ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
เลขทะเบียน : นพ.บ.758/8กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-ทองทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 236 (393-406) ผูก 8ก (2568)หัวเรื่อง : เวสฺสนตรชาตก--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ขอเชิญผู้สูงอายุ ที่มีอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป ร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ "การทำพัดบุหงา" ในวันพุธที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุม อาคารเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดรับสมัครผ่านคิวอาร์โค้ด ผู้สนใจร่วมกิจกรรมได้ฟรี รับจำนวนจำกัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๘๗ (ทุกวันในเวลาราชการ) หรือทางเฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา https://www.facebook.com/chaosamphraya
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ขอเชิญชม
การแสดงเนื่องในงานพิธีสมโภชองค์กฐินพระราชทาน
กรมศิลปากร ประจำปี ๒๕๖๘
วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๙.๐๐ น.
ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จังหวัดสกลนคร
รายการแสดง
๑. รำสมโภชองค์พระกฐินพระราชทาน
๒. โขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดอานุภาพรามราชจักรี
นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต
กำกับการแสดงโดย กฤษกร สืบสายพรหม นาฏศิลปินอาวุโส
อำนวยการแสดงโดย ศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยร่วมกับโรงพยาบาลสุโขทัยขอคืนความสุขให้ทุกท่าน กับการแสดงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2559 "มหกรรมดนตรี วิถีไทย วิถีโลก" พบกับคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ และฮัคกี้ ไอเคิลมานน์ นักกีต้าร์ผู้บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ในวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2558 ณ โรงละครกลางแจ้ง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไป
งานนี้ชมฟรีเหมือนเช่นเคย นอกจากนี้ยังเพลิดเพลินกับอาหาร เครื่องดื่มในบรรยากาศย้อนยุค ที่มาให้บริการกันหน้าโรงละครฯเลยทีเดียว
ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป สังกัดกรมศิลปากร ครั้งที่ 1/2563ตำแหน่งที่รับสมัคร1.นักจัดการงานทั่วไป กลุ่มอำนวยการและประสานราชการสำนักบริหารกลางกรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 18000 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในทุกสาขาวิชา2.นักจัดการงานทั่วไป ฝ่ายบริหารงานทั่วไปสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 18000 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในทุกสาขาวิชา3.นักจัดการงานทั่วไป ฝ่ายบริหารงานทั่วไปสำนักหอสมุดแห่งชาติกรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 18000 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในทุกสาขาวิชา4.ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 18000 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี ทางโบราณคดี5.ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อุดรธานีสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่นกรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 18000 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี ทางโบราณคดี6.คีตศิลปิน ไทย หญิง กลุ่มดุริยางค์ไทยสำนักการสังคีตกรมศิลปากรจำนวน 2 อัตราเงินเดือน 18000 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับปริญญาตรี หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกันในสาขาใดสาขาหนึ่งทางคีตศิลป์7.นายช่างศิลปกรรม ด้านช่างประดับมุกและช่างรักจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ หรือสาขาวิชาการออกแบบ หรือสาขาวิชาศิลปหัตถกรรม หรือสาขาวิชาศิลปะหัตถกรรมโลหะรูปพรรณและเครื่องประดับ หรือสาขาวิชาเครื่องประดับอัญมณี หรือสาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับอัญมณี8.นายช่างศิลปกรรม ด้านประติมากรรมจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาวิจิตรศิลป์9.นายช่างศิลปกรรม ด้านงานแม่พิมพ์จำนวน 2 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ หรือสาขาวิชาศิลปหัตถกรรม10.นายช่างศิลปกรรม ด้านสถาปัตยกรรมจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาวิจิตรศิลป์ รือสาขาวิชาออกแบบ หรือสาขาวิชาศิลปหัตถกรรม หรือสาขาวิชาเทคโนโลยีศิลปกรรม หรือสาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟฟิก หรือสาขาวิชาใดสาขาหนึ่งทางสถาปัตยกรรม หรือทางเทคนิคสถาปัตยกรรม11.นายช่างเขียนแบบ ปราจีนบุรีจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาการก่อสร้าง หรือสาขาวิชาโยธา หรือสาขาวิชาเทคนิคสถาปัตยกรรม12.นายช่างโยธา นครราชสีมาจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาการก่อสร้าง โยธา ช่่างสำรวจ13.พนักงานทะเบียนบุคคล ส่วนกลางจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. ทุกสาขา14.พนักงานพัสดุ ฝ่ายบริหารงานทั่วไปสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. ทุกสาขา15.พนักงานพัสดุ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง บุรีรัมย์สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. ทุกสาขา16.พนักงานการเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานทั่วไปสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาการบัญชี หรือสาขาวิชาการเงินและการธนาคาร17.พนักงานการเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาการบัญชี หรือสาขาวิชาการเงินและการธนาคาร18.พนักงานการเงินและบัญชี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. สาขาวิชาการบัญชี หรือสาขาวิชาการเงินและการธนาคาร19.พนักงานธุรการ กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากรจำนวน 1 อัตราเงินเดือน 13800 บาทคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง-ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส. ทุกสาขา
สมัครทางเว็บไซต์ https://finearts.thaijobjob.comวันที่ตั้งแต่วันที่ 16 - 31 ธันวาคม 2562 ตลอด 24 ชั่วโมง
โขนเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงอย่างหนึ่ง ของไทย มีกำเนิดมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๐
