ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 40/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 36 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
องค์ความรู้ เรื่อง พระดาบสผู้ตั้งชื่อเมืองอยุธยา
ในโคลงภาพฤๅษีดัดตน พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส โดย นายปารเมศ อภัยฤทธิรงค์ นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 135/7 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 171/7 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 51/2ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 24 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 9/6ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 38 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 53.8 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นพระธิดาพระองค์เดียวในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต กับหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ (เทวกุล) บริพัตร ประสูติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2474 ณ วังบางขุนพรหม ภายหลังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 ได้ตามเสด็จพระบิดาไปประทับที่เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย พ.ศ. 2484 เสด็จกลับประเทศไทยและเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนกระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษา จากนั้นเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสเปน
หม่อมเจ้ามารศีฯ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวรรณคดี จากมหาวิทยาลัย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2497 และปริญญาเอก สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ จากมหาวิทยาลัยแห่งมาดริด ประเทศสเปน เมื่อ พ.ศ. 2502 จากนั้นได้ทรงงานในแวดวงวิชาการอยู่ระยะหนึ่ง ทรงสอนวิชาศิลปะตะวันออกที่คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งมาดริด และเมื่อเสด็จกลับประเทศไทย ทรงเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปกรรมตะวันตกที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หม่อมเจ้ามารศีฯ ทรงสนพระทัยในด้านการวาดภาพ เมื่อมีพระชันษาราว 30 ปี ทรงยุติการทำงานวิชาการและเริ่มศึกษาศิลปะด้วยพระองค์เองจากผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง ทรงเข้าร่วมกลุ่มศิลปินในประเทศฝรั่งเศสเพื่อจัดแสดงนิทรรศการ หม่อมเจ้ามารศีฯ โปรดการสร้างสรรค์ผลงานที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก มีรูปแบบเหนือจินตนาการ และสะท้อนปรัชญาชีวิต ทรงเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างโดดเด่น งดงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตามแนวทางของศิลปะเซอร์เรียลลิสต์ – แฟนตาสติก (Surrealism – Fantastic Art) ทรงจัดแสดงนิทรรศการที่ประเทศฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง ต่อมาทรงซื้อที่ดินที่เมือง Annot ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสเพื่อสร้างพระตำหนัก Vellara ซึ่งเป็นทั้งที่ประทับและสตูดิโอสำหรับทรงงานศิลปะตั้งแต่ พ.ศ. 2513
ภาพเขียนของหม่อมเจ้ามารศีฯ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ผลงานในระยะแรก (พ.ศ. 2503 – 2513) ทรงทดลองเขียนภาพเหตุการณ์ประกอบฉากหลังที่เป็นโขดหิน โดยใช้สีเอกรงค์ (Monochrome) เน้นสีขาว – ดำเป็นหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน ผลงานในระยะที่ 2 (พ.ศ. 2513 – 2523) ทรงเขียนรูปบุคคล โดยมีโขดหินเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ ทรงเริ่มเขียนภาพดอกไม้และใช้สีสันหลากหลายกว่าผลงานในระยะแรก ผลงานในระยะนี้มีขนาดใหญ่ สอดแทรกเรื่องราวทางศาสนา ปกรณัม เรื่องปรัมปรา สัญลักษณ์ และเรื่องตามจินตนาการ ผลงานในระยะที่ 3 (พ.ศ. 2523 – 2546) หม่อมเจ้ามารศีฯ ทรงพัฒนาฝีมือในการสร้างสรรค์ผลงานจากช่วงก่อนหน้า ภาพเขียนในระยะนี้มีความหลากหลายทั้งเรื่องราวและสีสัน ปรากฏรูปบุคคล โดยเฉพาะผู้หญิง สิงสาราสัตว์ อาคารสถาปัตยกรรม รวมทั้งฉากหลังที่เป็นธรรมชาติ ผสมผสานกันจนเป็นเรื่องราวเหนือจินตนาการตามความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน
หม่อมเจ้ามารศีฯ ทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่เมือง Annot กว่า 40 ปี แวดล้อมด้วยธรรมชาติ ลำธาร และขุนเขา รวมทั้งสัตว์เลี้ยงนานาชนิด ทั้งสุนัข แมว และนก ซึ่งเป็นตัวละครและองค์ประกอบหลักในการสร้างสรรค์ผลงานภาพเขียน พ.ศ. 2547 ทรงประชวรและไม่สามารถเขียนภาพได้เช่นเดิม แต่ยังคงประทับที่พระตำหนักในเมือง Annot ท่ามกลางธรรมชาติ เสียงดนตรี และสัตว์เลี้ยง จวบจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 สิริพระชันษา 82 ปี พระญาติสนิทและพระสหายผู้ใกล้ชิดได้ดำเนินการตามพระปณิธานในการก่อตั้งมูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร เพื่อส่งเสริมการศึกษาด้านศิลปะในประเทศไทย โดยได้ดำเนินการจัดแสดงนิทรรศการและเผยแพร่ผลงานของหม่อมเจ้ามารศีฯ ทั้งในและต่างประเทศ มอบทุนการศึกษาให้แก่นิสิตนักศึกษาทางด้านศิลปะ และสนับสนุนทุนทรัพย์ในการจัดแสดงงานนิทรรศการแก่ศิลปินรุ่นใหม่ เพื่อช่วยสนับสนุนและผลักดันวงการทัศนศิลป์ในประเทศไทยให้ขับเคลื่อนและพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
#หม่อมเจ้ามารศีสุขุมพันธุ์บริพัตร
#ศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่๙
#ศิลปินแห่งนวสมัย #หอศิลป์แห่งชาติ
#หอศิลป์แห่งชาติถนนเจ้าฟ้า
ที่มา
1. หนังสือ “Beauty & Ugliness: Aesthetic of Marsi” โดย มูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร
2. หนังสือ “MARSI” โดย Michel Steve
ที่มาภาพ โดย มูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์ บริพัตร
เลขวัตถุ
ชื่อวัตถุ
ขนาด (ซม.)
ชนิด
สมัยหรือฝีมือช่าง
ประวัติการได้มา
ภาพวัตถุจัดแสดง
42/2553
(22/2549)
ภาชนะดินเผา สีนวล ไม่มีลาย ขอบปากบานผายออกมาก ส่วนล่างสอบตัดตรง
ส.8.2
ปก.18.2
ดินเผา
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว
ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539
เลขทะเบียน : นพ.บ.477/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 40 หน้า ; 4.5 x 55 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 162 (195-204) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ฉลองข้าวสาก--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
จารึกหลักที่ ๓ จารึกนครชุม
สมัยสุโขทัย พ.ศ. ๑๙๐๐
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงได้จากวัดพระบรมธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร นำลงมาที่กรุงเทพฯ เมื่อพ.ศ. ๒๔๒๙
ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องสุโขทัย อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
แผ่นศิลาหินทรายแป้งแทรกสลับกับหินดินดาน มีขนาดกว้าง ๔๗ เซนติเมตร สูง ๑๙๓ เซนติเมตร หนา ๖ เซนติเมตร รูปทรงคล้ายกลีบบัว มีข้อความจารึกอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย ทั้งสองด้าน ด้านที่ ๑ มี ๗๘ บรรทัด และด้านที่ ๒ มี ๕๘ บรรทัด เนื้อหาของจารึกหลักนี้ ด้านที่ ๑ กล่าวว่า ศักราช*ได้ ๑๒๗๙ (ตรงกับพ.ศ. ๑๙๐๐) พญาลิไทได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองลังกามาประดิษฐานไว้ที่เมืองนครชุม** จากนั้นจึงกล่าวถึง “ปัญจอันตรธาน” ซึ่งหมายถึงการเสื่อมของพุทธศาสนาตามลำดับ ๕ ขั้น (แต่ละขั้นมีระยะเวลา ๑,๐๐๐ ปี)*** และเตือนให้พุทธศาสนิกชน หมั่นประกอบบุญกุศลเมื่อพระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ เพื่อจะได้ไปพบพระศรีอาริยเมตไตรย ด้านที่ ๒ ของจารึกหลักนี้สภาพชำรุดมาก มีใจความกล่าวสรรเสริญพระธรรมิกราช และการประดิษฐานพระพุทธบาทซึ่งระบุว่าประดิษฐานไว้ที่เมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัย เขานางทองเมืองบางพาน**** และที่เมืองพระบาง*****
