ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.46/10ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  62 หน้า ; 4.6 x 51.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 28 (282-294) ผูก 10หัวเรื่อง :  ธรรมบท --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


นิตยสารรายสองเดือน กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม วัตถุประสงค์ : เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมในสาระสำคัญต่าง ๆ และ เพื่ออนุรักษ์สืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติ



พิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ณ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย


ชื่อเรื่อง : พระอภัยมณี (ตอนที่ 31-35) ชื่อผู้แต่ง : สุนทรโวหาร (ภู่), พระ  ปีที่พิมพ์ : 2509 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์เลี่ยงเซียงจงเจริญ จำนวนหน้า : 206 หน้า สาระสังเขป : พระอภัยมณี เป็นวรรณคดีที่ทรงคุณค่าเรื่องหนึ่งของไทย ผลงานชิ้นเอกของพระสุนทรโวหาร หรือสุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประพันธ์ขึ้นเป็นนิทานคำกลอน หนังสือเรื่องพระอภัยมณีเล่มนี้ เป็นคำกลอนที่คัดมาเฉพาะตอนที่ 31-35 มีเนื้อหาประกอบด้วย ตอน พระอภัยมณีพบนางละเวง ตอน ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล ตอน ย่องตอดสะกดทัพ ตอน นางละเวงคิดหย่าทัพ และตอน พระอภัยมณีติดท้ายรถ บทกลอนดังกล่าวมีสำนวนภาษาที่ไพเราะ มีคติสอนใจ และมีคุณค่าทางวรรณคดีอย่างยิ่ง ในส่วนท้ายเล่มได้ตีพิมพ์เรื่องสมบัติกวี ของศุภร บุนนาค โดยคัดมาเฉพาะบางตอนนำมาตีพิมพ์ไว้ในเล่มเดียวกัน



ชื่อเรื่อง                     ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 61พิมพ์ครั้งที่                  3ผู้แต่ง                        -ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ประวัติศาสตร์ทวีปเอเชียเลขหมู่                      959.3 ป247รสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์ชวนพิมพ์ปีที่พิมพ์                    2516ลักษณะวัสดุ               250 หน้า หัวเรื่อง                     ไทย -- ประวัติศาสตร์ -- สมัยแรกเริ่มก่อน พ.ศ.1800ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 61 พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรี เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) ณ เมรุวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 12 มกราคม พุทธศักราช 2516  


การปฏิบัติงานภาคสนามโครงการสำรวจขึ้นทะเบียนโบราณสถานของสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ณ ปราสาทเบ็ง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์โดยนายประพันธ์ เนื่องมัจฉา นายช่างสำรวจชำนาญงาน และคณะ