ในชั้นเดิมปรับปรุงจาก การเล่น ๓ ประเภท คือ หนังใหญ่ ชักนาคดึกดำบรรพ์ และกระบี่ กระบอง ได้แก้ไขปรับปรุง ให้ประณีต ตามลำดับ แต่เดิมนั้นผู้แสดงโขนจะต้องสวมหัวโขน เปิดหน้าทั้งหมด จึงต้องมีผู้พูดแทนเรียกว่าผู้พากย์ - เจรจา ต่อมาได้ปรับปรุง ให้ผู้แสดง ซึ่งเป็นตัวเทพบุตร เทพธิดา และมนุษย์ชาย หญิง สวมแต่เครื่อง ประดับศีรษะไม่ต้อง เปิดหน้าทั้งหมด เครื่องประดับศีรษะ ได้แก่ ชฎา มงกุฎ รัดเกล้า กระบังหน้า ซึ่งมี ศัพท์ เรียกว่า ศิราภรณ์ แต่ผู้แสดงโขนที่สวมศิราภรณ์เหล่านี้ ก็ยังคงรักษาประเพณีเดิมไว้ คือ ไม่พูดเอง ต้องมีผู้พากย์ - เจรจาแทน เว้นแต่ผู้แสดง เป็นตัวตลก และฤาษีบางองค์ จึงจะเจรจาเอง ถือเป็นเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งของผู้แสดงโขนที่เป็นตัวตลก
เรื่องที่ใช้ แสดงโขน ในปัจจุบันนี้ นิยมเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งไทย ได้เค้าเรื่องเดิม มาจากเรื่องรามายณะ ของอินเดีย มีอยู่หลายตอนที่ เรื่องรามเกียรติ์ ดำเนินความ แตกต่างจาก เรื่องรามายณะมาก โดยเหตุที่ เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องยาว ไม่สามารถ แสดงให้จบในวันเดียวได้ บูรพาจารย์ ทางด้านการแสดงโขน จึงแบ่งเรื่องราวที่จะแสดงออกเป็นตอน ๆ มีศัพท์เรียก โดยเฉพาะว่า "ชุด" การที่เรียกการแสดงโขนแต่ละตอนว่าชุดนั้น เรียกตามแบบหนังใหญ่ คือเขาจัดตัวหนังไว้เป็นชุด ๆ จะแสดงชุดไหนก็หยิบตัวหนังชุดนั้นมาแสดง ที่กล่าวว่าโขน ปรับปรุงมาจาก การเล่นหนังใหญ่ ชักนาคดึกดำบรรพ์ และการเล่น กระบี่กระบองนั้น ท่านผู้รู้อธิบายว่า แต่เดิมการเล่นหนังใหญ่ เป็นมหรสพขึ้นชื่อลือชา มีมาตั้งแต่ ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานี ดังที่กล่าวไว้ในหนังสือ บุณโณวาทคำฉันท์ของพระมหานาค วัดท่าทราย ซึ่งแต่งขึ้นในราว พ.ศ. ๒๒๙๔ - ๒๓๐๑ เป็นระยะเวลา ๗ ปี ปลายรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ในหนังสือเล่มนี้ กล่าวถึงมหรสพ ที่แสดงฉลองพระพุทธบาท ในตอนกลางคืนว่า มีการละเล่นหนังใหญ่อยู่ด้วย การละเล่น หนังใหญ่นั้น เขานำแผ่นหนังวัว (บางท่านก็ว่ามีหนังควายด้วย) มาฉลุสลัก เป็นรูปตัวยักษ์ ลิง พระ นาง ตามเรื่อง รามเกียรติ์ การเล่นหนังใหญ่ นอกจากจะมีตังหนังแล้ว ยังต้องมีคนเชิดหนัง คนเชิดหนัง คือคนที่นำตัวหนัง ออกมาเชิด และยกขาเต้นเป็นจังหวะ นอกจากนี้ ยังต้องมีผู้พากย์ - เจรจา ทำหน้าที่ พูดแทนตัวหนัง และมีวงปี่พาทย์ ประกอบการแสดงด้วย สำหรับสถานที่ แสดงหนังใหญ่ นิยมแสดงบน สนามหญ้าหรือบนพื้นดิน มีจอผ้าขาว ราว ๆ ๑๖ เมตร ขึงโดยมีไม้ไผ่ หรือไม้กลม ๆ ปักเป็นเสา ๔ เสา รอบ ๆ จอผ้าขาว ขลิบริมด้วยผ้าแดง ด้านหลังจอจุดไต้ ให้มีแสงสว่าง เพื่อเวลา ที่ผู้เชิดหนัง เอาตัวหนัง ทาบจอทางด้านใน ผู้ชมจะได้แลเห็นลวดลาย ของตัวหนังได้ชัดเจนสวยงาม เมื่อแสดงหนังใหญ่นาน ๆ เข้า ทั้งผู้ชมและผู้เชิดหนัง ก็คงจะเกิดความเบื่อหน่ายผู้ชม คงจะเบื่อที่ตัวหนังใหญ่ เคลื่อนไหวอิริยาบถ ไม่ได้ฉลุสลัก เป็นรูปร่างอย่างไร ก็เป็นอยู่อย่างนั้น ส่วนผู้เชิดหนัง ก็อาจจะเบื่อหน่าย ที่จะนำตัวหนัง ออก ไปเชิด เนื่องจาก ตัวหนังบางตัว มีน้ำหนักมาก การที่ต้อง จับยกขึ้น เชิดชูอยู่เป็น เวลานาน ๆ ก็ทำให้ เมื่อยแขน ตัวหนังที่มีน้ำหนักมาก ๆ บางตัวมีขนาดใหญ่ และสูงขึ้นถึง ๒ เมตร เช่น หนังเมือง หรือหนัง