ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ

ศิลปกรรมปูนปั้นที่วัดอาวาสใหญ่ เมืองกำแพงเพชรวัดอาวาสใหญ่ตั้งอยู่ในเขตอรัญญิกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองกำแพงเพชร ห่างจากประตูสะพานโคมประมาณ 2 กิโลเมตร ปัจจุบันมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (กำแพงเพชร-สุโขทัย) ตัดผ่านด้านหน้าวัด.วัดอาวาสใหญ่มีการใช้ปูนในการก่อสร้าง ประดับตกแต่งอาคารสถาปัตยกรรมต่างๆ ดังปรากฏหลักฐานในเอกสารที่เขียนขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ตัวอย่างเช่น .หลักฐานเชิงประจักษ์เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร เสด็จประพาสหัวเมืองเหนือในปี พ.ศ. 2450 ได้พระราชนิพนธ์ถึงวัดอาวาสใหญ่ ความว่า..“...วัดที่เรียกตามชื่อของราษฎรว่า อาวาสใหญ่ ชิ้นสำคัญในวัดนี้คือ พระธาตุใหญ่ อยู่กลางลาน รอบลานมีเป็นกำแพงสูงประมาณ 5 ศอก บนกำแพงมีเจดีย์ย่อม ๆ ก่อเป็นระยะไว้รอบ เป็นบริวารพระมหาธาตุ ตัวพระมหาธาตุเองตั้งบนฐานทักษิณ มีบันไดขึ้นสี่ด้าน มีกำแพงล้อมรอบทักษิณ ทั้งที่กำแพงและที่ประตูมีรูปสลักงาม ๆ เป็นยักษ์บ้างเทวดาบ้าง ฝีมือสลักแลงามน่าดูนัก...” (ปัจจุบันไม่พบร่องรอยรูปสลักยักษ์ และเทวดาแล้ว)..จากรายงานการขุดแต่งและบูรณะวัดอาวาสใหญ่ พบร่องรอยการฉาบและสอปูนบริเวณกำแพงแก้ว  ร่องรอยปูนฉาบวิหาร และพบร่องรอยการดาดปูนที่พื้นฉนวนทางเดินโดยรอบ บริเวณที่ชิดกับผนังบ่อน้ำ.จากการสำรวจพบร่องรอยปูนที่ปรากฏในงานศิลปกรรมของวัดอาวาสใหญ่ประเภทปูนฉาบหรือปูนตกแต่ง และปูนปั้น ดังนี้.ปูนฉาบ หรือ ปูนตกแต่ง - บ่อสามแสน พบร่องรอยปูนฉาบบริเวณผนังทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก ซึ่งสอดคล้องกับภาพถ่ายเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 - เจดีย์รายหมายเลข 3.18 พบชิ้นส่วนบัวคลุ่ม ลักษณะภายในปรากฏอิฐหน้าวัววางเรียงต่อกันเป็นวงโค้งมีปูนตกแต่งรูปกลีบบัวอยู่ด้านนอกความหนาประมาณ 5-10 เซนติเมตร - เจดีย์รายหมายเลข 3.2 บนฐานไพที พบปูนฉาบหนาประมาณ 1-4 เซนติเมตร  - บริเวณฐานไพทีรูปตัว “L” รองรับเจดีย์ราย พบปูนฉาบหนาประมาณ 1 เซนติเมตร และพบปูนฉาบบริเวณฐานบัว ส่วนลูกแก้วอกไก่หนา 3-4 เซนติเมตร ส่วนบัวคว่ำความหนาประมาณ 5 เซนติเมตร  - วิหาร บริเวณฐานบัวลูกแก้วอกไก่ ส่วนหน้ากระดานพบปูนฉาบหนา 1 เซนติเมตร บริเวณลูกแก้วอกไก่หนา 3-4 เซนติเมตร ส่วนฐานบัวคว่ำหนา 5 เซนติเมตร โดยปูนฉาบส่วนบัวคว่ำพบปูนปะปนกับชิ้นส่วนศิลาแลง ชิ้นส่วนกระเบื้องดินเผา และเม็ดทรายขนาด 1 เซนติเมตร ในขณะที่อาคารวิหารพบปูนฉาบผสมทรายเนื้อละเอียดฉาบผนัง ซุ้มประตูทางเข้า และเสารองรับหลังคาหนาประมาณ 2 เซนติเมตร ส่วนฐานบัวรองรับตัวอาคารพบร่องรอยการฉาบปูนสองครั้ง โดยการฉาบครั้งแรกมีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ขีดผิวหน้าเป็นรูปกากบาท (X) แล้วจึงฉาบปูนทับอีกครั้งหนึ่ง ความหนาโดยรวมประมาณ 5 เซนติเมตร - อุโบสถ และศาลาหมายเลข 4.2 พบปูนฉาบหนาประมาณ 1 เซนติเมตร และพบปูนฉาบเสาพาไลหนาประมาณ 3-4 เซนติเมตร - ศาลาหมายเลข 4.1 และศาลาหมายเลข 4.6 พบปูนฉาบอาคารความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร - ศาลาหมายเลข 4.4 พบปูนฉาบบริเวณเสารองรับหลังคามีความหนาประมาณ 1- 2 เซนติเมตร และพบปูนฉาบบริเวณพนักระวางเสามีความหนาประมาณ 4 เซนติเมตร - กุฏิหมายเลข 5.15 พบปูนฉาบอาคารความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร - กุฏิหมายเลข 5.20 พบร่องรอยการสอปูนโดยใช้ชิ้นส่วนกระเบื้องดินเผาแทรกในเนื้อปูนบริเวณมุมอาคารทิศตะวันตกเฉียงเหนือ..ปูนปั้น - สิงห์ประดับฐานเจดีย์รายหมายเลข 3.1 (บนฐานไพทีรูปตัว L) บริเวณฐานไพทีพบแกนศิลาแลงยื่นออกมาจากตัวฐานซึ่งคาดว่าเป็นเดือยยึดประติมากรรมกับฐาน ประติมากรรมมีลักษณะเป็นโกลนศิลาแลงตกแต่งปูนปั้นสันนิษฐานว่าเป็นรูปสิงห์ จากร่องรอยแผงคอบริเวณส่วนหัว โดยปูนมีความหนาประมาณ 4-9 เซนติเมตร..จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่าปูนที่ใช้ฉาบตกแต่งอาคารวัดอาวาสใหญ่มีสองลักษณะคือ  1. การใช้ชิ้นส่วนศิลาแลง ชิ้นส่วนกระเบื้องดินเผา และเม็ดทรายขนาดใหญ่ (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร) เป็นส่วนผสมปูนฉาบ เช่น ฐานไพทีรองรับวิหาร 2. ใช้ทรายเนื้อละเอียด (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร)เป็นส่วนผสมในการฉาบปูน เช่น ผนัง ซุ้มประตูทางเข้า และเสารองรับหลังคาวิหาร    นอกจากนี้ยังพบการผสมชิ้นส่วนกระเบื้องดินเผากับปูนที่ใช้ก่อสอระหว่างศิลาแลงเพื่อสร้างอาคาร และพบร่องรอยแสดงถึงการฉาบปูนสองครั้งบริเวณฐานบัวของวิหารด้วย________________________________________เอกสารอ้างอิงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. 2559. เที่ยวเมืองพระร่วง : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว และเรื่องสืบเนื่อง. กรุงเทพฯ : มูลนิธิเพชรรัตน-สุวันทา.สมคิด จิระทัศนกุล. 2559. อภิธานศัพท์ช่างสถาปัตยกรรมไทย เล่ม 2 องค์ประกอบ “ส่วนฐาน”. กรุงเทพฯ : คณะ สถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร. ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามเพชร. (ม.ป.ป.). รายงานการบูรณะโบราณสถานวัดอาวาสใหญ่ จังหวัดกำแพงเพชร. ม.ป.พ.: ม.ป.ท..  (อัดสำเนา)อนันต์ ชูโชติ, นารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์ และธาดา สังข์ทอง. (พิมพ์ครั้งที่ 4). นำชมอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร. กรุงเทพฯ: บริษัท บางกอกอินเฮาส์ จำกัด, 2561.อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร. (ม.ป.ป.). รายงานการขุดแต่งวัดอาวาสใหญ่ ในอรัญญิก เมืองกำแพงเพชรเก่า. ม.ป.พ.: ม.ป.ท.. (อัดสำเนา)


