ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

          เมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ตั้งอยู่ที่บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยห่างจากตัวอำเภอกมลาไสย มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ ๗ กิโลเมตร           สภาพภูมิประเทศตั้งอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำลำปาว เป็นที่ราบลุ่มสลับกับเนินดินและหนองน้ำธรรมชาติหลายแห่ง มีน้ำขังตลอดปีทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์จากตะกอนแม่น้ำที่พัดพามาทับถม ประกอบกับมีแหล่งน้ำธรรมชาติจำนวนมาก จึงเหมาะสมกับการตั้งชุมชนอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ สมัยโบราณ อีกทั้งมีการคมนาคมที่สะดวก เพราะแม่น้ำลำปาวมีต้นน้ำอยู่บริเวณหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ไหลผ่านจังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น ลงสู่แม่น้ำชีที่เป็นแนวเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กับ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แหล่งเกลือสินเธาว์ ไม้เนื้อแข็งประเภท เต็ง รัง ตะแบก และไม้ยาง ปัจจุบันป่าไม้ในพื้นที่หมดสภาพแล้ว           ลักษณะกายภาพของเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ตัวเมืองมีคันดิน ๒ ชั้น กว้างประมาณ ๒๕ - ๓๐ เมตร สูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร ระหว่างคันดินเป็นคูน้ำกว้างประมาณ ๒๐ เมตร ล้อมรอบเมืองที่มีแผนผัง เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนบนของผังเมืองสอบเข้าหากัน ทำให้นักวิชาการบางท่านมองว่าคล้ายรูปใบเสมา โดยเชื่อมโยงกับหลักฐานใบเสมาโบราณที่พบเป็นจำนวนมากในบริเวณนี้ ตัวเมืองมีความยาวตามแนวทิศเหนือ - ทิศใต้ ประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร กว้างตามแนวทิศตะวันออก - ทิศตะวันตก ประมาณ ๑,๑๕๐ เมตร           ภายในตัวเมืองมีเนินดินสูงอยู่ ๓ เนิน เนินที่ ๑ อยู่ทางตอนเหนือของตัวเมือง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ปัจจุบันเป็นสถานที่ประกอบพิธีศพของชาวบ้าน เนินที่ ๒ อยู่ทางตอนใต้ของเนินดินแห่งแรก มาเล็กน้อย เป็นเนินดินขนาดเล็กรูปร่างคล้ายตัวแอล (L) เนินที่ ๓ เป็นเนินดินขนาดใหญ่อยู่ในแนวกึ่งกลางของตัวเมืองแต่ค่อนมาทางด้านตะวันออก ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของบ้านเสมาซึ่งประกอบไปด้วยบ้านเรือน วัดโพธิ์ชัยเสมารามและโรงเรียนประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้ภายในตัวเมืองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบกิจกรรมต่างๆ นั้น ยังมีร่องรอยของคูน้ำขุดสลับซับซ้อนอยู่ภายใน โดยเนินดินที่ ๑ ซึ่งมีระดับความสูงจากระดับพื้นที่ปกติภายในเมืองเกือบ ๑๐ เมตร ที่ชายเนินมีร่องรอยของคูน้ำขุดล้อมรอบเป็นรูปเกือบกลม ส่วนเนินดินที่ ๓ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเสมาก็มีคูน้ำขุดล้อมรอบเช่นเดียวกัน ส่วนพื้นที่ราบบริเวณค่อนมาทางใต้ของตัวเมืองก็มีคูน้ำขุดในทางกว้างไปเชื่อมกับแนวคูเมือง และขุดตัดตรงคูเมืองทางตอนใต้ไปเชื่อมกับแนวคูน้ำที่อยู่ภายในเมือง           ส่วนนอกเมืองห่างออกไปทางทิศเหนือประมาณ ๒๐๐ เมตร มีพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้ากว้าง ๒๕๐ เมตร ยาว ๕๐๐ เมตร ส่วนทางทิศใต้ของเมืองห่างของไปประมาณ ๒๕๐ เมตร มีหนองนกพิดซึ่งเป็นหนองน้ำธรรมชาติยาวเกือบ ๑,๐๐๐ เมตร ขนานไปกับแนวคูเมือง ด้านนอกตัวเมืองโดยรอบมีหนองน้ำธรรมชาติกระจายอยู่ทั่วไป           เมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๓ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๔๗๙ และประกาศแนวเขตพื้นที่โบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ระวางแนวเขตพื้นที่ประมาณ ๙๑๐ ไร่ ๓ งาน ๗๕ ตาราง --------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูล : นางสาวศุภภัสสร หิรัญเตียรณกุล นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี --------------------------------------------อ้างอิงจาก :จังหวัดกาฬสินธุ์. แผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองฟ้าแดดสงยาง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔. ผาสุข อินทราวุธ และคณะ. รายงานการขุดค้นเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์. ม.ป.ท. : ม.ป.ป., ๒๕๓๔. (เอกสารอัดสำเนา)


