ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ
จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ วัดภูมินทร์ เขียนขึ้นในราวปีพุทธศักราช ๒๔๑๐-๒๔๑๗ ในสมัยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน (ในช่วงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕) เขียนด้วยเทคนิคสีฝุ่นบนรองพื้นดินสอพอง มีความสวยงาม และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งกาย วิถีชิวิต ภาพเขียนบ่งบอกถึงวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน เขียนเล่าเรื่องราว ๓ เรื่องหลักๆ พื้นที่ส่วนใหญ่เขียนเรื่อง "คัทธนกุมารชาดก"หนึ่งในปัญญาสชาดก (ชาดกนอกนิบาต) กล่าวถึงพระโพธิสัตว์คัทธนกุมารผู้ทรงมีพลังเปรียบดังพญาช้างสาร สร้างคุณงามความดี และความกตัญญูรู้คุณ เรื่องที่สองเขียนเรื่อง"เนมิราชชาดก"ชาดกชาติที่ ๔ หนึ่งในทศชาติชาดก เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์พระเนมิราช บำเพ็ญอธิษฐานบารมี เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องพุทธประวัติ นอกจากนี้ยังมีภาพบุคคลที่มีขนาดเท่าจริง ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะจิตรกรรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในจิตรกรรม ได้แก่ ภาพปู่ม่านย่าม่าน (ปู่ใช้เรียกแทนผู้ชาย ย่าใช้เรียกแทนผู้หญิง ม่านเรียกชาวพม่า) เป็นภาพหญิงชายแต่งกายแบบพม่า แสดงท่าทางกระซิบกัน หรือที่รู้จักกันใน"ภาพกระซิบรัก" ซึ่งเป็นภาพที่มีความโดดเด่น และนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีภาพบุคคลชายหญิงแต่งกายเหมือนชนชั้นสูงอีกด้วย เรามาดูการจัดวางภาพเพื่อเล่าเรื่องราวต่างๆ ภายในพระอุโบสถกัน วัดภูมินทร์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่านภาพแสดง : หนุ่มสาวชาวเมืองอินทรปัต (เรื่องราว คัทธนกุมารชาดก) (ผนังทางด้านทิศเหนือ)ภาพแสดง : บรรยากาศเมืองอินทรปัต มีท่าเทียบเรือสินค้าจากชาวยุโรป (ผนังทางด้านทิศเหนือ ด้านขวามือล่าง)ภาพแสดง : (ผนังทางด้านทิศเหนือ ) ผนังเริ่มต้นเรื่องราว “คัทธนกุมาร” จาก “ผนังซ้ายมือล่าง” กำเนิดพระโพธิสัตว์คัทธนกุมาร (ผนังตอนกลาง) คัทธนกุมารออกผจญภัยตามหาพระบิดาและได้พบพระสหายทั้งสอง "นายไม้ไผ้ร้อยกอและนายเกวียนร้อยเล่ม" (ผนังขวามือล่าง) คัทธนพร้อมพระสหายทั้งสามเดินทางผ่านเมืองอินทรปัต (ผนังส่วนบน) ตรงกลางผนังเป็นภาพพระพุทธเจ้าและพระสาวก ซ้าย-ขวา เป็นภาพการศึกษาเล่าเรียน / พระธรรมวินัยภาพแสดง : ผนังทิศตะวันออก "ผนังซ้ายมือ" คัทธนพร้อมพระสหายได้พบนางกองสี และปราบ"งูยักษ์"ช่วยเหลือชุบชีวิตเจ้าเมือง และชาวเมืองขวางทะบุรีที่ถูกงูยักษ์กิน ให้ฟื้นคืนชีพกลับมามีชีวิตดังเดิม ด้วยของวิเศษไม้เท้าและพิณ และให้พระสหายนายไม้ไผ่ ร้อยกอดูแลเมือง "ผนังขวามือ" คัทธนพร้อมพระสหายได้พบนางคำสิง และปราบ"นกยักษ์"ช่วยเหลือชุบชีวิตเจ้าเมือง และชาวเมืองชวาทะวดีที่ถูกนกยักษ์กิน ให้ฟื้นคืนชีพกลับมามีชีวิตดังเดิม ด้วยของวิเศษไม้เท้าและพิณ และให้นายเกวียนร้อยเล่ม ดูแลเมือง "ผนังส่วนบน" ตรงกลางผนังเขียนภาพพระพุทธเจ้าและพระสาวก ซ้ายมือเขียนภาพบุคคล ขวามือเขียนภาพเสือภาพแสดง : ผนังด้านทิศใต้ "ผนังซ้ายมือล่าง" เมืองจำปาทบุรี คัทธนได้อภิเสกสมรสกับนางสีดา จากการได้ช่วยเหลือให้ นางสีดารอดพ้นจากนางยักษ์จับกิน