เรื่อง Play work ทำงานให้สนุกเหมือนเล่น กรู๊ซวอช, ปีเตอร์ เฟลิคส์. ทำงานให้สนุกเหมือนเล่น = Play work แปลโดย พนิดา กวยรักษา. กรุงเทพฯ: ช็อร์ตคัต, 2563. ห้องหนังสือทั่วไป 1 เลขเรียกหนังสือ 158.7 ก269ท Work Hard Play Hard วลีที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ หรือเรียกได้ว่าเป็นไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบัน แปลความหมายอย่างตรงตัวและเข้าใจง่าย คือ ทำงานหนัก เวลาพักก็ต้องเต็มที่ แต่หากมองความหมายเชิงลึกที่ซ่อนอยู่วลีนี้จะตีความได้ว่า การทำทุกอย่างให้เต็มที่และสุดความสามารถ เมื่อถึงเวลาทำงานก็ทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ และการใช้ชีวิตหลังจากเสร็จงานก็ต้องให้ความสำคัญ เป็นการสร้างความสมดุลให้กับการใช้ชีวิต และจะดีหรือไม่หากเราสามารถกำหนดการทำงานให้กลายเป็นเรื่องสนุกและสร้างความสุขให้กับชีวิตได้ ทำงานให้สนุกเหมือนเล่น เล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไปค้นพบตัวตนของเราว่าเหมาะสมกับงานประเภทไหน เพื่อหาแนวทางในการทำงานอย่างมีความสุข ผ่านความเชื่อที่ว่า หากเราทำงานที่เหมาะสมกับตนเอง เราจะไม่รู้สึกว่างานน่าเบื่อและเกิดความสุขที่ได้ทำงาน ด้วยวิธีการเรียนรู้ตัวตน 4 ขั้นตอน คือ ตระหนักรู้ในตนเอง ให้ตั้งคำถามและตอบตัวเองให้ได้ว่า สนใจในเรื่องใด อยากจะทำอะไร และต้องการอะไรจากการทำงาน ต่อมาคือ การเปิดเผยตัวตน เพื่อเชื่อมโยงไปถึงการได้รับมอบหมายงานที่ตรงตามความสามารถ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้าง ช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งมีส่วนช่วยในการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ขั้นตอนที่สาม คือ การแสดงความเป็นตนเอง เพื่อให้ได้ทำงานในแบบฉบับของตน ส่งผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า เพราะผลงานที่สร้างขึ้นนั้นเกิดจากความตั้งใจ เต็มใจ และสะท้อนตัวตนของผู้สร้าง สิ่งเหล่าที่เมื่อถูกส่งต่อให้กับบุคคลหรือสังคมย่อมเกิดประโยชน์สูงสุด แตกต่างกับวิถีการทำงานแบบเดิมที่มุ่งหวังผลประโยชน์ก่อนการลงมือทำ ขั้นตอนสุดท้าย คือ ได้บรรลุในสิ่งที่ตัวเองเป็น คือการได้ทำในสิ่งที่มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้ ให้เกิดขึ้นจริงและได้รับการยอมรับจากสังคมและคนรอบข้าง โดยสรุป Play Work ก็คือ การค้นพบตัวเองเพื่อให้เจอวิธีการทำงานให้เป็นเรื่องสนุก และยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่การใช้ชีวิตในแบบที่เป็นของตัวเองได้อีกด้วย ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติชลบุรี (วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.)




ชื่อผู้แต่ง        ยุวสมาคมแห่งประเทศไทย ชื่อเรื่อง         วารสารเศรษฐกิจ (ปี ๒๕๑๐ – ๒๕๑๑) ครั้งที่พิมพ์     - สถานที่พิมพ์   พระนคร สำนักพิมพ์     วงศ์เสงี่ยมการพิมพ์ ปีที่พิมพ์        ๒๕๑๐ จำนวนหน้า    ๑๕๕ หน้า รายละเอียด                   วารสารฉบับนี้เป็นการรวบรวมบทความปัญหาของประเทศ ส่วนใหญ่เขียนโดยผู้บริหารประเทศเพื่อให้ผู้อ่านและประชาชนทั่วไปได้ทราบนโยบายของประเทศ ด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม และเพื่อเป็นการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระประมุขของชาติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๐


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 148/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/5ญ เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อผู้แต่ง          สนต์  แสวงบุญ ชื่อเรื่อง           ทำเนียบสมณศักดิ์ ฉบับของ หมวดทำเนียบสมณศักดิ์ ฝ่ายการคณะสงฆ์ สำนักงานเลขาธิการ  มหาเถรสมาคม กรมการศาสนา                      ที่ระลึกสมโภชหิรัณยบัฏและเครื่องยศสมณศักดิ พระพรหมมุนีครั้งที่พิมพ์       - สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์       โรงพิมพ์ชวนพิมพ์ ปีที่พิมพ์          ๒๕๒๐ จำนวนหน้า      ๒๖๖ หน้า                               จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกวันสมโภชหิรัณยบัฏ และเครื่องยศสมณศักดิ์ เนื่องในการที่ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมศักดิ์เจ้าคุณพระพรหมมุนี ประกอบด้วยประวัติพระพรหมมุนี ทำเนียบสมณศักดิ์ ซึ่งจำแนกเป็นจังหวัดมีทั้งหมด ๗๑ จังหวัด พระครูสัญญาบัตร ประเทศมาเลเซีย ทำเนียบพระเปรียญ ๙ ประโยค เป็นต้น พร้อมภาพประกอบ  


          อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ขอเชิญทุกท่านชมการแสดง มินิไลท์ แอนด์ ซาวด์ ชุด “วิมายะนาฏการ” ในวันเสาร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เวลา ๑๖.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ณ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา           พบกับการแสดงนาฏการที่ยิ่งใหญ่และสวยงามการแสดง “มินิไลท์ แอนด์ ซาวด์ พิมาย” วิมายะนาฏการ เป็นการแสดงประกอบแสง-เสียงขนาดเล็ก เพื่อบอกเล่าถึงความเจริญรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีตกาลของเมืองพิมายและอารยธรรมขอมโบราณ “ปราสาทหินพิมาย” เปิดให้เข้าชมการแสดงฟรี‼️ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานนครราชสีมา เบอร์ติดต่อ: 0 4421 3666, 0 4421 3030


  ชื่อผู้แต่ง          จุ้ย ประเสริฐวณิช ชื่อเรื่อง           อนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ นายจุ้ย ประเสริฐวณิช ครั้งที่พิมพ์        พิมพ์ครั้งที่ ๑ สถานที่พิมพ์      กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์        ม.ป.พ. ปีที่พิมพ์          ๒๕๓๑ จำนวนหน้า      ๖๓ หน้า : ภาพประกอบ หมายเหตุ         พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพนายจุ้ย ประเสริฐวณิช ณ เมรุวัดธาตุทอง อ. พระโขนง กทม. วันเสาร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๑                                 เป็นหนังสือรวมเรื่องทั่วไปเช่น เรื่องถึงเพื่อนรัฐศาสตร์รุ่นแพแตก, รู้สักนิดเพื่อยืดชีวิตดวงตา, เกร็ดง่ายๆ ในการเลือกกินผลไม้ให้อร่อย และหลักการปฎิบัติตนที่จะให้บริสุทธิ์หลุดพ้น


ชื่อเรื่อง : ชื่อเสียงเกียรติคุณย่อมไม่ตาย ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2505 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์อำพลพิทยา จำนวนหน้า : 70 หน้า สาระสังเขป : หนังสือ ชื่อเสียงเกียรติคุณย่อมไม่ตาย เล่มนี้ เป็นชีวประวัติ พระโสภณสมาจาร (เหรียญ สุวรรณโชติ)


ชื่อผู้แต่ง         วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์.ชื่อเรื่อง           วิศวกรรมสาร (ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๖  ธันวาคม ๒๕๑๙)ครั้งที่พิมพ์       -สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯ  สำนักพิมพ์       วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ปีที่พิมพ์          ๒๕๑๙จำนวนหน้า      ๘๘ หน้ารายละเอียด                     วิศวกรรมสาร เป็นวารสารส่งเสริมความรู้ทางวิชาการในด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นสื่อกลางในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์ อันจะนำไปสู่ความริเริ่มเพื่อขยายงานที่กระทำอยู่ให้กว้างขวาง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ฉบับที่ ๖  ธันวาคม ๒๕๑๙ นี้ ให้ความรู้เกี่ยวกับท่อระบายน้ำที่ใช้ควบคุมอุทกภัยโดย วรุณ คุณวาสี Water Hammer in Piping โดย โกวิท ตั้งตระกุล เป็นต้น  


          ‘เศร้า’ โดย ชำเรือง วิเชียรเขตต์           100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรีศิลปแห่งนวสมัย           ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นครูผู้ให้โอกาสทางการศึกษาศิลปะแก่ลูกศิษย์อยู่เสมอ แม้ว่าคนๆ นั้นจะยังมิได้เป็นศิษย์ของท่านก็ตาม ชำเรือง วิเชียรเขตต์ (พ.ศ. 2474 – 2564) ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจำปี 2539 เป็นคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสนั้น เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรค์ ชำเรืองเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 ที่โรงเรียนไพศาลศิลป์ และเข้าเรียนที่โรงเรียนเพาะช่าง ตามลำดับ เมื่อเรียนจบชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนเพาะช่าง ชำเรืองได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้พลาดการสอบเทียบวุฒิเพื่อเข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทวี นันทขว้าง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2533 ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่างในขณะนั้น จึงได้พาชำเรืองไปพบกับศาสตราจารย์ศิลป์ “อาจารย์ บ้านเขาอยู่ไกล เขามาไม่ทัน เขามีนิสัย”           คือคำพูดสั้นๆ ที่ทวีแนะนำชำเรืองให้กับศาสตราจารย์ศิลป์ ท่านมองหน้าชำเรืองแล้วจึงเดินขึ้นไปพบ ศาสตราจารย์ พล.อ. หลวงรณสิทธิพิชัย (เจือ กาญจนินทุ) อธิบดีกรมศิลปากรและผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น เพื่อขอให้เปิดสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากรรอบสอง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชำเรืองได้เข้าเรียนศิลปะอย่างเป็นระบบภายใต้การอำนวยการของศาสตราจารย์ศิลป์ และกลายเป็นประติมากรอย่างเต็มตัว           ชำเรืองเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของศาสตราจารย์ศิลป์ที่มีความโดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์งานประติมากรรม ผลงานของชำเรืองแตกต่างจากประติมากรส่วนใหญ่ในยุคนั้นที่เน้นความเหมือนจริง งานประติมากรรมของชำเรืองได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของมนุษย์และสรรพสิ่งในธรรมชาติ ซึ่งถูกตัดทอนรายละเอียดต่างๆ ลง เหลือเพียงรูปทรงอันเรียบง่ายตามแนวทางของงานศิลปะแบบกึ่งนามธรรม (Semi Abstract) และนามธรรม (Abstract)            ‘เศร้า’ ฝีมือชำเรือง เป็นประติมากรรมปลาสเตอร์รูปมนุษย์นั่งชันเข่า ค้อมศีรษะลงพื้น ซ่อนใบหน้าไว้ด้านในลำตัว คล้ายคนอยู่ในอาการเศร้าหรือกำลังร้องไห้ ร่างกายถูกออกแบบให้ยืดยาวกว่าปกติ ผิดหลักกายวิภาค ศีรษะและร่ายกายเรียบเกลี้ยง ปราศจากริ้วรอยของกล้ามเนื้อและกระดูก มวลของประติมากรรมมีความนุ่มนวล กลมกลึง และลื่นไหลด้วยเส้นโค้งเว้า ‘เศร้า’ ได้รับประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับ 3 เหรียญทองแดง ประเภทประติมากรรม การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 7 (พ.ศ. 2499) เมื่อสิ้นสุดการแสดงผลงาน ศาสตราจารย์ศิลป์ได้ขอยืมไปจัดแสดงไว้ในห้องทำงานของท่าน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ปัจจุบันประติมากรรมชิ้นนี้ยังคงตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น จนกระทั่งเคลื่อนย้ายมาเพื่อจัดแสดงชั่วคราวในนิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย”           ‘เศร้า’ โดย ชำเรือง วิเชียรเขตต์ จัดแสดงอยู่ในนิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย” ระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 9 เมษายน 2566 ณ อาคารนิทรรศการ 4 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)   ที่มา สูจิบัตรนิทรรศการผลงานประติมากรรม เชิดชูเกียรติปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาประติมากรรม อาจารย์ชำเรือง วิเชียรเขตต์ โดย ภาควิชาประติมากรรม คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร


เลขทะเบียน : นพ.บ.396/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 28 หน้า ; 3.5 x 51.5 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 145  (48-57) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : สุนันทราช--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.531/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 26 หน้า ; 4.5 x 52 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 178  (281-290) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : ธัมมสังคิณี--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


black ribbon.