สำหรับเรื่องราวของชาติพันธุ์มนุษย์ หรือ Human Race นั้น ตามทฤษฎีโดยทั่วไปแล้ว จะมีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มชาติพันธุ์หลักด้วยกัน อันได้แก่   - มองโกลอยด์ (Mongoloid) - คอเคซอยด์ (Caucasoid) - นิกรอยด์ หรือ เนกริโต (Negriod or Negrito)   สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์มองโกลอยด์ ก็คือชาติพันธุ์หลักของผู้คนในเอเชียตะวันออก (จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, มองโกเลีย) เอเชียกลาง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, กลุ่มชนพื้นเมืองในภูมิภาคโพลินีเซียน (Polynesian : อาทิ ตองกา, ฮาวาย, ซามัว) ชาวเมารี (Maori) ในนิวซีแลนด์, ชาวเอสกิโมหรืออินูอิต (Inuit) รวมไปถึงชนพื้นเมืองในอเมริกาเหนือและใต้   -----   ส่วนกลุ่มชาติพันธุ์คอเคซอยด์ ก็คือกลุ่มชาติพันธุ์หลักของผู้คนในยุโรป, เอเชียตะวันตก (ตะวันออกกลาง) เอเชียใต้ รวมไปถึงแอฟริกาเหนือ   -----   และกลุ่มชาติพันธุ์นิกรอยด์ ก็คือกลุ่มชาติพันธุ์หลักของผู้คนในทวีปแอฟริกา, ภูมิภาคเมลานีเซีย (Melanesian : อาทิ ปาปัวนิวกินี, ติมอร์ รวมไปถึงชนพื้นเมืองในมาเลเซีย อินโดนีเซีย) รวมไปถึงชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย (ชาวอะบอริจิน) เป็นต้น   -----   โดยนอกจากกลุ่ม 3 ชาติพันธุ์หลักนี้แล้ว ในบางทฤษฎีอาจจะมีการแบ่งแยกย่อยได้ไปอีก อาทิเช่น ชาวอเมริกานอยด์ (Americanoid) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในอเมริกาเหนือและใต้ (หรือที่เรียกว่าชาวอินเดียนแดง) , ชาวกอยซาน (Khoisan) ซึ่งเป็นกลุ่มชนในแอฟริกาใต้ รวมไปถึง ชาวออสเตรลอยด์ (Australoid) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย เป็นต้น   -----   *** Reference   - https://www.quora.com/ - https://en.m.wikipedia.org/wiki/ - https://link.springer.com/.../10.1007%2F978-1-4020-6754-9...   #Histofun


ชื่อเรื่อง                           เทสนาสมถและวิปัสสนากัมมัฏฐาน (สมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน)สพ.บ.                                  110/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           28 หน้า กว้าง 5.3 ซ.ม. ยาว 57.5 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           บทสวดมนต์บทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดประสพสุข   ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                           เทศนาสังคิณี – มาปัฏฐานสพ.บ.                             148/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           22 หน้า กว้าง 5.5 ซ.ม. ยาว 56.5 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 ธรรมเทศนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ภาษาบาลี-ไทย ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี 


ชื่อเรื่อง                                เตปิฎกกานิสํสกถา (อนิสงส์สร้างพระไตรปิฎก)สพ.บ.                                  133/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           26 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 56 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 ธรรมเทศนา บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดกุฏีทอง ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี


เลขทะเบียน : นพ.บ.91/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  48 หน้า ; 5 x 56 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 54 (122-128) ผูก 7 (2564)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (พระอภิธัมมสังคิรี-พระสมันตมหาปัฎฐาน) --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ขอมภาษา : บาลี-ไทยบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อเรื่อง                                ปฐมสมฺโพธิ (ปฐมสมโพธิกถา)สพ.บ.                                  161/21ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           40 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 55 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           พระพุทธเจ้า บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย มีข้อความปักด้วยไหมสี ระบุว่า                                                                                        “ศรัทธาเจ้านวลคำถวายอุททิศ ไปถึงแม่เจ้าบัวทิพย์ในงานปลงศพ” ผืนผ้าแพร ปักประดับด้วยรูปเทพพนมดุนจากเงิน โดยรอบปักเป็นรูปดอกไม้ใบไม้ด้วยไหมสีต่างๆ ชายผ้าด้านล่างเป็นลูกปัดร้อยเป็นแถบ ใช้สำหรับวางบนกากะเยีย ส่วนมากมักทำเป็น ๓ ผืน หรือ ๔ ผืน  ตามลักษณะของแท่นวางที่เป็นไม้นำมามัดขัดกันสำหรับวางคัมภีร์พระธรรมในวาระต่างๆ เช่น งานตั้งธรรมหลวง อันหมายถึงพระเพณีเทศมหาชาติของภาคเหนือ นอกจากนี้ยังพบการทำผ้าชนิดนี้อุทิศถวายเนื่องในงานปลงศพอีกด้วย


ตำรายาแผนโบราณ ชบ.ส. ๙๖ จ้าอาวาสวัดเขาคันธมาทน์ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕ เอกสารโบราณ (สมุดไทย)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.31/1-3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)






สนามด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เดิมเป็นส่วนหนึ่งของข่วงเมืองน่าน ซึ่งมีพื้นที่ตั้งแต่ด้านทิศเหนือของวัดภูมินทร์จรดวัดหัวข่วง หลังปีพ.ศ.๒๕๐๑ ขณะที่อาคารถูกใช้เป็นศาลากลางจังหวัดน่าน มีการสร้างแนวรั้วด้านหน้าตามแนวถนนผากองขึ้น ต่อมาเมื่อกรมศิลปากรได้รับมอบอาคารเพื่อนำมาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ ได้มีการปรับภูมิทัศน์โดยการปลูกต้นลั่นทมตามแนวรั้วด้านหน้าในราวปีพ.ศ.๒๕๒๙ ก่อนการเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านอย่างเป็นทางการ


black ribbon.