ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

"หงส์หิน" เป็นคร่าวซอที่ประพันธ์ขึ้นในล้านนา เรื่องหงส์หินนี้ไม่ทราบความเป็นมาว่านำเนื้อหามาจากคัมภีร์ทางศาสนาเล่มใด แต่คร่าวซอฉบับที่แพร่หลายแต่งโดยพระยาโลมานิสัย ชาวเชียงรายที่ได้เข้ารับราชการในราชสำนักลำปาง โดยประพันธ์ขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๔ ภายหลังถูกใช้เป็นต้นแบบของคร่าวซอของเจ้าสุริยวงศ์ ซึ่งนิพนธ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๔ เรื่องราวเริ่มจากนางวิมาลา มเหสีเอกของพระเจ้าปุรันตปะ กษัตริย์แห่งกรุงพาราณสีถูกขับออกจากเมือง เนื่องจากถูกเหล่ามเหสีรองทั้ง ๖ นางใส่ร้าย แอบเอาลูกสุนัขมาสับเปลี่ยนกับโอรสของนางวิมาลาตอนคลอด นางวิมาลาจึงมาอาศัยอยู่ในบ้านพ่อเฒ่าแม่เฒ่าหลังหนึ่ง ส่วนโอรสของนางนั้นพระอินทร์นำไปเลี้ยงบนสวรรค์เมื่อเติบใหญ่ขึ้นพระอินทร์ก็เนรมิตหินคำก้อนหนึ่งให้กลายเป็นหงส์พาโอรสมาอยู่กับนางวิมาลาผู้เป็นมารดา นางวิมาลาจึงตั้งชื่อให้บุตรของนางว่าเจ้าทุตคตขัตติวงศ์ วันหนึ่งกุมารทั้งหกของเหล่าชายารองจัดการเล่นสะบ้าทองคำ เจ้าทุตคตขัตติวงศ์ออกไปเล่นด้วยแล้วชนะได้ลูกสะบ้าทองคำนั้นไป แถมขากลับออกจากเมืองยังสามารถปราบยักษ์ที่มาคอยจับผู้คนในเมืองกินเป็นอาหารได้ด้วย เหล่ากุมารทั้งหกเมื่อรู้ข่าวก็ไปบอกพระเจ้าปุรันตปะว่าพวกตนสังหารยักษ์ได้ พระเจ้าปุรันตปะไม่เชื่อ เนื่องจากผู้ที่จะปราบยักษ์ได้ต้องเป็นพระโพธิสัตว์เท่านั้น พระเจ้าปุรันตปะจึงให้หกกุมารออกไปตามหาพระอัยยิกาของตนที่ถูกเหล่าผีดิบจับไปเมื่อนานมาแล้ว กุมารทั้งหกก็ไปขอให้เจ้าทุตคตขขัตติวงศ์มาช่วยตามหาพระอัยยิกา เจ้าทุตคตขัตติวงศ์ให้เหล่ากุมารทั้งหกและกองทัพรออยู่ที่ชายฝั่งน้ำ ส่วนเจ้าทุตคตขัตติวงศ์ก็ขี่หงส์ออกไปตามหาพระอัยยิกา เจ้าทุตคตขัตติวงศ์เดินทางไปถึงเมืองยักษ์สามเมือง แต่ละเมืองก็ได้ธิดาของเจ้าเมืองนั้นๆเป็นชายา (หนุ่มเนื้อหอมที่พ่อตารักใคร่จริงๆ) เจ้าทุตคตขัตติวงศ์เข้าไปพบพระอัยยิกาในเมืองผีดิบซึ่งขณะนั้นเหล่าผีดิบไม่อยู่ในเมือง เมื่อพาพระอัยยิกาออกจากเมืองเหล่าผีดิบก็ไล่ตาม แต่เจ้าทุตคตขัตติวงศ์ก็สามารถพาพระอัยยิกาหนีพ้นไปได้ เมื่อเดินทางมาถึงเมืองผีดิบเจ้าทุตคตขัตติวงศ์เข้าไปพบพระอัยยิกาในเมืองผีดิบซึ่งขณะนั้นเหล่าผีดิบไม่อยู่ในเมือง เมื่อพาพระอัยยิกาออกจากเมืองเหล่าผีดิบก็ไล่ตาม แต่เจ้าทุตคตขัตติวงศ์ก็สามารถพาพระอัยยิกาหนีพ้นไปได้ ในขากลีบเมืองเจ้าทุตคตขัตติวงศ์ให้ชายาทั้ง ๓ คอยที่ริมฝั่งน้ำ โดยตนจะพาพระอัยยิกาไปส่งก่อน เมื่อโอรสทั้ง ๖ ของมเหสีรองเห็นเจ้าทุตคตขัตติวงศ์พาพระอัยยิกากลับมาได้สำเร็จก็ทำร้ายเจ้าทุตคตขัตติวงศ์จนตาย พวกตนก็พาพระอัยยิกากลับเมืองไปรับความดีความชอบจากพระเจ้าปุรันตปะ หลังจากที่เหล่าโอรสทั้ง ๖ พาพระอัยยิกากลับเมืองแล้ว พระอินทร์ก็ลงมาช่วยชุบชีวิตเจ้าทุตคตขัตติวงศ์ เรื่องราวไม่ได้จบอย่าง happy ending lesiy[Fvilmyh ๖ เมื่อพระเจ้าปุรันตปะทราบจากพระอัยยิกาว่าคนที่ช่วยพระองค์คือเจ้าทุตคตขัตติวงศ์ เมื่อเจ้าทุตคตขัตติวงศ์มาร่วมงานฉลองในเมือง พระเจ้าปุรันตปะได้ไต่ถามจนทราบความจริง รับสั่งให้นำโอรสและชายารอทั้ง ๖ ไปประหารชีวิต แล้วแต่งขบวนไปรับนางวิมาลา และพ่อเฒ่าแม่เฒ่ากลับวัง อ้างอิง : จิราวดี เงินแถบ, “หงส์หิน : การศึกษาเปรียบเทียบวรรณกรรมอีสานและล้านนา”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาจารึกภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปกร. ๒๕๓๗.


