางน้ำ ที่มีความงดงาม โดดเด่น เเละเฉพาะตัวเช่นเดียวกัน โปรดติดตามตอนต่อไปครับ   ผ่านไปผ่านมาเมืองปักธงชัย อย่าลืมเเวะมาชมเพชรเม็ดงามทางวัฒนธรรมของเมืองปักธงชัยกันเยอะๆนะครับ เพราะปักธงชัยบ้านเอ๋งไม่ได้มีดีเเค่ผ้าไหม    เรียบเรียงนำเสนอโดย นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ



วันอังคารที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๖ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ได้สำรวจแหล่งภาพเขียนสีถ้ำสบไถ๑ ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ***ขอบคุณภาพบางส่วนจากคุณเอกรัตน์ ร่มเย็น เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติน้ำพอง


วันอังคารที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๖ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ได้สำรวจแหล่งภาพเขียนสีถ้ำสบไถ 2 ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ***ขอบคุณภาพบางส่วนจากคุณเอกรัตน์ ร่มเย็น เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติน้ำพอง


วันอังคารที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๖ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น ร่วมกับอุทยานแห่งชาติน้ำพอง สำรวจแหล่งภาพเขียนสี "ถ้ำช้าง" ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น



black ribbon.