ปราสาท จึงคิดจะออกไปแสดงแทน ตัวหนังใหญ่ แต่ก็ยังหา เครื่องแต่งกายให้ เหมาะสม กับตัวละครใน เรื่องรามเกียรติ์ ที่แบ่งเป็น พระ นาง ยักษ์ และลิง ไม่ได้ บังเอิญในเวลานั้น มีการเล่นใน พระราชพิธี อินทราภิเษกอยู่อย่างหนึ่ง คือ การเล่นชักนาค ดึกดำบรรพ์ การเล่นแบบ นี้ผู้เล่นแต่งกาย เป็นยักษ์ ลิง เทวดา มีพาลี และสุครีพ เป็นตัวเอก การเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ ในพระราชพิธี อินทราภิเษกนี้ ท่านผู้รู้ สันนิษฐานว่า บางทีพระมหากษัตริย์ไทย ในสมัยโบราณ อาจจะได้แบบอย่าง มาจากขอม แม้จะ ไม่มีตำนาน กล่าวไว้โดยชัดเจน แต่ก็ปรากฏว่า มีพนักสะพานทั้งสองข้าง ที่ทอดข้ามคู เข้าสู่นครธม ทำเป็นรูปพญานาค ตัวใหญ่มี ๗ เศียร ข้างละตัว มีเทวดา อยู่ฟากหนึ่ง อสูรอยู่ฟากหนึ่ง กำลังทำท่าฉุด พญานาค และที่ในนครวัด ก็จำหลักรูปชัดนาค ทำน้ำอมฤตไว้ที่ผนัง ระเบียง ด้านตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผู้รู้สันนิษฐานว่า การเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ ในพระราชพิธีอินทราภิเษกของไทย น่าจะได้แบบอย่าง มาจากขอม การเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ ในพระราชพิธีอินทราภิเษก จะสร้างภูเขา จำลองขึ้น แล้วทำเป็นตัวพญานาค พันรอบ ภูเขาจำลอง ให้พวกทหาร ตำรวจมหาดเล็ก เด็กชาย แต่งกายเป็นยักษ์ เทวดา และลิง ทำท่าฉุดพญานาค โดยพวกยักษ์ ฉุดด้านเศียรพญานาค เทวดา อยู่ทางด้านหาง และพวกลิงอยู่ทางปลายหาง ผู้ที่คิด จะออกไปแสดงแทนตัวหนังใหญ่ จึงเอาเครื่อง แต่งกายของ ผู้ที่เล่นชักนาคดึกดำบรรพ์มาแต่ง และเครื่องแต่งกาย ก็วิวัฒนาการ ตามลำดับจนกระทั่ง ถึงปัจจุบัน เชื่อกันว่า เครื่องประดับศีรษะ หรือที่เรียกกัน ต่อมาว่าหัวโขน ที่ทำเป็นหน้ายักษ์ ลิง เทวดา และมนุษย์ผู้ชายนั้น
ในสมัยที่ได้แบบอย่าง เครื่องแต่งตัว มาจากการเล่นชักนาคดึกบรรพ์ คงจะไม่ใช่ เป็นแบบหัวโขน ที่สวมปิดหน้าทั้งหมด เช่นในปัจจุบันนี้ ในสมัยนั้น คงจะเป็นแบบหน้ากากสวมปิดเพียง ใบหน้า ให้เห็นเป็นรูปยักษ์ ลิง หรือเทวดามากกว่า ส่วนศีรษะก็คงจะสวม เครื่องสวมหัว แบบเดียวกัน ทุกคน บางท่านสันนิษฐานว่า อาจจะสวมลอมพอก แบบผู้ที่แต่งกายเป็นเทวดา เข้ากระบวนแห่ก็เป็นได้ ครั้นต่อมา จึงปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ทำเป็นหัวโขนครอบทั้งศีรษะ เช่นในปัจจุบันนี้ และเข้าใจว่าหัวโขน ที่สวมครอบทั้งศีรษะ คงจะมีมาตั้งแต่ในสมัยกรุงธนบุรี หรือไม่ก็ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อมี เครื่องแต่งกายแล้ว ก็นำเอาลีลาท่าทาง การเต้นยกขาขึ้นลง ตามแบบ ท่าเชิดหนังใหญ่ มาเป็นท่าเต้น ของการแสดง ที่คิดขึ้นใหม่ และนำเรื่องรามเกียรติ์ ที่เคยแสดงหนังใหญ่ มาเป็น เรื่องสำหรับแสดง โดยมีการพากย์ เจรจาตามแบบ ที่เคยแสดงหนังใหญ่ นอกจาก ท่าเต้นแล้ว ยังจะต้องมีท่ารำอีกด้วย ในสมัยโบราณ คนไทยเรา เคยเห็นการเล่น กระบี่กระบองมา จนชินตา การเล่นกระบี่กระบองนั้น ก่อนที่คู่ต่อสู้ จะทำการต่อสู้กันอย่างจริงจัง จะต้องรำไหว้ครูด้วยลีลาท่ารำ ตามแบบแม่ท่าเสียก่อน ผู้ที่คิดจะใช้คน ออกไปแสดงแทน ตัวหนังใหญ่ จึงนำเอาท่ารำ ของกระบี่ กระบองมา เป็นท่ารำของตน โดยประดิษฐ์และดัดแปลงขึ้นใหม่บ้าง เช่น ท่าเทพนม ท่าปฐม เป็นต้น นอกจาก ลีลาท่ารำแล้ว ยังเอาท่าทางและ การต่อสู้กัน ของกระบี่กระบอง มาเป็นท่าทางในการรบกัน ของการแสดงชนิดใหม่นี้ด้วย