           ชื่อเรื่อง : มรดกศิลป์แผ่นดินไทย = The Artistic Heritage of Thailand      ผู้เขียน : กรมศิลปากร      สำนักพิมพ์ : รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977)      ปีพิมพ์ : 2562      เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ : 978-616-283-461-5      เลขเรียกหนังสือ : 709.593 ศ528ม      ประเภทหนังสือ : หนังสือกรมศิลปากร      ห้องบริการ : ห้องหนังสือทั่วไป 1 สาระสังเขป : ราชอาณาจักรสยามหรือประเทศไทย เป็นดินแดนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองสืบทอดยาวนานจากอดีตจวบจนปัจจุบัน ปรากฎหลักฐานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ผู้คนในหลายพื้นที่ของแผ่นดินไทยอาศัยรวมเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามกาลเวลา มีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ การตั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย การประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การทำเครื่องนุ่งห่ม การค้าขาย รวมทั้งยังมีการสร้างสรรค์งานด้านศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ เช่น จิตรกรรม สถาปัตยกรรม ภาษา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาติที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง "มรดกศิลป์แผ่นดินไทย = The Artistic Heritage of Thailand" เป็นการรวบรวมเกี่ยวกับงานศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกที่   ทรงคุณค่าของชาติหลากหลายสาขา อาทิ ด้านโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม เอกสารโบราณ วิจิตรศิลป์ ประณีตศิลป์ เป็นต้น เพื่อเผยแพร่เป็นองค์ความรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง โดยนำศิลปะโบราณวัตถุที่สำคัญในแต่ละยุคสมัยมานำเสนอรายละเอียดพร้อมภาพประกอบสีที่สวยงาม   เริ่มตั้งแต่ยุคปัจจุบันย้อนอดีตไปจนถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประกอบด้วย รัตนโกสินทร์ อยุธยา ล้านนาและหริภุญชัย สุโขทัย ลพบุรีและศิลปะเขมรในประเทศไทย ศรีวิชัยและศิลปกรรมบนคาบสมุทรภาคใต้ ทวาราวดี และก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งพระพุทธรูปต่างๆ เครื่องทอง โลหะสำริด ลูกปัดหินสี ภาชนะดินเผา และอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งมีคุณค่าและสำคัญยิ่งของชาติ เพื่อแสดงพัฒนาการทางความคิด และภูมิปัญญาของบรรพชนในแต่ละยุคสมัย เช่น ภาชนะดินเผาสามขา วัฒนธรรมบ้านเก่า (ประมาณ 3,700 - 4,000 ปีมาแล้ว) ปราสาทหินพนมรุ้ง (ประมาณพุทธศตรวรรษที่ 12-14) จิตรกรรมที่ผนังวิหารวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน (ประมาณพุทธศตรวรรษที่ 25) พระมหาพิชัยมงกุฎ ศิลปะรัตนโกสินทร์ (พุทธศตวรรษที่ 24) พานพระศรีทองคำลงยาพร้อมเครื่อง (พุทธศตรวรรษที่ 24) ฉากไม้ประดับมุก รูปพระพุทธรูปและรูปอัครสาวก (พุทธศตรวรรษที่ 24) จิตรกรรมฝาผนังรูปพระสาวก กรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศิลปะอยุธยา (พ.ศ. 1967) หงส์ทองคำ (พ.ศ. 1967) พระพุทธรูปปางมารวิชัย (แบบอู่ทอง 2  พุทธศตรวรรษที่ 18-19) เศียรพระพุทธรูปทรงเครื่อง (อยุธยาตอนกลาง พุทธศตวรรษที่ 21-22) บัลลังก์จำลอง ศิลปะล้านนา (พุทธศตวรรษที่ 22) หงส์สำริด (พุทธศตรวรรษที่ 21) พระสาวกดินเผา ศิลปะหริภุญชัย (พุทธศตวรรษที่ 17-18) พระหริหระ ศิลปะสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 19-20) ศิลาจารึกหลักที่ 1 สุโขทัย (พุทธศตรวรรษที่ 19) มกรสังคโลก (พุทธศตวรรษที่ 19-20) เต้าปูน (พุทธศตรวรรษที่ 20) ทับหลัง แบบถาลาบริวัติ ศิลปะเขมรในประเทศไทย (พุทธศตวรรษที่ 12) สถูปจำลองประดับพระพุทธรูปที่ฐาน (สมัยบายน พุทธศตรวรรษที่ 18) เศียรพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะลพบุรี (กลางพุทธศตวรรษที่ 18-19) พระนารายณ์สี่กร ศิลปะศรีวิชัย (พุทธศตรวรรษที่ 12) พระพิมพ์ดินดิบ (พุทธศตวรรษที่ 14-15) แผ่นหินชนวนจำหลักรูปพระพุทธรูปปางสมาธิขนาบด้วยธรรมจักรและสถูป ศิลปทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 13-15) ธรรมจักร (พุทธศตวรรษที่ 13) ใบเสมาสลักภาพพระพุทธเจ้าเสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ (พุทธศตวรรษที่ 13-14) กระดิ่งสำริด ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (อายุราว 1,800-2,300 ปีมาแล้ว) ภาชนะลายเชือกทาบวัฒนธรรมบ้านเชียง (อายุประมาณ 3,000-4,000 ปีมาแล้ว) ลูกกลิ้งดินเผา (อายุประมาณ 1,800-2,300 ปีมาแล้ว) เป็นต้น ด้วยมุ่งหวังให้ประชาชนตระหนักรู้ ร่วมกันหวงแหนและภาคภูมิใจในมรดกศิลป์ของชาติไทยให้อยู่คู่แผ่นดินไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน       