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงได้สอบถามกับพระครูวัดพระบรมธาตุ เมืองกำแพงเพชร ในระหว่างที่พระองค์เสด็จประพาสมณฑลพายัพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ทรงได้ทราบถึงที่มาของจารึกหลักนี้ ดังข้อความที่ทรงบันทึกไว้เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ความว่า
“...กลับมาแวะวัดมหาธาตุ ถามพระครูถึงเรื่องศิลาจารึกของพระมหาธรรมราชาลิไทย (คือศิลาจารึกหลักที่ ๓) ซึ่งอยู่ในหอพระสมุดฯ ทราบว่าได้ไปจากเมืองกำแพงเพ็ชร แต่ยังไม่ทราบว่าเดิมทีเดียวอยู่ที่ไหน ได้ความจากพระครูชัดเจนว่าศิลาจารึกแผ่นนั้น เดิมอยู่ที่วัดมหาธาตุนี้เอง ตั้งอยู่ในมุขเด็จวิหารหลวง ภายหลังผู้ว่าราชการเมืองกำแพงเพ็ชร เอาไปรักษาที่วัดเสด็จ แล้วจึงส่งลงไปกรุงเทพฯ พระครูได้พาไปดูฐานที่ตั้งศิลาจารึกแผ่นนั้น ยังอยู่ที่มุขเด็จเป็นศิลาแลงแท่งใหญ่ เจาะกลางเป็นช่องเฉพาะฝังโคนศิลาจารึก พิเคราะห์ดูช่องพอได้กับศิลาจารึก เพราะฉะนั้นเป็นรู้แน่ว่าศิลาจารึกแผ่นนั้นพระมหาธรรมราชาลิไทยทำไว้ที่วัดนี้...”
*มหาศักราช
**ประดิษฐานไว้ ณ เจดีย์วัดพระบรมธาตุ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร
***ความเสื่อมทางพุทธศาสนาประกอบไปด้วย ๕ ขั้น ได้แก่ ๑.ปฏิเวธอันตรธาน หมายถึงในระยะ๑,๐๐๐ ปี เริ่มมีบุคคลบรรลุเป็นพระอรหันต์น้อยลง ๒.ปริยัติอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีต่อมา เป็นความเสื่อมด้านพระธรรมคำสอน ๓.วินัยอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีต่อมา พระวินัยของสงฆ์เสื่อมลง ๔.ลิงคอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีต่อมาไม่เหลือพระสงฆ์ที่สืบทอดพุทธศาสนา และ๕.ธาตุอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีสุดท้ายของพุทธศาสนาจนกระทั่งพระธาตุเสื่อมสลายไป ไม่มีผู้กราบไหว้ และพุทธศาสนาสิ้นสุดเสื่อมสลายไป
****ปัจจุบันคือ บริเวณบ้านวังพาน ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
*****ปัจจุบันคือ บริเวณอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
อ้างอิง
กรมศิลปากร. จารึกสมัยสุโขทัย. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๒๗.
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. อธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองๆเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์. กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๖๒.
วินัย พงศ์ศรีเพียร. สุโขทัย ประวัติศาสตร์ จารึกศึกษา และนิรุกติประวัติ เล่มที่ ๑. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๖๓.
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมโครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๗ “เหมันต์สุขศรี สุนทรีย์สังคีต” วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับรายการแสดง ดังนี้
๑. การบรรเลง - ขับร้อง วงปี่พาทย์ไม้แข็ง เพลงสมณาวตาร เถา
๒. การแสดงตำนานเทวะนิยาย เรื่องนารายณ์สิบปาง “สมณาวตาร”
๓. ละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ตอนขอดูตัวสมิงนครอินทร์
นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต / กำกับการแสดงโดย สมเจตน์ ภู่นา / อำนวยการแสดงโดย ลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
บัตรราคา ๒๐ บาท (จำหน่ายบัตรก่อนการแสดง ๑ ชั่วโมง) ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐๒๒๒๑ ๐๑๗๑ นอกจากนี้ ผู้สนใจยังสามารถรับชมการแสดงในโครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๗ “เหมันต์สุขศรี สุนทรีย์สังคีต” ได้ทุกวันอาทิตย์ เริ่มเวลา ๑๗.๓๐ น. ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันอาทิตย์ที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ สังคีตศาลา เวทีกลางแจ้ง บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทั้งนี้ รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถติดตามรายละเอียดการแสดงแต่ละสัปดาห์ได้ทาง เฟสบุ๊ก : สำนักการสังคีต กรมศิลปากร