ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ


ชื่อเรื่อง: ปาฐกถา เรื่อง เขตต์แดนของรัฐ ผู้แต่ง: ดิเรก ชัยนามปีที่พิมพ์: พ.ศ. ๒๔๘๓สถานที่พิมพ์: พระนครสำนักพิมพ์: โรงพิมพ์พานิชศุภผล จำนวนหน้า: ๗๘ หน้า เนื้อหา: "เขตต์แดนของรัฐ" เป็นปาฐกถาซึ่งได้แสดงให้ทราบโดยละเอียดถึงเหตุผลแห่งการที่ไทยเรียกร้องขอปรับปรุงเส้นเขตต์แดนด้านอินโดจีนของ    ฝรั่งเศส ให้เป็นไปตามหลักธรรมชาติและความยุติธรรม ประกอบกับแสดงให้ทราบถึงพฤติการณ์แห่งความเป็นมาในการติดต่อกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับ          กรณีเรื่องนี้ โดยนายดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวปาฐกถาในครั้งนี้ และกรมโฆษณาการได้จัดพิมพ์ เพื่อเป็นประโยชน์แก่การศึกษา ค้นคว้าของประชาชนชาวไทย ทั้งเผยแพร่ให้ได้ทราบความจริงของกรณีนี้โดยกว้างขวางยิ่งขึ้น  เลขทะเบียนหนังสือหายาก: ๘๘๒เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์: E-book ๒๕๖๖_๐๐๑๗หมายเหตุ: โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ (ไฟล์ดิจิทัลเพื่อการอนุรักษ์เท่านั้น)


วันจันทร์ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๐๘.๕๒ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนหน่วยงานและประชาชนในจังหวัดปทุมธานี เฝ้าฯ รับเสด็จ กรมศิลปากรได้น้อมนำแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานไว้ในหลายโอกาสเกี่ยวกับการจัดสร้างคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ให้มีพื้นที่เพียงพอต่อปริมาณโบราณวัตถุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ปรับปรุงพัฒนาให้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานพิพิธภัณฑ์วิทยา เพื่อการอนุรักษ์โบราณวัตถุของชาติ และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นด้วยการเปิดให้บริการศึกษา ค้นคว้า วิจัย พุทธศักราช ๒๕๔๕ กรมศิลปากรจึงได้ย้ายโบราณวัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งเดิมใช้พื้นที่อาคารจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มาจัดเก็บ ณ อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก จังหวัดปทุมธานี โดยจัดวางตามหมวดหมู่ประเภทวัสดุตามหลักการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ออกแบบห้องคลังต่างๆ ให้เป็นคลังเปิดเพื่อการศึกษา หรือ Visible Storage ที่เปิดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมมองเห็นได้จากภายนอกผ่านผนังกระจก ต่อมาเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๕๙ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรก่อสร้างอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลังใหม่ในพื้นที่ว่างของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ออกแบบให้เป็นอาคารคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุโดยเฉพาะ ตั้งแต่รูปแบบอาคารที่คำนึงถึงการควบคุมความร้อน ความชื้นจากภายนอกอาคาร ติดตั้งระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคารเพื่อปกป้องและรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ให้มีความยั่งยืนและปลอดภัยตามมาตรฐานคลังพิพิธภัณฑ์สากล ได้แก่ ระบบจัดเก็บตามประเภทวัสดุของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ระบบตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิความชื้น ระบบปรับอากาศ ระบบป้องกันอัคคีภัย ป้องกันภัยธรรมชาติ และการโจรกรรม โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้ถูกออกแบบและวางระบบการบริหารจัดการให้เป็นคลังเปิด (Visible Storage) เพื่อให้บริการในรูปแบบของคลังเพื่อการศึกษา (Study Collection) ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้บริการใน ๒ รูปแบบ คือการเข้าศึกษาตามอัธยาศัยในพื้นที่บริการทั่วไป ได้แก่ ห้องสมุด ห้องสอบค้นฐานข้อมูลโบราณวัตถุ และใช้บริการสำเนาไฟล์ภาพถ่ายโบราณวัตถุ การบริการอีกรูปแบบหนึ่งคือ การศึกษาชิ้นงานโบราณวัตถุ ซึ่งต้องยื่นคำร้องขออนุญาต เมื่อได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกนำเข้าศึกษาโบราณวัตถุในพื้นที่ควบคุมชั้นใน โดยจะเปิดให้บริการแก่นักศึกษา นักวิจัย และประชาชน เข้าศึกษาโบราณวัตถุในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ศกนี้ ซึ่งตรงกับวันพิพิธภัณฑ์ไทย นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังมีบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้สามารถชมบรรยากาศห้องคลังโบราณวัตถุ และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญในมุมมอง ๓๖๐ องศา ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Virtual Smart Museum และ FA Discovery เพื่อให้โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เก็บรักษาในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ยังประโยชน์แก่ประชาชนทุกคนให้สามารถเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงคุณค่าต่อไป