การแสดงที่ปรับปรุงมาจาก การเล่นทั้ง ๓ ประเภท ดังกล่าวมานี้ ต่อมาได้ชื่อว่า "โขน" เป็นชื่อที่ปรากฏ ในหนังสือ ของชาวต่างชาติ กล่าวถึงศิลปะการแสดงของไทย ในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่เหตุใด จึงเรียกนาฏกรรม ที่ปรับปรุงจากการเล่นหนังใหญ่ ชักนาคดึกดำบรรพ์ และกระบี่กระบอง ว่าโขน ยังไม่มีผู้ใด พบหลักฐาน ความเป็นมา อย่างแน่นอน แต่มีอยู่ท่านหนึ่ง คือ นายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้เขียนไว้ในหนังสือโขน พิมพ์เผยแพร่มาแล้วหลายครั้ง อธิบายถึงคำว่า"โขน" ไว้ดังนี้ เราได้พบคำว่า"โขล" ของเบงคาลี , "โกล" หรือ "โกลัม" ของทมิฬ และ "โขน" ของอิหร่าน อันมี ความหมาย คล้ายคำว่า "โขน" ซึ่งเป็นนาฏกรรม ของเราในบัดนี้ อย่างน้อยก็ มีความหมาย เป็น ๓ ทาง คือ๑. จากคำว่า "โขล" ของเบงคาลี ว่าเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ขึงด้วยหนังและใช้ตีรูปร่างเหมือนตะโพน๒. จากคำว่า "โกล" หรือ โกลัม ของทมิฬ หมายถึง การตกแต่ง ประดับประดาร่างกาย แสดงตัว ให้หมายรู้ถึงเพศ๓. จากคำว่า "ควาน" หรือ "โขน" ของอิหร่าน ว่า หมายถึงผู้อ่าน หรือขับร้องแทนตัวตุ๊กตาหรือหุ่น ถ้าที่มาของโขน อันเป็นมหานาฏกรรมของเรา จะสืบเนื่องมาจากคำ ในภาษาเบงคาลี ภาษาทมิฬและ ภาษาอิหร่านทั้งสามนั้น ก็ดูจะมีความหมายใกล้เคียง กับรูปศัพท์อยู่บ้าง แม้จะคงยังขาด ความหมาย ถึงผู้เต้น ผู้รำ แต่โขนจะมาจากคำในภาษาเบงคาลี หรือทมิฬหรืออิหร่านก็ตาม ตามหลักฐาน ที่นำมา เสนอไว้นี้ แสดงว่าแต่เดิมก็มาจากอินเดียด้วยกัน เพราะแม้ที่ว่าเป็นคำอิหร่าน ท่านอนันทกุมารสวามี ก็ว่ามีกำเนิดหรืออิทธิพลของอินเดีย "
วันศุกร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ
หลักสูตรนักบริหารการทูต (นบท.) รุนที่ ๔ เข้าทัศนศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
และทำกิจกรรมเวียนเทียนบริเวณวัดพระสี่อิริยาบถ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
เว็ปไซต์หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา : www.finearts.go.th/phayaoarchives
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดพะเยาสร้างขึ้นเนื่องด้วยพิจารณาเห็นว่าจังหวัดพะเยามีความเหมาะสมที่จะจัดตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพราะเป็นจังหวัดที่มีอดีต อันรุ่งเรือง เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรสำคัญทางภาคเหนือ และมีความพร้อมที่เกิดจากการสนับสนุน ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบุคลากรที่เข้าใจและเห็นคุณค่าของเอกสาร จดหมายเหตุ โดยเริ่มต้นจากการที่นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือถึง กรมศิลปากร เมื่อเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ ขอให้พิจารณาดำเนินการจัดตั้งหอสมุดแห่งชาติ ที่จังหวัดพะเยา โดยเสนอให้ใช้อาคารที่ว่าการอำเภอเมืองเดิม เป็นที่ทำการสำนักงานชั่วคราว กรมศิลปากร พิจารณาเห็นสมควรปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี โดยมีข้อสังเกตว่างานจดหมายเหตุ และงานหอสมุดมีลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดทั้งงบประมาณ อัตรากำลังและสถานที่ ในการก่อสร้าง ควรจัดตั้งรวมหน่วยงานทั้งสองแห่งไว้ในสถานที่เดียวกัน กรมศิลปากร จึงเสนอ ขอดำเนินการจัดตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติควบคู่กันไปด้วย และได้มอบหมายให้ นายพูลลาภ อินทรนัฎ วิศวกรโยธา และ นายสุเทพ วิริยะบุศย์ มัณฑนากร ไปตรวจสอบอาคารดังกล่าว พบว่าอาคารนั้น มีสภาพไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักเอกสารได้