บทอาขยานภาษาอังกฤษชั้นประถม 7


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ กำหนดจัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี ๒๕๖๓ เรื่อง “ศิลาจำหลัก : พิพิธสมบัติเมืองสุรินทร์” ระหว่างเดือนเมษายน – พฤศจิกายน ๒๕๖๓           นิทรรศการครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ ผลการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีและศิลปวัฒนธรรมให้แก่ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทหินทรายแกะสลัก ที่พบจากโบราณสถานในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีความสำคัญและความงดงามด้านศิลปกรรม ทั้งยังไม่เคยนำออกจัดแสดงแก่สาธารณชน เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสศึกษาเยี่ยมชม เป็นการสร้างความตระหนักและเล็งเห็นคุณค่า ความสำคัญ ก่อให้เกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์หวงแหนมรดกศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งเสริมสร้างให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและเป็นที่รู้จักมากขึ้น                   ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ระหว่างเดือนเมษายน – พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เปิดวันพุธ - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ - อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๔๔๑๕ ๓๐๕๔




          พระเศียรและพระบาท พระพุทธรูปทองคำ พบจากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๒ เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง           พระเศียรพระพุทธรูป สูงประมาณ ๕ เซนติเมตร พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรปิด พระกรรณยาว พระโอษฐ์อมยิ้ม จากรูปแบบศิลปกรรมกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว) และพระบาทพระพุทธรูป ยาวประมาณ ๓.๕ เซนติเมตร มีพระองคุลีบาท (นิ้วพระบาท) ยาวเสมอกัน พระปราษณี (ส้นพระบาท) ยาว และมีฝ่าพระบาทราบ พุทธลักษณะเหล่านี้ ช่างสมัยทวารวดีสร้างขึ้นตามตำรามหาปุริสลักขณะ (มหาบุรุษลักษณะ)           พระเศียรและพระบาทพระพุทธรูปทองคำนี้ พบจากการขุดแต่งด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์หมายเลข ๒ เมืองโบราณอู่ทอง เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๖ ถึงแม้พระเศียรและพระบาทดังกล่าวจะไม่ได้ขุดพบร่วมกัน แต่บริเวณที่พบโบราณวัตถุทั้งสองชิ้นไม่ห่างกันนัก ประกอบกับขนาดและสัดส่วนของพระเศียร และพระบาทดังกล่าว มีความสอดคล้องกัน จึงสันนิษฐานว่าเป็นชิ้นส่วนของพระพุทธรูปองค์เดียวกัน และเป็นพระพุทธรูปยืน ซึ่งอาจแสดงวิตรรกะมุทรา (ปางแสดงธรรม) อันเป็นที่นิยมในสมัยทวารวดี แบบเดียวกับกลุ่มพระพุทธรูปสำริด พบในเมืองโบราณอู่ทอง ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว) แสดงให้เห็นถึงการรับอิทธิพลจากศิลปะอินเดีย ที่เริ่มมีการผสมผสานกับศิลปะท้องถิ่น และพัฒนาเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปศิลปะทวารวดีในที่สุด          พระพุทธรูปทองคำองค์นี้ จัดเป็นงานศิลปกรรมชิ้นเยี่ยมสมัยทวารวดี ทองคำถือเป็นโลหะมีค่า ที่ใช้สร้างรูปเคารพและเครื่องประดับสมัยทวารวดี แม้พระพุทธรูปองค์นี้จะมีขนาดเล็ก แต่มีลายละเอียดชัดเจน แสดงถึงความชำนาญ ฝีมือและภูมิปัญญาของช่างทองสมัยทวารวดี นอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในอดีตของเมืองโบราณอู่ทองได้เป็นอย่างดี ------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร. โบราณคดีเมืองอู่ทอง. สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๒ สุพรรณบุรี กรมศิลปากร จัดพิมพ์, ๒๕๔๕. กรมศิลปากร. ศิลปะทวารวดี ต้นกำเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด, ๒๕๕๒. พนมบุตร จันทรโชติ และคณะ. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และเรื่องราวสุวรรณภูมิ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๐. สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรง. เปิดประตูสู่ทวารวดี. นครปฐม : มิตรเจริญการพิมพ์ จำกัด, ๒๕๖๑.



black ribbon.