ชื่อเรื่อง                     ท้องถิ่นเมืองโบราณอู่ทอง รายวิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผู้แต่ง                       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                  ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์เลขหมู่                     959.373 ส691ทสถานที่พิมพ์               สุพรรณบุรีสำนักพิมพ์                 ม.ป.พ.ปีที่พิมพ์                    2551ลักษณะวัสดุ               56 หน้า : ภาพประกอบ ; 29 ซม.หัวเรื่อง                     สุพรรณบุรี – ประวัติศาสตร์                              แบบเรียน                              อู่ทอง(สุพรรณบุรี) -- ประวัติศาสตร์ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก           จัดทำโครงการ “พัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นเมืองโบราณอู่ทอง” มีเป้าหมายจัดทำหลักสูตรระดับท้องถิ่น  กำหนดเป็นระยะๆ ตามแนวการพัฒนาหลักสูตร กำหนดกรอบแนวการพัฒนา จัดทำลักษณะหน่วยการเรียนรู้สอดแทรกไว้ในรายวิชา ประวัติศาสตร์ ในระดับชันประถมศึกษาปีที่ 1 - 6        


เมื่อจริตงอนงาไอราพต           จะเหี้ยนหดนั้นมีอยู่ที่ไหน ได้เอื้อนออกเเต่จะงอกงามไป       ด้วยมิใช่เช่นงาที่สามาน ฯ          เข้าสู่เดือนกันยายน ๒๕๖๖ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำลังจะเปิดให้บริการศึกษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย แอดมินจึงขอนำเสนอโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ คือ           ลำดับที่ ๑  - งาช้างต้นพระบรมคชลักษณ์ (พลายพนมกร) ในรัชกาลที่ ๓ อยู่บนฐานไม้กลมปิดทองล่องชาด พร้อมข้อความสลักบริเวณโคนงาว่า “พระบรมคชลักษณ์งากิ่งนี้หนัก ๕๐ สลึง ๘ เฟื้อง”            ลำดับที่ ๒  - ภาพจิตรกรรมเจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายปานพลแสน) และควาญช้าง ซึ่งเจ้านครเชียงใหม่ถวาย โดยโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นระวางในสมัยรัชกาลที่ ๕  เป็นผลงานของขุนประเสริฐหัตถกิจ (สาย)          โบราณวัตถุทั้งสองชิ้นนี้ เดิมเคยจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ช้างต้น ปัจจุบันได้นำมาเก็บรักษาในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ : คลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทอินทรียวัตถุ ๒           คำว่า "ช้างต้น" หมายถึง ช้างที่ได้รับการขึ้นระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือช้างศึกที่ทรงใช้ออกรบ ช้างเผือกซึ่งมีลักษณะต้องตามตำราคชลักษณ์อย่างสมบูรณ์ และช้างสำคัญซึ่งมีลักษณะมงคลตามตำราคชลักษณ์ แต่ยังไม่สมบูรณ์ทุกส่วน คติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) และพุทธศาสนาถือว่าช้างเผือกเป็นสัตว์มงคล สัญลักษณ์ของเมฆฝน ทำให้เกิดความสมบูรณ์ทั้งธัญญาหาร ภักษาหาร และผลาหาร นับเป็นหนึ่งในรัตนะ ๗ ประการเกิดขึ้นได้ด้วยบุญญาบารมีของพระจักรพรรดิแห่งแคว้นประเทศนั้น           พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ กล่าวถึงการน้อมเกล้าฯ ถวายช้างต้น เมื่อศักราช ๑๒๐๖ (พ.ศ.๒๓๗๗) ความว่า           “...ครั้น ณ วันอาทิตย์เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เจ้าพระยาพระคลังถวายช้างพลายพนมกรช้าง ๑ สูง ๔ ศอก ๑ คืบ ๙ นิ้ว งาขึ้นขวาปลายงาขึ้นทับกัน ขึ้นระวางเป็น พระบรมคชลักษณ์ ศักดิสารจุมปราสาท ชาติรัตกัมพล มงคลสรรพอนันตคุณ ศรีสุนทรเลิศฟ้า...”          จากตำราพระคชศาสตร์ได้กล่าวถึงกำเนิดช้างมงคลและการแบ่งช้างมงคลออกเป็น ๔ ตระกูล ตามนามของเทพผู้ให้กำเนิด คือ พรหมพงศ์ อิศวรพงศ์ วิษณุพงศ์ และอัคนิพงศ์           พระบรมคชลักษณ์นั้นจัดเป็นช้างเผือกตระกูลอิศวรพงศ์ มาจากความเชื่อว่า ครั้งพระนารายณ์บรรทมอยู่ ณ เกษียณสมุทร บังเกิดมีดอกบัวผุดขึ้นทางพระนาภี พระอิศวรได้ประทานแบ่งดอกบัวให้พระพรหม พระนารายณ์ และพระอัคนี ส่วนพระองค์โยนเกสรดอกบัวแปดส่วนลงบนพื้นโลก แล้วเนรมิตรให้เกิด “อัฐคชาธาร” คือช้างแปดหมู่ เป็นศุภลักษณ์ของวรรณะกษัตริย์ หากช้างตระกูลนี้มาสู่บารมีจะทำให้บ้านเมืองเจริญด้วยทรัพย์และอำนาจ          ดังนั้นพระราชบัญญัติรักษาช้างป่าพุทธศักราช ๒๔๖๔ จึงกำหนดไว้ว่า “...ผู้ใดมีช้างสำคัญ หรือช้างสีประหลาด หรือช้างเนียมแล้ว โดยเหตุที่ตนจับได้หรือโดยแม่ช้างของตนตกลูกออกมา หรือด้วยเหตุอื่นอย่างใดต้องนำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จให้ตามสมควร...” แต่หากปล่อยเสียหรือปิดบังซ่อนเร้นช้างนั้นไว้ ขัดขืนไม่นำขึ้นทูลถวาย “...มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท และโทษนี้ไม่ลบล้างการที่ช้างนั้นจักพึงต้องริบเป็นของหลวง...”          ในพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญนั้น ประกอบด้วย พระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางพระราชทานนามช้างและพระราชพิธีสมโภชขึ้นโรงใน  ในขั้นตอนการจารึกนามช้างสำคัญจะมีการกำหนดชื่อที่บ่งบอกถึงถิ่นกำเนิด คชลักษณ์ พระบารมี และสิริมงคลต่างๆ           ข้อน่าสังเกตคือ เดิมคำนำหน้าช้างสำคัญ มักใช้คำว่า “พระบรม” ตามด้วยนาม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา จึงนิยมใช้คำว่า “พระเศวต” นำหน้าช้างพลาย อาทิ พระเศวตวรวรรณ พระเศวตสุวภาพรรณ พระเศวตคชเดชน์ดิลก ส่วนช้างพังนิยมใช้คำว่า “พระเทพ” หรือ “พระศรี” และมีคำลงท้ายนามด้วยคำว่า “เลิศฟ้า” หากเป็นช้างสำคัญที่ลักษณะมงคลตามตำราคชลักษณ์ แต่ยังไม่สมบูรณ์ทุกส่วนเหมือนช้างเผือก จะใช้คำว่า “เจ้าพระยา” อาทิ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลานปานพลแสน) นั้นเอง   ที่มาจาก : พระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พ.ศ.2464.  เข้าถึงเมื่อ ๒ กันยายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%CA33/%CA33-20-2503-002u.pdf มิวเซียมสยาม. “ช้างเผือก ต้องมีสีขาวเท่านั้นจริงหรือ”. เข้าถึงเมื่อ ๕ กันยายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก https://www.museumsiam.org/km-detail.php?CID=177&CONID=4246 สถาบันพระปกเกล้า. “ช้างสำคัญในรัชกาล”  เข้าถึงเมื่อ ๔ กันยายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=ช้างสำคัญในรัชกาล หอสมุดแห่งชาติ. “ช้างมงคล”. เข้าถึงเมื่อ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก https://www.nlt.go.th/service/1565


ประกาศสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา เรื่อง บัญชีรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖




          มังกร เป็นสัตว์สมมติในวัฒนธรรมจีน มีลักษณะเป็นสัตว์ผสมจากสัตว์ 9 ชนิด โดยมีลำตัวยาวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน มีเขาเหมือนกวาง มีหัวเหมือนอูฐ มีหูเหมือนวัว มีดวงตาเหมือนปิศาจหรือกระต่าย มีลำคอเหมือนงู มีท้องเหมือนกบ มีเกล็ดเหมือนปลา มีกรงเล็บเหมือนนกอินทรีย์ และมีฝ่าเท้าเหมือนเสือ            หลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับกำเนิดมังกรนั้น พบจารึกอักษรภาพ “มังกร” บนกระดูกสัตว์ในสมัยราชวงศ์ซาง หลักฐานรูปสัตว์รูปร่างยาว หูทำเป็นเกลียว สมัยราชวงศ์โจว สมัยกลาง บางตำนานกล่าวว่ามังกรเกิดขึ้นในรัชสมัยจักรพรรดิหวงตี้ สมัยราชวงศ์ซาง โดยนำสัญลักษณ์ของชนเผ่าต่าง ๆ มารวมกันเป็นสัตว์ชนิดใหม่ คนจีนถือว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้พิทักษ์ เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำและสายฝน เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ มีปัญญาและพละกำลังมาก มีความสัมพันธ์กับตำรา ฮวงจุ้ยในการสร้างบ้านและสุสาน และถือว่าตนเป็นลูกหลานของมังกร           มังกรจึงมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนจีนทั้งในแผ่นดินใหญ่และที่อื่นของโลก ในด้านคติความเชื่อ และพิธีกรรม โดยคนจีนนิยมเขียนและตกแต่งลายมังกรลงบนสิ่งต่าง ๆ ทั้งงานสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และภาชนะดินเผา           คนจีนในราชบุรีนำลวดลายมังกรมาประดับตกแต่งสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยมีงานหัตถกรรมที่มีชื่อเสียง คือ โอ่งมังกรราชบุรี           การจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี พบโอ่งที่มีลวดลายมังกรที่น่าสนใจทั้งสิ้น ๔ ใบ จัดแสดงอยู่ในห้องมรดกทางศิลปวัฒนธรรม


