ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ
ชื่อเรื่อง: ธงชาติสยาม ผู้แต่ง: สำนักงานโฆษณาการ ปีที่พิมพ์: พ.ศ. ๒๔๘๐สถานที่พิมพ์: พระนครสำนักพิมพ์: โรงพิมพ์อักษรนิติ บางขุนพรหมจำนวนหน้า: ๑๐๒ หน้า เนื้อหา: "ธงชาติสยาม" สำนักงานโฆษณาการ ได้รวบรวมและจัดพิมพ์ขึ้น "ธง" เป็นเครื่องหมายที่ประดิษฐ์ขึ้นของมนุษย์อันแสดงถึงความเป็นชาติของ ดินแดน โดยเนื้อหาว่าด้วย กำเนิดธงชาติ ความสำคัญของธงชาติ การใช้ผ้าทำธง สิ่งที่ควรปฏิบัติเกี่ยวกับการชักธงชาติ ธงประจำตัว ธงชาติประเทศอื่นๆ ธงสยาม ธงไตรรงค์ รวมทั้งพระราชบัญญัติธง พุทธศักราช ๒๔๗๙ กล่าวถึง ลักษณะของธง ได้แก่ ธงชาติ ธงหมายพระอิสริยยศ ธงทหารเรือ ธงราชการทั่วไป ธงหมายตำแหน่งทั่วไป นอกจากนี้ยังมีกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในพระราชบัญญัติธง พุทธศักราช ๒๔๗๙ คำร้องขออนุญาตชักธงชาติต่างประเทศ พร้อมทั้งมีภาพประกอบสีของธงชาติแบบต่างๆ ปรากฎอยู่ส่วนท้ายของเล่ม เช่น ธงราชนาวี ธงฉาน ธงจอมพลเรือ ธงเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง ธงประเทศที่มีสัญญาทางพระราชไมตรีกับสยามประเทศ เป็นต้น เลขทะเบียนหนังสือหายาก: ๗๔๐เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์: E-book ๒๕๖๖_๐๐๑๓หมายเหตุ: โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ (ไฟล์ดิจิทัลเพื่อการอนุรักษ์เท่านั้น)
อานม้าประดับวงศ์
เครื่องรองนั่งบนหลังม้าทำจากไม้ เป็นแท่นวงรีและแอ่นโค้ง ด้านบนทาสีแดง เจาะช่องตรงกลางตามแนวยาวสำหรับวางผ้าบุนวม และด้านข้างเจาะช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสำหรับผูกสายโกลน มีเชิงยื่นออกมาเป็นขามุมมนด้านละสองข้าง ติดห่วงกลมทำจากโลหะใช้คล้องสายเหาและเครื่องผูก พนักรอบนอกประดับมุก ทำจากชิ้นเปลือกมุกขนาดเล็กต่อกันปูพื้นจนเต็ม ขอบรอบนอกทำจากโลหะตีลายวงกลมเรียงต่อกัน พนักด้านหลังค่อนข้างเตี้ยตกแต่งด้วยโลหะเส้นแบนทำเป็นลวดลายก้านขด ส่วนพนักด้านหน้าสูงมีความโค้งเว้าปลายงอน ใช้คล้องวางเก็บสายบังเหียน ตกแต่งด้วยโลหะเส้นแบนผูกลายใบโพธิ์ ภายในผูกเป็นลายก้านขด
ฝีมือพระยาเพ็ชรพิชัย (ทองจีน) บิดาเจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅชัย (พร จารุจินดา) ทำให้บุตรของท่านเนื่องในวันเกียรติยศฯ เมื่อใช้ประกอบการแสดงขี่ม้ารำทวนถวายทอดพระเนตรหน้าพลับพลาในงานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พ.ศ.๒๔๒๔ โดยกรมศิลปากรรับมอบจากคุณหญิงชอุ่ม สุรบดินทร์ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘
คำว่า “สวรรคต” หมายถึง การเสด็จสู่สวรรค์ นับเป็นการสิ้นสุดภารกิจบนโลกมนุษย์ ดังนั้นการแสดงมหรสพสมโภชงานออกพระเมรุ จึงไม่ได้ถือเป็นเรื่องโศกเศร้า ใช้สำหรับการแสดงความอาลัย ความกตัญญูกตเวที และสนองพระมหากรุณาธิคุณ ให้ฝูงชนที่มาช่วยงานได้ชมมหรสพเป็นการผ่อนคลาย ฉากงานมหรสพสมโภชในวรรณคดีจึงมีความโศกเศร้าปนกับความยินดี
เมื่ออัญเชิญพระโกศมายังพระเมรุมาศ มหรสพแต่ละประเภทจะเริ่มการแสดงทันที ดังบทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒ ระบุไว้ว่า “...ครั้นพระศพชักมาถึงหน้าเมรุ ก็โห่ฉาวกราวเขนขึ้นอึงมี่ ต่างเล่นเต้นรำทำท่วงที เสียงฆ้องกลองตีทุกโรงงาน...”