มีโอรส ชื่อ คัทธจัน(โอรสองค์ที่ ๒)/ผนังข้างประตูด้าน ซ้ายมือ เขียนภาพบุคคลสตรีในชุดพื้นเมือง "ผนังขวาล่าง" บน: เจ้าเมืองจำปาทบุรี เสด็จออกล่าสัตว์ นางยักษ์จะกินพระองค์ และได้ขอชีวิตจากนางยักษ์ โดยจะนำชาวเมืองมาให้นางยักษกินแทนตน /กลาง: คัทธน ช่วยเหลือนางสีดาจากนางยักษ์ /ล่าง: คัทธนเดินทางมาที่เมืองจำปาทบุรี ได้พักอาศัยอยู่กับหญิงชราและต่อมาได้ "นางสีไว" เป็นภรรยา มีโอรส ชื่อ คัทธเนตร(โอรสองค์ที่ ๑) /ผนังข้างประตูด้านขวามือ เขียนภาพบุคคลบุรุษในชุดพื้นเมือง "ผนังกลางตอนกลาง" เป็นภาพการสู้รบกันระหว่างคัทธจันกับคัทธเนตร สองพี่น้องต่างพระมารดา เพื่อแย่งชิงราชสมบัติ และของวิเศษ "ผนังส่วนบน"ตรงกลางผนังเป็นภาพพระพุทธเจ้าและพระสาวก ซ้าย-ขวา เป็นภาพการศึกษาเล่าเรียน/พระธรนมวินัย ภาพแสดง : ผนังทิศตะวันตก "ผนังตอนล่าง" เขียนเรื่องพระเนมิราชชาดก (ชาดกที่ ๔ ในทศชาติชาดก) "อธิฐานบารมี" พระเนมิราชเสด็จสวรรค์ชั้น"ดาวดึงส์" และ"นรกภูมิ" /ผนังข้างประตูด้านซ้ายมือเขียนภาพบุคคล"ปู่ม่าน-ย่าม่าน" "ผนังตอนบน" เขียนเรื่องพุทธประวัติ ตอน เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาพแสดง : พระอุโบสถ-------------------------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย : นางสาวกรอุมา นุตะศรินทร์ นักวิชาการช่างศิลป์ชำนาญการพิเศษ และนายสมัคร ทองสันท์ นายช่างศิลปกรรมอาวุโส กองโบราณคดี
เปียโน เป็นเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด (Keyboard Instruments) มีลิ่มนิ้วหรือแป้นนิ้วสำหรับเคาะหรือดีดให้ค้อนไปตีสาย ทำให้เกิดเป็นเสียงขึ้นมา พัฒนามาจากเครื่องดนตรีในสมัยก่อนหลายชนิดมาประกอบเข้าด้วยกัน เช่น พัฒนาระบบสายมาจากคลาวิคอร์ด รูปร่างและระบบแป้นนิ้วจากฮาร์ฟสิคอร์ด ความพิเศษของเปียโนนั้นสามารถทำให้เสียงดังขึ้นและเบาลงได้ในตัวเอง จึงเป็นที่มาของชื่อเดิมที่เรียกว่า Piano Forte เปียโนหลังแรกดัดแปลงและประดิษฐ์โดย บาโตลัมมิโอ คริสโตเฟอรี่ (Bartolommeo Cristofori, ๑๖๕๕ – ๑๗๓๐) ชาวอิตาลี ภายหลังได้พัฒนาไปเป็นเปียโนขนาดต่างๆ มีการสร้างขึ้นเพื่อความสวยงามตระการตา เพื่อใช้เป็นทั้งเครื่องดนตรีและเครื่องประดับตกแต่งบ้าน สำหรับประเทศไทยนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการนำเปียโนเข้ามาเมื่อ ยุคสมัยใด แต่ก็พบหลักฐานว่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ มิชชันนารีได้มีการนำเปียโนเข้ามาใช้กันแล้ว สมัยนั้นคนไทยเรียกกันว่า “หีบเพลง” หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ เก็บรักษาเครื่องดนตรีที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือ “เปียโนจุฑาธุช” หรือเปียโนคู่ (Double Piano) ซึ่งเป็นเปียโนที่มีความเก่าแก่และหายาก มีอายุมากกว่าร้อยปี แม้พิพิธภัณฑ์ เครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุโรปหลายแห่ง เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ก็ไม่พบว่าได้เก็บรักษาและจัดแสดงเปียโนลักษณะดังกล่าวนี้ไว้ เปียโนคู่หลังนี้ เดิมเป็นพระราชทรัพย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย พระเจ้าน้องยาเธอในรัชกาลที่ ๖ จึงนิยมเรียกว่า “เปียโนจุฑาธุช” ทรงสั่งซื้อเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ ๒๔๕๙ เพื่อใช้เป็นการส่วนพระองค์เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และได้นำขนส่งทางเรือมายังประเทศไทยเมื่อท่านได้สำเร็จการศึกษาแล้วภาพโฆษณา Piano-Double Pleyel จากนิตยสาร “L’illustration” ในปี ค.