ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

ชื่อเรื่อง : จดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ พระพุทธศักราช 2469 ผู้แต่ง : กมล มโนชญากร ปีที่พิมพ์ : 2474 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โสภณพิพรรฒธนากร      จดหมายเหตุ เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ เป็นเรื่องราวการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งการเตรียมการก่อนเสด็จถึงพฤติการณ์เวลาเสด็จ ที่ทรงเสด็จทำพระราชกรณียกิจในพื้นที่ต่างๆในมณฑลฝ่ายเหนื



เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา  ๙.๐๐ น. ณ โรงละครแห่งชาติ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง "ประวัติศาสตร์ชาติไทย" โดยมี รมว.วธ. เป็นผู้กล่าวรายงานการสัมมนา ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กล่าวปาฐกถา เรื่อง"สถาบันพระมหากษัตริย์ในประวัติศาสตร์ไทย" รวมทั้งนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านประวัติศาสตร์ ร่วมเป็นวิทยากร และมีนักวิชาการทั้งภาครัฐ เอกชน ครู อาจารย์ นิสิต นักศึกษา ประชาชน สื่อมวลชน ผู้เข้าร่วมการสัมมนา จำนวน ๑๐๐๐ คน โดยในระหว่างการสัมมนา เวลา  ๙.๐๐- ๑๖.๐๐ น.ยังได้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๑๑  อีกด้วย



          เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 เวลา 08.00 น. คณะครูและนักเรียนโรงเรียนสงวนหญิง จังหวัดสุพรรณบุรี เข้าเยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี โดยมี ครู 3 คน นักเรียน 30 คน  ทัศนศึกษาดูงาน เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ของนักเรียนและภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดอุบลราชธานี


ถามมา-ตอบไป : ประเภทของการแสดงโขน     บทความจากนิตยสารศิลปากร ปีที่ ๕๔ ฉบับที่ ๒ เดือนมีนาคม - เมษายน ๒๕๕๔ คอลัมน์ถามมา-ตอบไป : ประเภทของการแสดงโขน โดยวันเพ็ญ พรเลิศวดี  เนื่องจากมีผู้สนใจทีชอบชมการแสดงโขนของกรมศิลปากร มีข้อสงสัยว่าการแสดงโขนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ท่านจะได้ทราบคำตอบจากในบทความนี้


ดาวน์โหลดเอกสาร


 โครงการแบ่งปันความรู้สู่ชุมชน ครั้งที่ 3 ณ โรงเรียนบ้านกุดฉิม  อำเภอธาตุพนม  จังหวัดนครพนม ร่วมจัดกิจกรรมกับโครงการจังหวัดเคลื่อนที่  กิจกรรมที่จัดได้แก่  จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับนิทานที่น่าสนใจ  กิจกรรมส่งเสริมการอ่านระบายสีรูปภาพ และแจกเอกสารเผยแพร่ความรู้ และประชาสัมพันธ์หน่วยงาน เด็ก นักเรียน ประชาชน ร่วมกิจกรรมจำนวน 85 คน


          เป็นหนังสือที่ให้ความรู้ทางภูมิศาสตร์ในสมัยนั้น  ซึ่งพระยามหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วีรยสิริ) ขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นหลวงเทศาจิตรพิจารณ์ ปลัดกรมแผนที่ได้ไปทำการรางวัด             ให้ความรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญๆ ของประเทศ  ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำของ (แม่น้ำโขง)  นอกจากจะให้ความรู้ทางภูมิศาสตร์ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศริมฝั่งแม่น้ำและวิถีชีวิตของประชาชนในสมัยก่อน  




จารึกกลุ่มอักษรมอญโบราณ          สร้างขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘ หรือประมาณ ๑,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว พบในพื้นที่จังหวัดลำพูนและจังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่เดิมของแคว้นหริภุญไชย มีทั้งจารึกด้วยภาษามอญโบราณ ภาษาบาลี และจารึกด้วยภาษามอญกับภาษาบาลีร่วมกัน          จารึกของอาณาจักรหริภุญไชย กำหนดอายุจากรูปอักษรมอญโบราณ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับตัวอักษรที่ปรากฏบนศิลาจารึก “มรเจดีย์” (Mayazedi) ของพระเจ้าจันสิตถา (Kyanzittha) กษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม (พม่า) ซึ่งจารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๑๖๒๘ และ ๑๖๓๐ อันได้รับอิทธิพลด้านตัวอักษรไปจากมอญ แต่ครั้งเมื่อพระเจ้าอนิรุทธ (อโนรธามังฉ่อ) ได้ทรงยกทัพไปตีเมืองสะเทิม (ถะทนหรือสุธรรมวดี) ซึ่งเป็นราชธานีของหัวเมืองมอญฝ่ายใต้สำเร็จ มีการกวาดต้อนผู้คน ช่างฝีมือ ตลอดจนภิกษุสงฆ์และคัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่มีอยู่ในเมืองสะเทิมไปสู่พุกามทำให้วัฒนธรรมมอญแพร่หลายในพุกาม รวมไปถึงการใช้ตัวอักษรด้วย          จากหลักฐานตำนาน “จามเทวีวงศ์” ซึ่งเป็นพงศาวดารของเมืองลำพูน ระบุไว้ว่าในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๖ เมืองหริภุญไชยได้เกิดเหตุการณ์โรคระบาดที่มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงได้อพยพผู้คนจากเมืองหริภุญไชยไปพำนักที่เมืองสะเทิมเป็นเวลา ๖ ปี สันนิษฐานได้ว่าคนมอญหริภุญไชยจะถูกกวาดต้อนจากเมืองสะเทิมไปยังพุกามในคราวนี้ ทำให้อักษรมอญแบบหริภุญไชย มีความคล้ายคลึงกับอักษรมอญโบราณที่ปรากฏบนศิลาจารึก “มรเจดีย์” (Mayazedi) นั้นเอง          ศาสตราจารย์ เรอชินาล์ด เลอเมย์ (Reginald Le May) อดีตรองกงสุลอังกฤษประจําเชียงใหม่ระหว่างปี ค.ศ.๑๘๘๕-๑๙๗๒ กล่าวว่า พม่ารับวัฒนธรรมการเขียนหนังสือไปจากมอญ เมื่อราว พ.ศ. ๑๖๐๖ ตรงกับช่วงสมัยที่อาณาจักรพุกามถูกปกครองโดยพระเจ้าอนิรุทธ (อโนรธามังฉ่อ) ระหว่าง พ.ศ.๑๕๘๗ – ๑๖๒๐ นั้นเอง          หลักฐานข้อมูลจากศิลาจารึกแสดงให้เห็นว่า กลุ่มชนที่สร้างจารึกเหล่านี้นับถือพุทธศาสนาที่ใช้ภาษาบาลีเป็นหลักมาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เป็นกลุ่มชนที่มีอิสรภาพหรือเป็นเอกราช ด้วยเนื้อหาในจารึกบ่งบอกถึงพฤติการณ์ของกษัตริย์ที่ทรงดำเนินแบบอย่างทางพระพุทธศาสนาและเป็นชุมชนที่ใช้ภาษามอญเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร         หลังจากนั้นไม่ปรากฏหลักฐานอักษรมอญโบราณในศิลาจารึกช่วงระยะต่อมาอีกเลย สันนิษฐานว่ากลุ่มชนที่ใช้อักษรมอญและภาษามอญในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ นี้ได้สูญหายไป และมีกลุ่มชนที่ใช้อักษรไทยและภาษาไทยแบบต่างๆ เกิดขึ้นมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๐ หรือ พ.ศ.๑๙๑๓ จากหลักฐานศิลาจารึกวัดพระยืนปรากฏขึ้นแทน                 



***บรรณานุกรม*** หนังสือหายาก  โพธิ์ แซมลำเลียก และ ก.ศ. เวชยานนท์.  แนววัดผลฉบับเตรียมสอบ วรรณคดีไทย มัธยมศึกษาปีที่ 1. พระนคร : มิตรหรรษา, ๒๕๑๐.


     ชื่อเรื่อง : นวดไทย มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม      ผู้เขียน :  -      สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก      ปีพิมพ์ : ๒๕๖๑      เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ : ๙๗๘-๖๑๖-๕๔๓-๕๖๕-๙      เลขเรียกหนังสือ : ๖๑๕.๘๒๒ น๒๙๓      ประเภทหนังสือ : หนังสือทั่วไป      ห้องบริการ :ห้องหนังสือทั่วไป ๑สาระสังเขป : นวดไทย เป็นศาสตร์และศิลป์ของการดูแลสุขภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของคนไทย ซึ่งได้มีการสืบทอดและพัฒนาสืบต่อกันมาโดยครูหมดนวดไทยในอดีตจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันการนวดไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และมีการนำมาประยุกต์ใช้ในระบบบริการสุขภาพของไทยสามารถบำบัดอาการและฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวร่างกาย "นวดไทย : มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม" ได้รวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับการนวดไทยทั้งปรัชญา แนวคิด ทฤษฎีองค์ความรู้ และประวัติศาสตร์ เริ่มต้นตั้งแต่การนำเสนอรากฐานความเป็นมาของการนวดไทยในอดีตจนถึงปัจจุบัน การฟื้นฟูจนทำให้การนวดไทยกลับมาเป็นที่ยอมรับทั้งทางสังคมและกฏหมาย เช่น การนวดไทยก่อนประวัติศาสตร์ไทย การนวดในประวัติศาสตร์ไทย การนวดไทยลดการใช้ยาแก้ปวดเกินจำเป็น การบริการนวดไทยในระบบหลัประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเภทของการนวดไทย ทฤษฎีการนวดไทย การนวดไทยบนเส้นทางชุมชน วิชาชีพ และธุรกิจ เป็นต้น รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับระบบคุณค่าดั้งเดิมของการนวดไทย รากฐานความเชื่อ จริยธรรม ความรู้ บทบาทหน้าที่ทางสังคม ความหมายและคุณค่าของการนวดไทย พร้อมภาพประกอบอธิบายอย่างละเอียด อันเป็นผลผลิตทางวัฒนธรรมที่เป็นมรดกภูมิปัญญาอันล้ำค่าอย่างหนึ่งของชาติไทยและเป็นที่ประจักษ์ในสังคมโลก   


black ribbon.