ในช่วงแรกเริ่มการจัดแสดงมหรสพเข้าร่วม มีเฉพาะ “มหรสพหลวง” ต่อมาจึงได้มีการละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นตามชาติพันธ์ และศิลปะป้องกันตัวเข้าไปด้วย เปลี่ยนแปลงรูปแบบตามความนิยมของยุคสมัยและพระราชประสงค์ อาทิ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้นำ “รำโคมญวน” เข้ามาแสดงในมหรสพออกพระเมรุด้วย
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การจัดชกมวยได้รับความนิยมอย่างมาก จึงโปรดเกล้าฯ จัดมหรสพประเภทป้องกันตัว อาทิ การรำง้าวประลอง รำทวน ชกมวย และกระบี่กระบอง ถวายทอดพระเนตรในการพระศพ
จากจดหมายเหตุราชกิจรายวัน ภาคที่ ๑๑ กล่าวถึง งานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ว่ามีการจัดแสดงมหรสพ ประกอบด้วย โขน หุ่น งิ้ว หนัง มวย ตีพลอง รำง้าว รำทวน และรำโคมสิงห์โตมังกร สำหรับทอดพระเนตรหมุนเวียนกันหน้าพลับพลาที่ประทับ
“ขี่ม้ารำทวน” เป็นการแสดงประเภทรำอาวุธ ปรากฎในวรรณกรรมเรื่อง อิเหนา และราชาธิราช ซึ่งต้องใช้ความชำนาญในการควบคุมม้าและร่ายรำอาวุธยาว สำหรับ “อวดฝีมือ” โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยตั้งแต่คราวฝึกซ้อมก่อนเริ่มแสดงในงานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และเสด็จออกพลับพลาทอดพระเนตรการแสดงมหรสพประเภทนี้อยู่บ่อยครั้ง
“ วันที่ ๔๕๐๖ วัน ๗ ๕ฯ ๔ ค่ำ ปีมะโรงโทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ บ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพลับพลา ทรงโปรยสลากมะนาวแล้วโปรดให้ทิ้งทาน เวลาค่ำทรงจุดดอกไม้ การมหรศพมีเหมือนทุกวัน... อนึ่งผู้ซึ่งรำทวนในงานคราวนี้ คือ นายสนิทหุ้มแพร นายเสน่ห์หุ้มแพร นายเล่ห์อาวุธหุ้มแพ นายสรรพวิไชยหุ้มแพร นายชิตหุ้มแพร นายฉันหุ้มแพร นายรองชิต นายรองสรรพวิไชย นายรองพิจิตร นายพินมหาดเล็กบุตรพระยาศรีสรราช ‘นายพรมหาดเล็กบุตรพระยารัตนโกษา’ นายเชยมหาดเล็กบุตรเจ้าพระยาพลเทพ นายบุญมากมหาดเล็กบุตรพระนรินทรราชเสนี หม่อมกลมในพระองค์เจ้าชิตเชื้อพงศ์...”
ปรากฏนามของ “นายพรมหาดเล็กบุตรพระยารัตนโกษา (พระยาเพ็ชรพิชัย) ” ที่ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ต่อมาคือ เจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅชัย ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลพิษณุโลก อุปราชมณฑลพายัพ องคมนตรีในรัชกาลที่ ๖ และได้รับพระราชทานนามสกุล “จารุจินดา”
อานม้าประดับวงศ์นี้ เป็นหนึ่งในชุดเครื่องม้าโบราณที่ได้รับจากคุณหญิงชอุ่ม สุรบดินทร์ ภายหลังจากเจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅชัยถึงแก่อสัญกรรม นับเป็นงานประณีตศิลป์เทคนิคการประดับมุกที่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างฝีมือ เป็นโบราณวัตถุที่มีความงดงามและบ่งบอกคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ได้อย่างดี
อ้างอิง
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ภาคที่ ๑๑ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๘
สมศรี เอี่ยมธรรม, บรรณาธิการ. “เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์”. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕
นิชรา ทองเย็น. มหรสพและการละเล่นในงานพระเมรุ จากจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ ๑-๕. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๒๕๕๕
ธนโชติ เกียรตินภัทร. ฉากงานพระเมรุมาศและพระเมรุในวรรณคดีไทย สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น: ภาพสะท้อนพระราชพิธี พระบรมศพก่อนสมัยรัชกาลที่ ๖. ดำรงวิชาการ. ๑๗ ๑(มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๑).
นนทพร อยู่มั่งมี. มหรสพในงานพระเมรุสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. ศิลปวัฒนธรรม. ๓๘ ๑๒ (ตุลาคม ๒๕๖๐).
สำเนาสัญญาบัตร. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓ หน้า ๑๙๗
ชมรมสายสกุลจารุจินดา. ประวัติบรรพบุรุษ. เข้าถึงเมื่อ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก. http://charuchinda.com/ind.../history/94-2018-04-07-04-55-53
ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง รายชื่อผู้มีสิทธิคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน เงินนอกงบประมาณ (กองทุนโบราณคดี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
โครงสร้างบุคลากรโรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี
วันนี้ในอดีต : พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดงาน “พระนครคีรี-เพชรบุรี”
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เวลา 14.05 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 หรือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระอิสริยยศเดิมก่อนที่พระองค์ทรงดำรงพระยศในปัจจุบัน เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาทรงเปิดงาน “พระนครคีรี-เพชรบุรี” ณ บริเวณเขาวัง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
ย้อนรอยเรื่องราว : งานพระนครคีรี - เมืองเพชร
งาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2529 โดยมี นายเชาว์วัศ สุดลาภา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ในขณะนั้นได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวเพชรบุรี ริเริ่มให้มีการจัดงาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” ขึ้นเป็นครั้งแรก
แรกเริ่มเดิมทีงาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” ใช้ชื่องานว่า "งานพระนครคีรี เทิดทูนราชจักรีวงศ์" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “พระนครคีรี” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง“พระรามราชนิเวศน์” (วังบ้านปืน) และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” เพื่อเป็นที่ประทับแปรพระราชฐาน ซึ่งปัจจุบันพระราชวังทั้ง 3 แห่งนี้ นับเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์ เป็นมรดกแห่งความภาคภูมิใจของประชาชนชาวจังหวัดเพชรบุรี และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญยิ่งของจังหวัดเพชรบุรี
โดยงาน “พระนครคีรี เมืองเพชร” หรือที่ชาวเพชรบุรีเรียกว่า “งานหน้าเขา” ได้กลายเป็นงานประเพณีของชาวเมืองเพชรบุรีที่จัดสมโภชพระนครคีรีในช่วงวันศุกร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี รวม 10 วัน 10 คืน มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ยกเว้นการจัดงานครั้งที่ 10 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.2539 ได้งดเว้นไป 1 ปี
ทั้งนี้ในปี 2551 สมัยนายสยุมพร ลิ่มไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี การจัดงานพระนครคีรีได้เลื่อนกำหนดมาจัดในช่วงเดือนเมษายน เนื่องจากเดือนกุมภาพันธุ์ยังเป็นช่วงที่คนไทยยังอยู่ในอาการเศร้าโศกจากการที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์สิ้นพระชนม์ ต่อมาในปี 2552 นายชาย พานิชพรพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีคนต่อมา ได้สานต่อการจัดงาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” ครั้งที่ 23 โดยจัดในช่วงเดือนเมษายน เนื่องจากต้องการให้เป็นเทศกาลต่อเนื่องกับสงกรานต์
งาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดเพชรบุรี โดยมีการจัดแสดงและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ เช่น นิทรรศการประวัติศาสตร์และโบราณคดีเมืองเพชรบุรี การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมสกุลช่างเมืองเพชร การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านวัวเทียมเกวียน สาธิตการปรุงอาหารคาว หวาน นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสง เสียง ที่บริเวณพระนครคีรี มีการประดับประดาคบไฟ โคมไฟ และดวงไฟตามจุดต่าง ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของงานที่มีมาตั้งแต่ครั้งแรกอย่างหนึ่ง
โดยงาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” เป็นที่ได้รับความสนใจของชาวเพชรบุรีและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ยังคงมีการจัดงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รูปแบบและกิจกรรมมีการพัฒนาและปรับปรุงอยู่เสมอตามกาลเวลา แต่ยังคงความดั้งเดิมเอาไว้ และในปีพุทธศักราช 2567 งาน “พระนครคีรี - เมืองเพชร” ซึ่งเป็นครั้งที่ 37 จะจัดขึ้นในวันที่ 14 – 23 มีนาคม พ.ศ. 2567 (กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ขอเชิญชมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานประเพณีที่สำคัญของชาวเมืองเพชรบุรี ในงาน “พระนครคีรี – เมืองเพชร” ไปด้วยกัน
เอกสารและหลักฐานการค้นคว้า
1. ธีวรา วิโนทกะ, “พัฒนาการของการแสดงในงานพระนครคีรี”,ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, ( บัณฑิตวิทยาลัย : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2565)
2. ย้อนอดีตแรกเริ่ม งานพระนครคีรี –เมืองเพชร. เพชรภูมิ
3. petchnews magazine. “150 ปี พระนครคีรี เมืองเพชร”.
