ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
กุฏิฤาษีโคกเมือง หมู่ที่ ๖ บ้านโคกเมือง ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘และกำหนดขอบเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๙ ตอนที่ ๑๕๕ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ พื้นที่โบราณสถาน ๓ ไร่ ๒ งาน ๗๐ ตารางวา องค์ประกอบของโบราณสถาน ๑.ปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย ฐานปรางค์เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ขนาด ๗x๗ เมตร ทางด้านทิศตะวันออกเป็นมุขยื่น ยาวออกไปเป็นประตูเข้าออก มีขนาดประมาณ ๒.๒๐x๓.๒๐ เมตร ๒.บรรณาลัย ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีขนาดประมาณ ๔x๗.๕๐ เมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ภายในกำแพงแก้ว ๓.กำแพงแก้วและซุ้มประตู กำแพงแก้วก่อด้วยศิลาแลง มีขนาดประมาณ ๒๖.๗๐x๓๕.๔๐ เมตร มีซุ้มประตูอยู่ทางด้านทิศตะวันออกก่อด้วยศิลาแลงกรอบประตูเป็นหินทราย ซุ้มประตูแบ่งเป็น ๓ คูหา คูหาช่องซ้ายขวามีช่องหน้าต่างทั้งด้านนอกและด้านในข้างล่ะ ๑ ช่อง คูหากลางมีมุขหน้าขนาด ๔x๒.๕๐ เมตร และมุขหลังมีขนาด ๔x๔.๗๐ เมตร ๔.สระน้ำประจำโบราณสถาน ตั้งอยู่มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกุฏิฤาษี ด้านทิศตะวันออกตรงแกนกลางมีบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ ประมาณ ๕๐๐x๘๐๐ เมตร เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลเมืองต่ำ และห่างจากกุฏิฤาษีโคกเมืองไปด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่ตั้งของปราสาทเมืองต่ำ--------------------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูล : นายรัชฎ์ ศิริ นายช่างศิลปกรรมอาวุโส สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา
ชื่อเรื่อง รวมบทความประกอบการสัมมนา เรื่อง โบราณคดีของสังคมเกษตรกรรม...จากบ้านเก่าถึงหนองราชวัตรผู้แต่ง กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN 978-974-616-543-239-9หมวดหมู่ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ เลขหมู่ 930.1 ศ528รสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ กรมศิลปากรปีที่พิมพ์ 2556ลักษณะวัสดุ 402 หน้า : ภาพประกอบ ; 25 ซม.หัวเรื่อง โบราณคดี โบราณคดี – หนองราชวัตรภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก หนังสือเล่นนี้จะเป็นฐานข้อมูลช่วยขยายการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวทางโบราณคดีของไทย เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรื่องราวทางโบราณคดี
วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕) เวลา ๐๘.๐๐ น. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวัฒนธรรม นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร วางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระบวรราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณโรงละครแห่งชาติ โดยมีข้าราชการ เหล่าทัพ หน่วยงานต่างๆ และประชาชนเข้าร่วมในพิธี กรมศิลปากร ร่วมกับชมรมกองทุนพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (๗ มกราคม) เป็นประจำทุกปี โดยจัดพิธีถวายราชสักการะรำลึกถึงพระเกียรติคุณ ณ พระบวรราชานุสาวรีย์ฯ โรงละครแห่งชาติ และบำเพ็ญ กุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อถวายกตเวทิตาคุณ และร่วมน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีคุณูปการอย่างอเนกอนันต์ต่อบ้านเมืองและศิลปวัฒนธรรมของชาติ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระราชสมภพ ณ พระราชวังเดิม เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๓๕๑ ทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ร่วมพระอุทรกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ หลังจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อพุทธศักราช ๒๓๙๔ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระยศบวรราชาภิเษกเป็นสมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่ออกพระนามกันว่า "วังหน้า" มีพระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชาสามารถในศิลปศาสตร์หลายสาขา ทั้งการช่าง การปกครอง การทหาร และศิลปกรรม โดยทรงดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นพระองค์แรก นอกจากนี้ ทรงโปรดทางศิลปะ ทั้งดนตรี กวี และนาฏศิลป์ ทรงริเริ่มประดิษฐ์ระนาดทุ้มเหล็กขึ้น โดยมีการจัดเล่นประกอบกับระนาดแบบเดิม รวมเป็นเครื่องดนตรี ๔ ชนิด เรียกว่า "ปี่พาทย์เครื่องใหญ่" เบื้องปลายพระชนม์ชีพ พระองค์ประทับ ณ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พระราชวังบวรสถานมงคล (ปัจจุบันอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๐๘
เลขทะเบียน : นพ.บ.177/6ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 59.5 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 100 (74-79) ผูก 6 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมจกฺกฎีกา(ฎีกาธัมมจักร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ปฐมสมฺโพธิ (ปถมสมฺโพธิ)
ชบ.บ.89/1-20
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.237/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 8 หน้า ; 5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 113 (180-193) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : ปพฺพชฺชานิสํสกถา(อานิสงส์บวช)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
15 พฤษภาคม 2565 วันวิสาขบูชา
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาในเดือนพฤษภาคมนี้ คือ วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565
วันวิสาขบูชา เป็นวันที่แสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “วิสาขปุรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 6 ในวันนี้ตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ที่เวียนมาบรรจบในวันและเดือนเดียวกัน คือวันเพ็ญเดือนวิสาขะ
ต่อมาองค์การสหประชาชาติได้เล็งเห็นความสำคัญของวันนี้ จึงประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็น “วันสำคัญสากลโลก” (Vesak Day)
หลักธรรมสำคัญในวันวิสาขบูชาอันเกี่ยวเนื่องจากการประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ความกตัญญู อริยสัจ 4 และความไม่ประมาท
ความกตัญญู คือ รู้บุญคุณ คู่กับความกตเวที คือตอบอทนผู้มีพระคุณ อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึง ความจริงที่ไม่ผันแปร เกิดมีขึ้นได้แก่ทุกคนมี 4 ประการ คือ ทุกข์ (ปัญหาของชีวิต) สมุทัย (เหตุแห่งปัญหา) นิโรธ (การแก้ปัญหาได้) มรรค (ทางหรือวิธีแก้ปัญหา มรรคมีองค์ ส่วนความไม่ประมาท คือ การมีสติทั้งขณะทำ ขณะพูดและขณะคิด สติ คือการระลึกรู้ทันที่คิด พูดและทำ กล่าวคือ ระลึกรู้ทันทั้งในขณะ ยืน เดิน นั่ง นอน รวมทั้งระลึกรู้ทันในขณะพูดขณะคิด และขณะทำงานต่างๆ
พระพุทธเจ้าประสูติ ณ สวนลุมพินีวัน อยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ แคว้นสักกะ (ปัจจุบันอยู่ในเมืองลุมมินเด ประเทศเนปาล) เช้าวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ต่อมาพระองค์ได้เสด็จออกผนวชและทรงบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก จนได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ (ปัจจุบันอยู่ในเขตเมืองพุทธคยา แคว้นพิหาร ประเทศอินเดีย) เช้ามืดวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี
หลังจากตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงบำเพ็ญพุทธกิจโปรดผู้ที่ควรแนะนำสั่งสอนใหได้บรรลุมรรคผลจนนับไม่ถ้วน และเสด็จดับขันธปรินิพพาน วันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเขตเมืองกุสีนคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย สิริรวมพระชนมายุได้ 80 พรรษา
ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้
นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
การสำรวจการเพาะปลูกกัญชาในจันทบุรี พุทธศักราช ๒๔๗๔-๒๔๗๕
กัญชา เป็นพืชที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากรัฐบาล ให้มีการแก้ไขกฏหมายเกี่ยวกับกัญชา ให้ประชาชนสามารถปลูกและใช้ประโยชน์ได้เสรีมากขึ้น ซึ่งในอดีตนั้นมีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์มาอย่างยาวนานปรากฎหลักฐานมาตั้งแต่ในสมัยอยุธยาและปรากฎในตำรายาหลายฉบับ ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พุทธศักราช ๒๔๖๕" ออกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อปราบปราม "ฝิ่น" แต่อีก ๓ ปีถัดมา เจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นชอบคำแนะนำของอธิบดีกรมสาธารณสุข ให้เพิ่มชนิดยาเสพติดให้โทษในบัญชี โดยระบุว่า "ยาที่ปรุงด้วยกันชา (กัญชา) ก็ดี ยาผสมฤาของปรุงใดๆ ที่มีกันชาก็ดี กับทั้งยางกันชาแท้ฤาที่ได้ปรุงปนกับวัตถุใดๆ เหล่านี้ ให้นับว่าเปนยาเสพย์ติดให้โทษทั้งสิ้น" ด้วยเหตุนี้นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๖๘ กัญชาจึงเป็นของผิดกฎหมาย ก่อนที่ต่อมาจะมีพระราชบัญญัติกัญชา(กันชา) ในพุทธศักราช ๒๔๗๗ ซึ่งห้ามผู้ใดปลูก นำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองกัญชาโดยเด็ดขาด จึงเป็นจุดที่ทำให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสังคมไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ก่อนที่จะออกพระราชบัญญัติกัญชา ๒๔๗๗ กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม โดยกรมตำรวจกสิกรรม ได้มีการสำรวจการเพาะปลูกกัญชา ในจังหวัดต่างๆขึ้นในปี ๒๔๗๔ โดยสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อที่การเพาะปลูกในจังหวัด จำนวนผู้ปลูก จำนวนผลผลิตกัญชาต่อไร่ ฤดูกาลปลูกกัญชาในจังหวัด มีการใช้ประโยชน์จากกัญชาส่วนใดบ้าง และราคาของกัญชา เป็นต้น
พระพิสิฐสุทธเลขา ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ในสมัยนั้นได้แจ้งไปยังอำเภอต่างๆ ให้สำรวจการเพาะปลูกกัญชาในพื้นที่ต่างๆ เพื่อรายงานไปยังกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมต่อไป ซึ่งพบว่า ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๔-๒๔๗๕ มีเพียงอำเภอมะขามเท่านั้นที่มีการเพาะปลูกกัญชา โดยปลูกกัญชากันในท้องที่กิ่งกำพุช มีประมาณ ๑ ไร่ ผู้ปลูกมีประมาณ ๑๐ คน จำนวนกัญชาที่ได้ต่อไร่ ประมาณ ๑ หาบ ซึ่งจะเริ่มเพาะปลูกในเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคม การใช้ประโยชน์ในพื้นที่นิยมใช้ต้นกัญชาและกะหรี่กัญชาหั่นและตำให้ละเอียด มวนปนกับยาสูบหรือใช้กล้องสูบ โดยหากเหลือขายจะขายอยู่ที่ ชั่งละ ๕๐ สตางค์
อดิศร สุพรธรรม
นักจดหมายเหตุชำนาญการ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี
เอกสารอ้างอิง
หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี. (๑๓)มท ๑.๒.๕/๓๘ เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดมณฑลจันทบุรี เรื่องกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ส่งคำถามของกรมตรวจกสิกรรม เรื่องขอทราบการเพาะปลูกกัญชามาให้สอบสวน (๑๕ มีนาคม ๒๔๗๔ – ๒๒ เมษายน ๒๔๗๕)
สรวลเฮฮา เล่าเรื่องกัญชาในประวัติศาสตร์ สืบค้นออนไลน์จาก https:/ /voicetv.co.th/read/B1Id7u_9X
อ้างอิงภาพจาก
https: //voicetv.co.th/read/B1Id7u_9X