กรมศิลปากร จึงได้พิจารณาที่ดินเพื่อทำการก่อสร้างอาคารใหม่และได้รับการสนับสนุนจากพระธรรมวิมลโมลี เจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ (ขณะนั้น) โดยมอบที่ดินของวัดพระธาตุจอมทองจำนวน ๕ ไร่ ด้านที่ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ให้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติจังหวัดพะเยา กรมศิลปากรจึงมอบหมายให้นายไพบูลย์ ผลมาก สถาปนิก (ขณะนั้น) ดำเนินการออกแบบอาคาร ส่วนการตกแต่งภายในอาคารนั้นมอบหมายให้ นายสุเทพ วิริยะบุศย์ มัณฑนากร ดำเนินการโดยได้รับงบประมาณดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๒ รวมทั้งสิ้น ๒๗,๖๗๘,๖๐๐บาท (ยี่สิบเจ็ดล้านหกแสนเจ็ดหมื่นแปดพันหกร้อยบาทถ้วน )หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดพะเยาแห่งนี้ กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ (ขณะนั้น)สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาส ที่ทรงมีพระชนมายุครบ ๔๕ พรรษา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่ออาคารว่า “หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา ”เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ และได้เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันพุธที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เวลา ๑๕.๐๐ น.ต่อมาได้รับ พระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระนามาภิไธยย่อ มวก.เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐาน ณ อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา ในวันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ หอจดหมายแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา จึงพร้อมเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒
หน้าที่ความรับผิดชอบ
๑. รับผิดชอบการบริหารงานเอกสารของส่วนราชการ ๘ จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดพะเยา เชียงราย แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร และเพชรบูรณ์
๒. รวบรวม ประเมินคุณค่า วิเคราะห์ จัดหมวดหมู่ เก็บรักษา และอนุรักษ์เอกสารสำคัญของชาติ
๓.ให้บริการศึกษาค้นคว้าวิจัยแก่หน่วยงานองค์กร รัฐวิสาหกิจ นักเรียนนักศึกษา ประชาชนทั่วไป
๔. บันทึกเหตุการณ์สำคัญของชาติ
๕.ดำเนินการเป็นตัวแทนกรมศิลปากรในพื้นที่ จังหวัดพะเยา
๖.ปฏิบัติงานร่วมกันหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นทีเกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมายในรูปแบบบูรณาการ
การตรวจราชการของผู้ตรวจราชการกรมศิลปากร ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖
หน่วยงานและโบราณสถานในเขตรับผิดชอบของ สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา