ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ
ประพัฒน์ ตรีณรงค์. ชีวประวัติกวีไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. พระนคร: เจริญธรรม, 2499.
เป็นหนังสือที่ได้รวบรวมชีวประวัติกวีไทยที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในครั้งอดีตไว้รวม 21 คน ด้วยกัน เช่น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ กรมสมเด็จพระเดชาดิศร พระยาศรีสุนทรโวหาร พระยาตรัง พระมหามนตรี หลวงจักรปวณี หลวงธรรมาภิมณฑ์ หลวงอรรถเกษมภาษา หมาห่วง นายมี เป-โมรา คุณพุ่มเจ้าแห่งสักวาหญิง และคุณสุวรรณ กวีผู้ถูกกล่าวหาว่า “บ้า”
ชื่อเรื่อง ธมฺมบทวณฺณนา ธมฺมบทฏฺฐกถา (ขุทฺทกนิกายฏฺฐกถา)
อย.บ. 327/8
หมวดหมู่ พุทธศาสนา
ลักษณะวัสดุ 54 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 53 ซม.
หัวเรื่อง พระธรรมเทศนา
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา
อย่างที่เกริ่นไปเดือนที่แล้วนะคะว่า สาระน่ารู้ในแต่ล่ะเดือนต่อจากนี้ ทางอุทยานขอนำเสนอหัวข้อ "จารึก" โดยในเดือนมิถุนายนนี้ทางอุทยานขอนำเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับข้อมูลสังเขปจารึกสด๊กก๊อกธม หลักที่ 1 เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อเข้าสู่หัวข้อต่างๆ ในตอนถัดไปค่ะ
***โปรดติดตามสาระน่ารู้กันด้วยนะคะ ****
ไปชมกันได้เลยค่าาาา
หลักศิลาจารึกสด๊กก๊อกธม หลักที่ 1
เป็นจารึกเป็นอักษรขอมโบราณ ภาษาเขมร มีทั้งหมด 2 ด้าน ด้านที่ 1 มี 22 บรรทัด และด้านที่2 มีทั้งหมด 8 บรรทัด
ตัวจารึกทำมาจากหินทรายสีแดง กว้าง 22 เซนติเมตร สูง 81 เซนติเมตร หนา 9 เซนติเมตร รูปทรงกลีบบัว
จารึกระบุปีมหาศักราช 856 หรือ พุทธศักราช 1480 ในสมัยพระเจ้าชยวรมันที่ 4
จารึกดังกล่าวถูกค้นพบในปีพุทธศักราช 2511 โดยเจ้าหน้าที่กองโบราณคดี กรมศิลปากร ที่บ้านสระแจง ตำบลโคกสูง อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี หรือปัจจุบันคือ บ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว จารึกสด๊กก๊อกธม 1 ถูกนำมาเก็บรักษาเพื่อแปลข้อความในจารึกที่หอสมุดแห่งชาติเมื่อพุทธศักราช 2511 ต่อมาในปีพุทธศักราช 2529 ได้นำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และย้ายมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่พุทธศักราช 2561 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี : Prachinburi National Museum
หนังสือ : ส้มสีม่วง
ผู้เขียน : ดาวกระจาย
เคยสงสัยหรือไม่? ทำไมเมื่อคนเราโตขึ้น ความฝันและจินตนาการมักจะเหือดแห้งหายไป มันถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต หรือเวลากลืนกินมันไปทีละน้อย หรือหน้าที่การงานสูบมันออกไปจากเราจนหมด หรือมันไร้ค่าไร้ความสำคัญจนเราต่างลืมเลือนไปทีละน้อย หรือที่จริงมันยังคงอยู่ เพียงแต่ถูกกลบฝังไว้ลึกๆ จนยากที่จะขุดลงไปถึง เอาเข้าจริงๆ แล้ว เหตุผลเหล่านี้ก็ล้วนแต่ไร้ซึ่งจินตนาการอย่างยิ่ง ถ้าอย่างนั้น ความคิดฝันและจินตนาการของมนุษย์หายไปไหนหมด เป็นไปได้ไหมว่ามีใครบางพวกมาขโมยไป ใครซึ่งเราอาจจะมองเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแต่คาดไม่ถึง ใครซึ่งแฝงฝังตัวอยู่ใกล้ๆ เรานี่เอง แต่ไม่มีใครรู้ถึงอันตรายอันใหญ่หลวงของมัน มันค่อยๆ กัดกินความฝันของเราไปทีละน้อย จนถ้าเราไม่ตระหนัก วันหนึ่งก็อาจลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยมีฝันอะไรอยู่บ้างในชีวิต
มีแต่เด็กๆ เท่านั้นกระมังที่รู้ถึงพิษสงของมัน เด็กๆ ที่ไม่ได้เล่น ไม่ได้ฝัน ไม่ได้คิดจินตนาการ จะรู้ดีว่าชีวิตช่างแห้งแล้ง จืดชืด และไม่สนุกเอาเสียเลย พวกวายร้ายเหล่านี้จึงกลัวเด็กๆ เป็นพิเศษ เพราะเด็กๆ จะไม่ยอมให้มันขโมยความฝันไป ซ้ำยังจะป่าวประกาศให้ผู้ใหญ่ได้ระวังตัวด้วย และนี่ก็คือหนังสือที่เด็กๆ ช่วยกันเปิดโปงความชั่วร้ายนั้น แต่ก่อนจะเปิดหน้าต่อไป ลองถามตัวเองก่อนว่า โลกเรารูปร่างเหมือนส้มเขียวหวานจริงหรือไม่ ถ้าเชื่อว่าไม่จริง นี่คือหนังสือสำหรับคุณ แต่ถ้าเชื่อว่าจริง หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยละ!
รายละเอียดหนังสือ
ห้องบริการ 1 หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
เลขหมู่ : 895.913 ด436ส
รายงานผลการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล กรมศิลปากร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566[ITA O19-2566]
พระราชดำรัส จัดพิมพ์โดยคณะกรรมการประชาสัมพันธ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2532 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง ประเพณีบุญกำฟ้าของไทยพวนผู้เรียบเรียง :
นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
ชื่อเรื่อง สพ.ส.61 ตำราดูฤกษ์ยามประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยดำISBN/ISSN -หมวดหมู่ โหราศาสตร์ลักษณะวัสดุ 40; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง ตำราดูฤกษ์ยาม ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดลาวทอง ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 15 ส.ค..2538
ตำนานแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สระแก้ว
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สระแก้ว เป็นแหล่งน้ำสำคัญ 1 ใน 3 ของจังหวัดจันทบุรี ตั้งที่ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ในอดีตน้ำจาก สระแก้ว ถูกนำไปใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญในสำนักพระราชวังมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่าในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการเพิ่มแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากมณฑลต่างๆ อีก 10 มณฑล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มณฑลจันทบุรี
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 พุทธศักราช 2468 และรัชกาลที่ 9 พุทธศักราช 2493 ได้พลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากจันทบุรี จำนวน 2 แหล่ง คือ ที่ธารนารายณ์ (น้ำตกคลองนารายณ์) และที่ สระเก้ว (ตำบลพลอยแหวน) โดยทำพิธีเสกน้ำที่ วัดพลับบางกะจะ
ตามตำนานของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สระแก้ว ในเอกสารจดหมายเหตุที่กรมการจังหวัดจันทบุรีรายงานแจ้งถึงหัวหน้าแผนกราชกิจจานุเบกษา ในพุทธศักราช 2493 มีความว่า
“น้ำที่สระแก้ว อยู่ใกล้กับเขาสระแก้ว เมื่อกาลนานหลายอายุคนมาแล้ว มีผู้ไปพบสระน้ำแห่งหนึ่ง กว้าง 6 เมตร ยาว 7 เมตร อยู่ในป่าทึบปราศจากบ้านคน น้ำในสระเต็มเปี่ยมและใสบริสุทธิ์จนมองเห็นเป็นสีมรกต มีปลานานาชนิดอาศัยอยู่ สามารถมองเห็นถนัด ปลาที่อยู่ในสระปราศจากคนรบกวน ข้างสระมีตาลต้นใหญ่งดงามเขียวชอุ่มอยู่เป็นนิจ ในสระปรากฏมีแสงสว่างเป็นวงเขียวคล้ายแก้ว เป็นวงรอบสระ อีกประการหนึ่งมีผู้เห็นแสงสว่างจากต้นตาลแล้วแสงสว่างนั้นสะท้อนลงไปในสระด้วยความสะอาดของสระนั้น
ต่อมาได้มีผู้มาปลูกสร้างบ้านเรือนและประกอบอาชีพในป่าใกล้สระนี้ ทำให้เกิดความมั่งคั่งรุ่งเรืองตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้นผู้มาประกอบอาชีพเมื่อเหน็ดเหนื่อยได้มาอาบน้ำหรือลูบไร้ น้ำในสระแก้วล้วรู้สึกสบายใจหายหอบเหนื่อย ปลาที่อยู่ในสระเป็นปลาเชื่องแหวกว่ายอยู่ด้วยความร่าเริง ได้มีผู้ทำการจับปลาในสระนี้แต่ไม่เคยปรากฎว่ามีผู้ใดจับปลาได้เลย จึงยังความมหรรศจรรย์ให้แก่ราษฎรในแถบนั้นว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาในสมัยหนึ่งเกิดการแห้งแล้งผิดปกติ น้ำในสระเหือดแห้งลง ได้มีราษฎรหมู่หนึ่งพากันไปวิดน้ำในสระเพื่อจับปลา แต่วิดเท่าใดน้ำในสระหาแห้งไม่ ในทันใดก็เกิดการสำแดงที่น่าเกรงขาม คือมีพายุพัดอย่างรุนแรงและฝนตกหนักจนน้ำเต็มสระตามเดิม พวกจับปลาได้รับความตระหนกตกใจอย่างมากมาย จึงต้องล้มเลิกความคิด และแต่นั้นต่อมาไม่มีผู้ใดอาจไปรบกวนหรือจับปลาสระนั้นอีกเลย สิ่งที่เป็นปัญหาและลึกลับนี้จึงเล่าลือกันไปอีกเป็นการเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น
อนึ่ง การที่มีผู้แลเห็นน้ำในสระคล้ายมีแก้วอยู่ก้นสระและประกอบกันเกิดมหรรศจรรย์ดังกล่าว ได้เลื่องลือแพร่สพัดไปในที่ต่างๆ ชาวบ้านที่ได้ทราบเรื่องต่างก็ลำลือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่เคารพนับถือของราษฎรในครั้งนั้น และได้ให้ชื่อสระนี้ว่า สระแก้ว จากเหตุที่กล่าวมานี้ จึงได้นำเอาน้ำที่สระที่ถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ มาประกอบพิธีทำเป็นน้ำอภิเษก เรื่อยมา”
ในปีพุทธศักราช 2567 นี้ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จังหวัดจันทบุรีมีการตักน้ำศักดิ์อีกครั้งหนึ่ง จากแหล่งน้ำทั้งสิ้น 3 แหล่งคือ แหล่งน้ำสระแก้ว แห่งน้ำธารนารายณ์ และแหล่งน้ำวัดพลับบางกะจะ เพื่อนำไปใช้ในการประกอบราชพิธี
ผู้เขียน
นายอดิศร สุพรธรรม นักจดหมายเหตุชำนาญการ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี
เอกสารอ้างอิง
หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี. จบ1.1.1.6/8 เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดจังหวัดจันทบุรี เรื่องการทำน้ำอภิเษก ปี 2493 (19 สิงหาคม 2491 – 20 กรกฏาคม 2493)
กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
#องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ บัญชักธรรม วัสดุ ไม้ ลงรักปิดทองประวัติ พุทธสถานเชียงใหม่ มอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2514ลักษณะ ไม้ลงรักปิดทอง รูปทรงเรียวยาว ส่วนปลายทั้งสองทำทรงหยักโค้งปลายแหลมมน ที่ปลายด้านหนึ่งเนื้อไม้บิ่นชำรุดและมีการเจาะรูสำหรับร้อยเชือก พื้นที่ตรงกลางจารึกด้วยอักษรธรรมล้านนา ความว่า“หนังสือมัดนี้ เตมิยะ 2 ผูก ชนก 2 ผูก สุวณฺณสาม 3 ผูก แลนายเอย ฯ 2 สทฺธาแล น้อยสุวัน สทฺธานึ่ง ฯ อ้ายออม สทฺธานึ่ง ฯ ได้ส้างไว้ยฺกับสาสนา ขอหื้อผู้ข้าได้เกิดร่วมสาสนาแล”“หนังสือมัดนี้ เตมิยะ 2 ผูก ชนก 2 ผูก สุวรรณสาม 3 ผูก แลนายเอย ฯ 2 ศรัทธาแล น้อยสุวัน ศรัทธาหนึ่ง ฯ อ้ายออม ศรัทธาหนึ่งฯ ได้สร้างไว้กับศาสนา ขอหื้อผู้ข้าได้เกิดร่วมศาสนาแล”*------------------------------------------บัญชักธรรม หรือ ไม้บัญชัก คือ ไม้ที่ใช้เขียนชื่อคัมภีร์ธรรม โดยระบุว่าในมัดนั้นมีคัมภีร์ใดบ้าง มีจำนวนกี่ผูก โดยจะนำไปผูกติดไว้กับคัมภีร์ด้านนอกเพื่อความสะดวกในการค้นหา เปรียบเหมือนเป็นป้ายชื่อ ลักษณะบัญชักธรรม ทำจากไม้ มีทั้งแบบที่ลงรักปิดทองหรือลงรักทาชาด รูปทรงเรียวยาวปลายแหลมมน ส่วนปลายทั้งสองข้างมักสลักลวดลายหรือเป็นแบบเรียบ ๆ ส่วนปลายด้านหนึ่งจะเจาะรูไว้สำหรับร้อยเชือกเพื่อผูกติดกับคัมภีร์ พื้นที่ตรงกลางเว้นที่ว่างไว้จารึกข้อความ ข้อความบนบัญชักธรรม นอกจากจะระบุชื่อคัมภีร์แล้ว ยังมีระบุปีที่สร้าง นามผู้ศรัทธา เจตนา และคำปรารถนาในการสร้างอีกด้วย เป็นการสร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา คล้ายกับการจารึกที่ฐานพระพุทธรูป ---------------------------------------------อ้างอิง* นางเดือนศิริ ศรีชัยวิทย์ (ปริวรรต) - มณี พยอมยงค์, ศิริรัตน์ อาศนะ. เครื่องสักการะในล้านนาไทย. เชียงใหม่ : ส.ทรัพย์การพิมพ์, 2549. หน้า 66.- ทรงพันธ์ วรรณมาศ. พจนานุกรมภาพศิลปวัฒนธรรมล้านนาและหัวเมืองฝ่ายเหนือ. ฝ่ายเอกสารการพิมพ์ สำนักงานอธิการ สหวิทยาลัยล้านนาเชียงใหม่, ไม่ระบุปีที่พิมพ์. หน้า 70.ภาพถ่าย- ภาพวิธีใช้งานบัญชักธรรม ถ่ายจาก หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่
ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 65 พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
ผู้แต่ง : จันทนุมาศ (เจิม), พัน
ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องหนังสือหายาก)
โรงพิมพ์ : โรงพิมพ์พระจันทร์
ปีที่พิมพ์ : 2503
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ไทย
เลขทะเบียน : น. 34 บ. 6164 จบ. (ร)
เลขหมู่ : 959.3 ป247ส
สาระสังเขป : หนังสือจัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางสงวน นพวงศ์ ณ อยุธยา ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2503 ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 65 พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) นี้ มีข้อความเป็นหลักฐานแตกต่างจากฉบับหมอบรัดเล และฉบับพระราชหัตถเลขาหลายแห่ง เป็นประโยชน์มากในทางสอบสวนค้นคว้าประวัติศาสตร์สยาม นอกจากพระราชพงศาวดาร ได้รวบรวมสำเนาท้องตรา พ.ศ. 2316 ถึง พ.ศ. 2317 และบัญชีช้างหลวง พ.ศ. 2319 ถึง พ.ศ. 2320 เท่าที่ยังมีฉบับเหลืออยู่มาจัดเรียงไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานประกอบพงศาวดารได้อีกหลายข้อ มีสารบัญค้นเรื่องท้ายเล่มเพื่อสะดวกในการค้นหานามและเหตุการณ์สำคัญ