ศ. ๑๘๙๗ เป็นเปียโนคู่ที่ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรโดย Gustave Lyon ลักษณะรูปทรงของเปียโนคู่จากภาพโฆษณานี้ มีความใกล้เคียงกับเปียโนจุฑาธุชเป็นอย่างมาก เปียโนจุฑาธุช เป็นหนึ่งในเปียโนที่ผลิตขึ้นเป็นคอลเลคชันพิเศษของเพลเยล (Pleyel) กล่าวกันว่าผลิตขึ้นเพียง ๘ หลังเท่านั้น โดยแต่ละหลังจะมีหมายเลขกำกับ ซึ่งหมายเลขของเปียโนคู่หลังนี้ คือหมายเลข ๑๕๒๙๑๙พัฒนาขึ้นโดย กุสตาฟว์ ลิญง (Gustave Lyon) นักประดิษฐ์เปียโนและผู้สืบทอดกิจการผลิตเปียโนของเพลเยล โดยมีแนวคิดในการออกแบบเปียโนเพื่อให้นักเปียโนสองคนสามารถบรรเลงเปียโนตัวเดียวกันพร้อมกันได้ เปียโนคู่หลังนี้คาดว่าผลิตในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๓๙ (ค.ศ. ๑๘๙๖) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยบริษัทเพลเยล (Pleyel Company) ผู้มีชื่อเสียงในการผลิตเปียโนให้นักดนตรีชั้นนำระดับโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๕๐ (ค.ศ. ๑๘๐๗) อาทิ Chopin, Debussy, Grieg, Mendelssohn, Ravel เป็นต้น ลักษณะพิเศษของเปียโนคู่หลังนี้คือเป็นเปียโนหลังเดียวแต่มีสองหน้า มีสายสองชุดที่ขึงแบบไขว้ โดยใช้ซาวน์บอร์ด (Soundboard) ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้กระจายเสียงของเปียโนร่วมอยู่ในโครงเปียโนเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากลักษณะภายนอกคล้ายกับการนำเปียโนสองหลังมาหันหน้าชนกัน ผู้เล่นนั่งเล่นกันคนละฝั่ง โดยหันหน้าเข้าหากันลักษณะของสายสองชุดที่ขึงแบบไขว้ ภายในเปียโนคู่ ใช้ซาวน์บอร์ด (Soundboard) ร่วมในโครงเปียโนเดียวกัน ภายหลังเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ ทรงสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ จึงโปรดฯ ให้นำเปียโนหลังนี้ไปเก็บไว้ที่วังพญาไท ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งแผนกเครื่องสายฝรั่งหลวงขึ้นในกรมมหรสพหลวง ที่สวนมิสกวัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ จึงพระราชทานเปียโนคู่นี้ให้แก่วงดนตรีเครื่องสายฝรั่งหลวงเพื่อใช้ในกิจการของวง โดยศาสตราจารย์พระเจนดุริยางค์เป็นผู้รับสนองพระราชดำริและใช้สอนถ่ายทอดวิชาดนตรีให้แก่ศิษย์ และได้ดูแลสืบเนื่องต่อกันมาตั้งแต่ครั้ง วงเครื่องสายฝรั่งหลวงขึ้นอยู่กับกรมมหรสพ จนมาเป็นวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร เปียโนหลังนี้จึงตกทอดเป็นสมบัติของกรมศิลปากร ใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนวิชาดนตรีสากลในโรงเรียนนาฏศิลป์อยู่ระยะหนึ่ง และต่อมาถูกส่งมอบให้อยู่ในความดูแลของกองการสังคีต ภายหลังเปียโนมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมากจนไม่สามารถ ใช้การได้ จึงนำไปเก็บรักษาไว้บริเวณห้องฉากภายในโรงละครแห่งชาติสภาพของโครงร่างเปียโนคู่ที่มีร่องรอยของมดปลวก และชำรุดตามกาลเวลา ซ้าย : ความงดงามของไม้ฉลุที่ใช้สำหรับตั้งโน้ตของเปียโน ขวา : สภาพของค้อนเปียโนที่ได้รับความเสียหายจากปลวก ใน พ.ศ. ๒๕๓๓ กรมศิลปากรร่วมกับสมาคมกิจวัฒนธรรม ได้ดำเนินการบูรณะและซ่อมอนุรักษ์เปียโนคู่ โดยการบูรณะครั้งนี้ สมาคมกิจวัฒนธรรมได้มีการรณรงค์หาทุนจากการจัดกิจกรรมให้สาธารณชนได้มีโอกาสมี ส่วนร่วมในการช่วยทำนุบำรุงรักษาสมบัติของชาติด้วยการจัดรายการ “ช้างช่วยเปียโน” ขึ้น โดยฉายหนังเรื่อง “ช้าง” ซึ่งอาจารย์บรูซ แกสตัน แห่งวงดนตรีฟองน้ำ ได้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และบรรเลงสดเหมือน การฉายหนังในอดีต เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะและซ่อมอนุรักษ์เปียโน การซ่อมอนุรักษ์เปียโนคู่ ได้ว่าจ้างบริษัท เอส.ยู. เปียโน ซัพพลาย์ จำกัด ซึ่งมีช่างซ่อมที่มีความชำนาญ ชาวฟิลิปปินส์ คือ นาย Carvates Reamillo เป็นผู้ซ่อม โดยสั่งอะไหล่เปียโนของ Renner นำเข้าจากประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ยังมีการเดินทางไปศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมยังเมืองเลนินการ์ด ประเทศรัสเซีย และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการอนุรักษ์ด้วย ในการซ่อมอนุรักษ์เปียโนได้พยายามรักษาสภาพเดิมให้คงอยู่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้เวลาดำเนินการซ่อมนานถึง ๑๑ เดือน เมื่อแล้วเสร็จจึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่บริเวณชั้น ๒ ของโรงละครแห่งชาติ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๓๘ กรมศิลปากร ได้ส่งมอบเปียโนคู่ให้ไปเก็บรักษาไว้ที่ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้า ด้านดนตรีต่อไปเปียโนจุฑาธุช ที่เก็บรักษาไว้ ณ อาคารห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร ปัจจุบันสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้เก็บรักษาเปียโนจุฑาธุช ไว้ ณ ห้องท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ ชั้น ๑ อาคารห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.------------------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ------------------------------------------------------------------แหล่งข้อมูลอ้างอิง กัลยรัตน์ เกษมศรี. “เปียโนคู่และโครมาติก ฮาร์พ เครื่องดนตรีในห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร”. วารสารวิชาการหอสมุดแห่งชาติ. ๒,๑ (ม.ค. – มิ.ย. ๕๗) ๔๔ – ๔๖. “พบเปียโนโบราณ หนึ่งเดียวในโลก”. ไทยรัฐ. ๔๑, ๑๑๘๙๕ (๑๖ ส.ค. ๓๓), ๑, ๑๗. “เผยโฉมเปียโนคู่ประวัติศาสตร์ คืนสภาพสมบูรณ์”. บ้านเมือง. ๒๐, ๑๐๓๗๘ (๑๕ มิ.ย. ๓๔), ๑๕. สมาคมกิจวัฒนธรรม. มหรสพดนตรี “ช้าง” โดยวงฟองน้ำ. กรุงเทพฯ: สมาคมกิจวัฒนธรรม, ๒๕๓๓. สุกรี เจริญสุข. “เปียโนคู่โบราณของกรมศิลปากร”. ศิลปวัฒนธรรม. ๑๒,๑ (พ.ย. ๓๓), ๙๐ – ๙๕. Corbin, Paul. Pianographie n°1 Le double-Pleyel pneumatique de Gustave Lyon. [Online]. Retrieved 17 March 2021 from https://www.pianosparisot.com/wp-content/uploads/ 2017/02/Pianographie-n%C2%B01.pdf. Facteurs de pianos en France. Ignace Pleyel Brevets. [Online]. Retrieved 18 March 2021 from http://www.lieveverbeeck.eu/Pleyel_Brevets.htm. The spirit of innovation. [Online]. Retrieved 18 March 2021 from https://www.pleyel.com/en/ the-beautiful-story/the-spirit-of-innovation.
วันวชิราวุธ
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
ชื่อเรื่อง ชมฺพูปติสุตฺต (ชมพูบดีสูตร)
สพ.บ. 357/1กประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 84 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา ประเพณี ชาดก เทศน์มหาชาติ คาถาพัน
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
โพธิปกฺขิยธมฺม (โพธิปกฺขิยธมฺม)
ชบ.บ.49/1-2
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ติโลกนยวินิจฺฉย (ไตรโลกนยฺยวินิจฺฉย)
ชบ.บ.95ก/1-5
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.249/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 28 หน้า ; 4.5 x 53 ซ.ม. : ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 115 (203-216) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : วินัยกิจ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
พระราชวินิจฉัยให้งานศิลปกรรมงามตามขนบช่าง
พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระชนมายุครบ ๕ รอบในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ยังความปลื้มปีติโสมนัสมาสู่ปวงข้าราชการกรมศิลปากรและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าด้วยพระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติไทยหลายแขนง ซึ่งรวมถึงด้านศิลปกรรมสาขาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อันเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทย และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ ดังเช่น สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีหน้าที่ธำรง รักษา และสืบทอดงานศิลปกรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติ ดำเนินงานด้านผดุงรักษา ฟื้นฟู และสืบทอดศิลปะวิทยาการด้านช่างฝีมือด้านช่าง และงานศิลปะในการบูรณะซ่อมแซม เพื่ออนุรักษ์งานศิลปกรรมที่มีคุณค่าของชาติ ปฏิบัติงานด้านการออกแบบสร้างสรรค์งานศิลปกรรมไทย ทั้งแบบประเพณีร่วมสมัย และศิลปะแบบประยุกต์
กรมศิลปากร โดยสำนักช่างสิบหมู่ ได้ดำเนินงานเพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดสร้างบานประตูประดับมุก ณ หอพระมณเฑียรธรรม ภายในวัดพระศรีรัตนศาสาดรามขึ้นใหม่จำนวน ๑ คู่ ด้วยพระองค์ทรงห่วงใยบานประตูประดับมุกคู่เดิม ที่ต้องกรำแดดและถูกละอองฝน จนทำให้ลวดลายมุกเสื่อมสภาพเกิดความทรุดโทรม และทรงห่วงใยว่าต่อไปเยาวชนรุ่นใหม่อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นงานช่างศิลป์อันงดงามของบานประตูคู่นี้ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ
สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เริ่มดำเนินการจัดสร้างเมื่อต้นพุทธศักราช ๒๕๕๐ ดำเนินงานจัดสร้างด้วยความประณีต วิจิตรบรรจง และละเอียดอ่อน ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดหาวัสดุที่นำมาใช้ปฏิบัติงาน ได้แก่ หอยโข่งมุก ซึ่งเป็นหอยชนิดหนึ่งที่มีความแวววาวในตัว ต้องนำมาขัดหินปูนออก แล้วนำมาขัดเจียนให้มีขนาดบางจนได้ขนาดที่เหมาะสม จากนั้นนำมาฉลุลวดลาย และประดับลวดลายมุกลงบนบานประตู โดยใช้กรรมวิธีและวัสดุแบบโบราณ คือใช้ยางรักเป็นตัวประสานพื้น และถมลายด้วยยางรักผสมสมุกกะลา ปล่อยให้แห้งสนิททีละชั้นจนเต็ม จึงขัดแต่งผิวหน้าลายด้วยกระดาษทรายน้ำจนเนื้อรักสมุกที่ทับบนตัวลายมุกออกหมด จนปรากฏลวดลายประดับมุกครบทั้งบาน นำกระดาษทรายอย่างละเอียดมากๆ มาขัดจนเรียบ และขัดมันโดยใช้ผ้านุ่มชุบด้วยสมุกเขากวางบดละเอียด(เขากวางแก่นำมาเผาไฟจนเป็นถ่านสีขาว)มาขัดบนผิวงานให้เป็นมัน ถ้าปรากฏจุดใดไม่เป็นมัน แสดงว่ายังต้องขัดเพิ่มด้วยกระดาษทรายละเอียดและทดสอบด้วยสมุกเขากวางใหม่จนผิวเป็นมัน ใช้ยางรักน้ำเกลี้ยงชโลมทั่วผิวแล้วเช็ดถอนยางรักออก แล้วขัดถูด้วยผ้าให้เกิดความร้อน จนได้ผิวงานมันวาว เรียบร้อยสวยงาม
เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ขณะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการพิเศษ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทยเรื่อง “งานช่างหลวง”ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทรงพระกรุณาประดับลวดลายชุดสุดท้ายบนบานประตูบานใหม่ และคณะช่างนำกลับมาดำเนินการต่อจนกระทั่งแล้วเสร็จในพุทธศักราช ๒๕๕๕ รวมระยะเวลาดำเนินงานทั้งสิ้น ๕ ปี
ปัจจุบัน สำนักช่างสิบหมู่อยู่ในระหว่างการดำเนินการซ่อมอนุรักษ์บานประตูบานเก่า เพื่อเสริมความสมบูรณ์ สวยงาม ด้วยกระบวนการวิธีแบบโบราณ ณ สำนักช่างสิบหมู่ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ก่อนที่จะเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษารูปแบบศิลปกรรมของโบราณวัตถุอันมีค่าของชาติต่อไป
เนื่องในพุทธศักราช ๒๕๕๘ อันเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ ๕ รอบ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักช่างสิบหมู่ได้มีโอกาสรับสนองเบื้องพระยุคลบาทอีกวาระหนึ่ง โดยนายสมชายศุภลักษณ์อำไพพร ตำแหน่งนายช่างศิลปกรรมอาวุโส สังกัดสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้รับมอบหมายให้ออกแบบตราสัญลักษณ์ เพื่อใช้เป็นตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งรัฐบาลโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ออกแบบโดยสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ต่อไป
อ่านต่อ ที่นี่
ที่มาข้อมูล : หนังสือสิปปธัช : พระผู้เป็นธงชัยแห่งสรรพศิลป์ (จัดพิมพ์เนื่องในโอกาส ๑๐๔ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร)
ชื่อผู้แต่ง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
ชื่อเรื่อง : โคลงโลกนิติ
ครั้งที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : ประชุมช่าง
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๐๑
จำนวนหน้า : ๑๑๘ หน้า
หมายเหตุ : พิมพ์ในงานฌาปนกิจศพ นางเริงฤทธิ์สงคราม (น้อม พงษ์สิน)
หนังสือ โคลงโลกนิติ เป็นสุภาษิตเก่าแก่ แต่งมาแต่โบราณ ครั้งกรุงเก่า เดิมนักปราชญ์ผู้แต่งเที่ยวเลือกหาคาถาสุภาษิต ภาษาบาลีและสันสกฤต อันมีอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ คือ คัมภีร์โลกนิติบ้าง คัมภีร์โลกนัยบ้าง ตลอดจนคัมภีร์พระธรรมบทก็มี เลือกคาถาสุภาษิตเหล่านั้นมาตั้งแล้วแปลแต่งเป็นคำโคลงไปทุกๆ คาถา รวมเป็นเรื่อง เรียกว่า โคลงโลกนิติ
ชื่อเรื่อง : อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระสังขศาสตร์วินิจฉัย (ชั้น นิธิประภา) ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2510สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : วัดมกุฎกษัตริยาราม จำนวนหน้า : 114 หน้า สาระสังเขป : เป็นหนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระสังขศาสตร์วินิจฉัย (ชั้น นิธิประภา) ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม ในวันที่ 9 มกราคม 2510 ซึ่งเป็นผู้พิพากษา และในหนังสือเล่มนี้ได้จัดพิมพ์เรื่องราวต่างๆ ไว้หลายเรื่อง คือ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น สิ่งที่ควรรู้ในการสมาคม อาหารฝรั่ง และอาหารจีน