ชื่อเรื่อง                     โคลงกวีโบราณและวรรณกรรมพระยาตรังผู้แต่ง                       พระยาตรังประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   วรรณคดีเลขหมู่                      895.9113082 ค966สสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรมปีที่พิมพ์                    2506ลักษณะวัสดุ               140 หน้า หัวเรื่อง                     กวีนิพนธ์ไทยภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกรวบรวมโคลงของกวีที่มีชื่อเสียงแต่โบราณหลายท่าน เป็นโคลงที่แต่งมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา บางโคลงก็บอกว่าเป็นพระราชนิพนธ์ แต่ไม่ทราบว่าพระราชนิพนธ์รัชกาลไหน บางโคลงก็บอกว่าเป็นของพระมหาราชบ้าง พระเทวีบ้าง และพระเยาวราชบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้



           กรมศิลปากร โดยกลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ขอเชิญท่านผู้สนใจและน้องๆ เยาวชน ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมกิจกรรม "WALK RALLY ร่วมสนุกตามหาเอกสารล้ำค่าจารึกสยาม" กิจกรรมประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ "เอกสารล้ำค่า จารึกสยาม (Priceless Document of Siam)" ในวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ และพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  สามารถสมัครร่วมกิจกรรมโดยแสกนคิวอาร์โค้ด หรือกดลิ้งนี้ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdNNbY2OPVZ7HIiWdRBz8jsxy-2SXAN2Q-2v-HU5gHn3tSbWg/viewform รีบสมัครด่วน!!! รับจำนวนจำกัด


              กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “เปิดโฉมใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย” วิทยากร นายกิตติพงษ์ สนเล็ก ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา และนางเบญจวรรณ พลประเสริฐ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา ผู้ดำเนินรายการ นายสิทธิพร บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร              รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (facebook live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ - กันยายน ๒๕๖๗




ชื่อเรื่อง                     บุญวานิชผู้แต่ง                       -ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ความรู้ทั่วไปเลขหมู่                      089สถานที่พิมพ์               เพชรบุรีสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์ศรีไทยปีที่พิมพ์                    2498ลักษณะวัสดุ               112 หน้า หัวเรื่อง                     ความรู้ทั่วไปภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกหนังสือบุญวานิชจัดทำขึ้นเนื่องในพิธีเปิดห้องสมุดประชาชน จังหวัดเพชรบุรี


            หอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมภาพยนตร์เพื่อการอนุรักษ์ ย้อนรำลึกหนังดังในอดีต ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากหอภาพยนตร์ (องค์กรมหาชน) ทุกวันศุกร์ เวลา 13.30 น. ณ ห้องจัดแสดง ชั้น 2 หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 (จำกัดจำนวน 100 ที่นั่ง)             สำหรับศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นี้ ขอเชิญรับชม “เรือนแพ” (พ.ศ. 2504) ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลตุ๊กตาทองประจำปี 2505 เรื่องราวของ เจน แก้ว และริน สามคนเพื่อนรักที่หลงรัก เพ็ญ ผู้หญิง คนเดียวกัน ทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกันที่เรือนแพริมน้ำต่อมาพวกเขา ต่างต้องแยกย้ายจากกัน โดยเจนซึ่งเรียนจบปริญญาด้วยคะแนน เกียรตินิยมไปสมัครเป็นตำรวจ รินไปเป็นนักร้อง และแก้วไปเป็น นักมวย อันเป็นบทบาทชีวิตที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม เมื่อเพื่อนรัก ทั้งสามต้องโคจรกลับมาพบกัน บริษัทสร้าง: อัศวินภาพยนตร์  ผู้อำนวยการสร้าง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล, จรี อมาตยกุล ผู้กำกับ: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล, เนรมิต นักแสดง: ไชยา สุริยัน, ส.อาสนจินดา, จินฟง, มาเรีย จาง ความยาว117 นาที อนุรักษ์ภาพยนตร์โดยหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2280 9828 - 32


black ribbon.