ภาพ
โอภาส ชาญมงคล ช่างภาพอาวุโส จังหวัดเพชรบุรี
ชื่อเรื่อง ปริวารปาลิ (ปริวารปาลิ)อย.บ. 298/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.4 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดประดู่ทรงธรรม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง วีสติวัสสสตกาล สมเด็จฯ ป๋า : สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ผู้แต่ง -ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นหมวดหมู่ ศาสนาเปรียบเทียบและศาสนาอื่นๆเลขหมู่ 294.30922 ว859สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ สหธรรมิก จำกัดปีที่พิมพ์ 2559ลักษณะวัสดุ 90 หน้า หัวเรื่อง สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 – ประวัติภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลพระชนมพรรษา 7 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นหนังสือที่ระลึก 120 ปีชาตกาล งานวันมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) กล่าวถึงประวัติของสมเด็จฯ ป๋า จัดพิมพ์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 วันที่ตรงกับวันสถาปนาสมเด็จฯป๋า ขึ้นเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “ราโชวาทชาดก วรรณคดีคำสอนพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา” วิทยากร นายปารเมศ อภัยฤทธิรงค์ นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ และนายพิรชัช สถิตยุทธการ นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ผู้ดำเนินรายการ นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (facebook live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ - กันยายน ๒๕๖๗
กรมวิชาการ. หนังสืออ่านเพิ่มเติมชุดสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต เรื่องจังหวัดหนองคาย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้าว, 2528.
ปราสาทเมืองไผ่
ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองไผ่ ตำบลเมืองไผ่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยตั้งอยู่ภายในเมืองไผ่ ซึ่งเป็นเมืองโบราณวัฒนธรรมทวารวดีที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ หลักฐานที่พบแสดงถึงร่องรอยของวัฒนธรรมเขมรโบราณที่ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในเมืองโบราณแห่งนี้ที่มีวัฒนธรรมทวารวดีเจริญอยู่ก่อน การขุดแต่งทางโบราณคดีในช่วงพ.ศ. ๒๕๖๓ -พ.ศ. ๒๕๖๔ พบว่าเป็นปราสาทแบบเขมรโบราณที่สร้างด้วยอิฐและหินทราย ตั้งบนฐานสูงที่มีบันไดอยู่ทั้ง ๔ ด้าน และสันนิษฐานว่าอาจจะล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว การกำหนดอายุอิฐบริเวณฐานรากของปราสาทด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ได้อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๗ (ประมาณ ๙๐๐ - ๑,๑๐๐ ปีมาแล้ว)
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานปราสาทเมืองไผ่ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๖ ตอนที่ ๑๑๒ วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๒ มีพื้นที่โบราณสถานประมาณ ๓ ไร่ ๒ งาน ๗๔ ตารางวา และ ๔ ไร่ ๓ งาน ๕๖ ตารางวา
Prasat Mueang Phai
Prasat Mueang Phai is in Ban Mueang Phai, Mueang Phai Subdistrict, Aranyaprathet District, Sa Kaeo Province. Archaeological projects from 2020 to 2021 uncovered a tower made of brick and sandstone. It is a high rectangular-shaped base with steps on each side and probably has an enclosed wall. The scientific dating of bricks from the basement is 900 - 1,100 years ago or the late 9th- middle 12th century. This Khmer temple is located within the Dvaravati ancient town of Mueang Phai, symbolizing the power of the ancient Khmer Kingdom over the original community. These correspond to scientific dating that indicates when the ancient Khmer Kingdom began to conquer eastern Thailand, formerly ruled by the Dvaravati culture.
The Fine Arts Department announced the registration of Prasat Mueang Phai as an ancient monument in the Royal Gazette, Volume 106, Part 112, dated 16 st July 1989. The total area is around 5,896 and 7,824 square meters.