ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.670/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 20 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 215 (185-195) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : อุณหิสสวิไช--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.744/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 76 หน้า ; 4 x 50 ซ.ม. : ทองทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม้มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 230 (341-348) ผูก 3 (2568)หัวเรื่อง : ลำอภิธัมมา--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



                   สาระอีสาน นำเสนอและเผยแพร่เกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากข้อมูลท้องถิ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน และหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีให้บริการอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ขอนำเสนอประเพณีสำคัญของชาวอีสานในเดือนกันยายน (เดือนสิบ) นั่นก็คือ ประเพณีว่า "บุญข้าวสาก" เรียบเรียงโดย นางสาวกุลริศา รัชตะวุฒิ นักภาษาโบราณ เนื้อหามีดังนี้                      งานบุญข้าวสาก หรือ ข้าวสลาก (สลากภัต) เป็นงานบุญตามประเพณีพื้นบ้านที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของชาวอีสานโดยจัดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอังคารที่ 17 กันยายน 2567 เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วหรือทำบุญให้กับเปรต                      เหตุที่เรียกงานบุญข้าวสากเนื่องจากก่อนทำบุญชาวบ้านจะนำข้าวเม่า ข้าวพอง และข้าวตอกมาคลุกเคล้ากับน้ำอ้อย น้ำตาล ถั่วงา และมะพร้าวให้เป็นข้าวสาก ซึ่งภาคกลางจะเรียกว่า ข้าวกระยาสารท                      และเหตุที่เรียกว่า ข้าวสลาก (สลากภัต) เนื่องจากก่อนจะนำของถวายพระภิกษุ ชาวบ้านจะจับสลากชื่อพระภิกษุหรือสามเณรก่อน หากจับชื่อพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดก็จะนำของไปถวายแด่พระภิกษุหรือสามเณรรูปนั้น ซึ่งบางที่จะใช้วิธีจับสลากชื่อเจ้าของสลากแล้วนำของไปถวายแด่พระภิกษุหรือสามเณร โดยวิธีนี้มีความเชื่อว่า หากปีใดจับสลากได้ชื่อเจ้าของสลากที่มีฐานะยากจนเป็นคนแรก มักจะทำนายว่าปีนั้นการทำมาหากินจะไม่ค่อยดี แต่ถ้าหากจับชื่อเจ้าของสลากที่มีฐานะร่ำรวยเป็นคนแรก มักจะทำนายว่าปีนั้นชาวบ้านในละแวกจะอยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งวิธีจับสลากทำได้หลายวิธีตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่นนั้น ๆ                      หลังจากเสร็จพิธีสงฆ์แล้วชาวบ้านจะนำห่อหรือชะลอมข้าวสากที่ระบุชื่อของผู้ที่ต้องการให้มารับบุญแล้วนำไปวางไว้ตามที่ต่าง ๆ ในบริเวณวัดหรือตามต้นไม้ ซึ่งเรียกว่า แจกห่อข้าวน้อย พร้อมบอกกล่าวครอบครัวผู้ที่ล่วงลับหรือเปรตให้มารับอาหารต่าง ๆ ที่วางไว้พร้อมกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้ ซึ่งต่างจากงานบุญข้าวประดับดิน ที่ไม่ต้องระบุชื่อของผู้รับโดยจะอุทิศบุญกุศลให้กับสัมภเวสี เปรต หรืออสูรกายที่ไร้ญาติไม่มีผู้อุทิศส่วนกุศลให้ นอกจากนี้ชาวบ้านที่มีนาจะนำข้าวสากไปเลี้ยง ตาแฮก หรือเจ้าแม่โพสพที่ปกปักรักษาที่นาของตนเพื่อให้ข้าวและน้ำอุดมสมบูรณ์อีกด้วย   บรรณานุกรม มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม 2. กรุงเทพฯ: มูลนิธิ, 2542. งานบุญข้าวสาก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567, จาก: http://kanluang-ssk.go.th/index.php... งานบุญข้าวสาก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567, จาก: https://thethaiger.com/th/news/640488/ งานบุญข้าวสาก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567, จาก: https://www.isangate.com/.../813-kao-pradabdin-kao-sag.html


***บรรณานุกรม***  บุญรับพินิจชนคดี ม.ร.ว. ราชสกุลวงศ์ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมราชวงศ์บุญรับ พินิจชนคดีณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 30 มีนาคม พุทธศักราช2525 กรุงเทพฯ  โรงพิมพ์จันหว่า 2463



     ปูนปั้น ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐ พระราชประสิทธิคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดราชธานี องเมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย มอบให้     เกียรติมุขหรือหน้ากาลเป้นลวดลายปูนปั้นที่ใช้ประดับซุ้มจระนำของโบราณสถาน โดยมักจะประดับอยู่ที่ยอดซุ้ม สะท้อนถึงลวดลายที่นิยมสร้างสรรค์ในศิลปะสุโขทัย รวมทั้งสะท้อนถึงคติ ความเชื่อที่ปรากฎในงานศิลปกรรมสมัยสุโขทัย มีลักษณะเป็นรูปหน้ายักษ์ปนสิงห์หรือใบหน้าอสูรที่มีลักษณะดุร้าย คิ้วขนมวด นัยน์ตากลมโตถลน จมูใหญ่ ปากกว้างเห็นฟันบนและมีเขี้ยว ไม่มีริมฝีปากล่าง ไม่มีลำตัว มีแขนออกมาจากด้านข้างของศีรษะสวมเครื่องประดับศีรษะลักษณะเป็นกระบังหน้า      ตามคติในศาสนาฮินดู เกียรติมุขหรือหน้ากาล หมายถึง "เวลา" ผู้ซึ่งกลืนกินสรรพสิ่งทั้งมวล จึงเป็นผู้ครอบครองเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง กาลหรือหน้ากาล มีความหมายเดียวกับเวลา เป็นชื่อของพระยม ผู้พิพากษาคนตายในอาถรรพเวทของสาสนาฮินดู ต่อมาจึงมีความเชื่อว่าการสร้างหน้ากาลไว้เหนือประตูทางเข้าศาสนสถานจะเป็นเสมือนสิ่งคุ้มครองปกปักรักษามิให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาสู่ศาสนสถานนั้นๆ



๑  ธันวาคม  ๒๕๕๘  กิจกรรมส่งเสริมศีลธรรมและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทำความดีด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญจิตภาวนาและปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะที่ถึงพร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ และทรงแสดงเป็นแบบอย่างให้เห็นถึงการเป็นชาวพุทธที่ดี นำโดยนายรุ่งชัย ใบกว้าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายสุนทร รัตนากร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร นางธาดา สังข์ทอง หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา พร้อมกันร่วมปฏิบัติธรรม  ณ  วัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร


วัสดุ ดินเผา อายุสมัย สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สังคมเกษตรกรรม (ประมาณ 2,500-1,800ปีมาแล้ว) สถานที่พบ พบที่แหล่งโบราณคดีบ้านสำโรง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด พบได้ทั่วไปในแหล่งโบราณคดีในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ศาสตราจารย์ชาร์ลไฮแอม แห่งมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ขุดพบครั้งแรกที่แหล่งโบราณคดีโนนเดื่อ ดอนตาพัน บ่อพันขัน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อ พ.ศ.2520 ลักษณะเด่น ภาชนะเนื้อสีขาว หรือสีส้ม ความหนาเฉลี่ยโดยประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ จากนั้นลบลายให้เรียบแล้วทาน้ำดินทับในแนวขวาง ซึ่งน้ำดินที่นิยมจะมีสีส้ม น้ำตาล ดำ และแดง เนื้อดิน เมื่อเผาสุกแล้วเนื้อดินจะมีสีขาว (ดินเกาลิน) เป็นแบบเนื้อดินธรรมดา (earthen ware) เนื้อดินผสมดินเชื้อ (grog) การปั้นภาชนะขนาดเล็กจะปั้นบางมาก การตกแต่ง นิยมตกแต่งผิวภาชนะด้วยลายเชือกทาบ โดยทาบด้วยเชือกเส้นเล็กๆ อย่างเป็นระเบียบ และทำให้เรียบ แล้วทาด้วยน้ำดินเป็นแถบ น้ำดินที่ใช้ทำมีสีแดง สีน้ำตาล สีดำ


วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น. นักเรียนชั้นอนุบาล ๒ - ๓ โรงเรียนบ้านตรมไพร ตำบลตรมไพร อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ นักเรียนจำนวน ๕๙ คน คุณครูจำนวน ๒ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมีนางสาวอาภาภรณ์ เปล่งปลั่งศรี นักวิชาการวัฒนธรรม ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม



อธิบดีกรมศิลปากรนายเอนก  สีหามาตย์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการพิเศษ "พุทธประติมาสัญลักษณ์แห่งความเชื่อความศรัทธาในสังคมกลุ่มชาติพันธุ์ตระกูลไท"   ณ  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษก และได้เชิญสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เพื่อจัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ งานนิทรรศการดังกล่าว  ในการนี้ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษกได้ขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาต่อพระพุทธรูปไม้ต่างๆที่นำมาจัดแสดง พุทธประติมาที่เป็นความเชื่อและศรัทธาในสังคมตระกูลไทนั้น ได้มาร่วมเข้าชมและสักการะดอกไม้ได้ ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษกคลองห้า ปทุมธานี  ใกล้กับหออัครศิลปินและพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.30 - 15.30 น.  วันจันทร์ - วันศุกร์ ปิดวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์




black ribbon.