ชื่อเรื่อง                     ปฐมกัปป์ (ปฐมกัปป์)สพ.บ.                       280/2ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               62 หน้า : กว้าง 5.5 ซ.ม. ยาว 59 ซ.ม. หัวเรื่อง                     พุทธศาสนา                                   บทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                                นิทานพระบาง (พระบางคำสอน) สพ.บ.                                  330/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           58 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา--คำสั่งสอน                                          บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


---ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เป็นปฐมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ก็ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะ นับเป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา วันนั้นเป็นวันเพ็ญกลางเดือนอาสาฬหะหรือเดือน 8 เป็นวันที่พระรัตนตรัยครบบริบูรณ์ บังเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก คือมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครบบริบูรณ์---ธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธส่วนที่สุดสองอย่าง และเสนอแนวทางดำเนินชีวิตโดยสายกลางอันเป็นแนวทางใหม่ให้มนุษย์ มีเนื้อหาแสดงถึงขั้นตอนและแนวทางในการปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงอริยสัจทั้ง 4 คือ อริยมรรคมีองค์ 8 โดยเริ่มจากทำความเห็นให้ถูกทางสายกลางก่อน เพื่อดำเนินตามขั้นตอนการปฏิบัติรู้เพื่อละทุกข์ทั้งปวง เพื่อความดับทุกข์ อันได้แก่นิพพาน ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา---ปฏิปทาทางสายกลางปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ 8 คือปัญญาเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ)ความดำริชอบ (สัมมาสังกัปปะ)เจรจาชอบ (สัมมาวาจา)การงานชอบ (สัมมากัมมันตะ)เลี้ยงชีวิตชอบ (สัมมาอาชีวะ)พยายามชอบ (สัมมาวายามะ)ระลึกชอบ (สัมมาสติ)ตั้งจิตมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ)ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนาพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔มหาวรรค ภาค ๑เข้าถึงได้โดย https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=04&A=355https://th.wikipedia.org/wiki/ธัมมจักกัปปวัตนสูตร#:~:text=ธัมมจักกัปปวัตนสูตร%20หรือเขียนอย่าง,ศาสนา%20วันนั้นเป็นวันเพ็ญภาพ : พระพุทธรูปลีลา แสดงปางประทานอภัย ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านรับมอบจากพระครูศิริคุณาทาน เจ้าอาวาสวัดท่าล้อ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ จัดแสดง ห้องนิทรรศการชั้นบน ห้องที่ ๖ ห้องพระพุทธรูปไม้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน




สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)  ชบ.บ.45/1-1  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)  ชบ.บ.88ก/1-12  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มหานิปาตวณฺณนา(เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (มทฺรี-นครกัณฑ์)  ชบ.บ.106ข/1-11  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.346/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 4 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ-ชาดทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 134  (370-377) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : นิพฺพานสุตฺต (นิพพานสูตร)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          เจดีย์หมายเลข ๑ หรือวัดปราสาท (ร้าง) ตั้งอยู่นอกเมืองโบราณอู่ทอง ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้กับวัดท่าพระยาจักร (วัดช่องลม) เดิมมีลักษณะเป็นโคกเนินขนาดใหญ่ ต่อมากรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ - ๒๕๐๙ และได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๑ ปัจจุบันสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้ดำเนินการบูรณะเสริมความมั่นคงเรียบร้อยแล้ว          หลักฐานจากการดำเนินงานทางโบราณคดี พบว่า เจดีย์หมายเลข ๑ สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยทวารวดี โดยมีการซ่อมแซมและก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัยต่อมา อย่างน้อยอีก ๒ ครั้ง ได้แก่  การซ่อมแซมในสมัยทวารวดี และการก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัยอยุธยา นอกจากนี้ ทางด้านทิศเหนือของเจดีย์หมายเลข ๑ ยังพบซากเจดีย์บริวารขนาดเล็ก ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาอีกองค์หนึ่งด้วย          รูปแบบของเจดีย์หมายเลข ๑ เป็นเจดีย์ก่ออิฐสอปูน ปัจจุบันพังทลายเหลือแต่ส่วนฐาน โดยรูปแบบของฐานรองรับองค์เจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี มักจะประกอบด้วยฐานยกเก็จขนาดใหญ่รองรับเรือนธาตุ เช่นเดียวกับเจดีย์จุลประโทน และเจดีย์วัดพระประโทณเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ฐานส่วนนี้ของเจดีย์หมายเลข ๑ เป็นฐานในสมัยแรกสร้าง ซึ่งในการซ่อมในระยะเวลาต่อมา ได้มีการก่อฐานบัว เจาะช่องท้องไม้ปิดทับฐานเดิม ส่วนเรือนธาตุแม้จะพังทลายมาก แต่ก็ยังสังเกตได้ว่ามีการสร้างเสาติดผนัง          อนึ่ง เมื่อครั้งซ่อมแซมเจดีย์หมายเลข ๑ ในสมัยทวารวดี ยังได้มีการก่อฐานเป็นลานขนาดใหญ่ในผังสี่เหลี่ยมเพิ่มขึ้นมาด้วย โดยฐานนี้เป็นฐานบัววลัย ที่ประกอบด้วยลวดบัวลูกแก้วขนาดใหญ่ เจาะช่องท้องไม้ ตามแบบที่นิยมในศิลปะทวารวดี การก่อฐานเพิ่มเติมจากการก่อสร้างในครั้งแรกพบในเจดีย์สมัยทวารวดีหลายองค์ และในเมืองโบราณอู่ทองก็ยังพบตัวอย่างที่เจดีย์หมายเลข ๒ อีกด้วย          ต่อมาในสมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าเจดีย์หมายเลข ๑ คงพังทลาย มีสภาพหักพังเป็นโคกเนิน ไม่เห็นรูปแบบของเจดีย์เดิมที่สร้างและซ่อมแซมในสมัยทวารวดี ทำให้ช่างสมัยอยุธยาก่อสร้างเจดีย์ทับด้านบน โดยไม่สัมพันธ์กับแผนผังของเจดีย์เดิม ลักษณะเช่นนี้มีตัวอย่างเช่น เจดีย์วัดธรรมศาลา จังหวัดนครปฐม รูปแบบของเจดีย์สมัยอยุธยา ปัจจุบันพังทลายเหลือแต่ร่องรอยของฐานในผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีบันไดทางขึ้นด้านหน้า สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฐานไพทีรองรับเจดีย์ทรงปรางค์ เช่นเดียวกับเจดีย์วัดพระประโทณเจดีย์ จังหวัดนครปฐม           การสร้างเจดีย์สมัยอยุธยาซ้อนทับบนซากเจดีย์สมัยทวารวดี นอกจากจะช่วยเสริมรากฐานในการก่อสร้างและเพิ่มความสูงของเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์องค์เดิมที่มีผลต่อความศรัทธาของผู้คนในท้องถิ่นที่เข้ามาอยู่อาศัยในสมัยอยุธยา ดังปรากฏหลักฐานการก่อสร้างลักษณะเดียวกันนี้ ในเขตพื้นที่เมืองโบราณอู่ทอง เช่น โบราณสถานบนเขาพระ และเขาทำเทียม เป็นต้น   บรรณนุกรม กรมศิลปากร. โบราณวิทยาเรื่องเมืองอู่ทอง. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร, ๒๕๒๙. กรมศิลปากร. รายงานการสำรวจและขุดแต่งโบราณวัตถุสถาน เมืองเก่าอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี. พระนคร : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร, ๒๕๐๙.  เชษฐ์ สิงสัญชลี. ศิลปะไทยภายใต้แรงบัลดาลใจจากศิลปะอินเดียแบบปาละ. นนทบุรี : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด, ๒๕๕๘ ศักดิ์ชัย สายสิงห์. เจดีย์ในประเทศไทย รูปแบบ พัฒนาการและพลังศรัทธา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๖๐. สันติ เล็กสุขุม, โครงการ ออกแบบหุ่นจำลองสันนิษฐานจากซากเจดีย์ที่อำเภออู่ทอง สุพรรณบุรี (เพื่องานจัดทำหุ่นจำลองสันนิษฐาน ติดตั้งในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง),  (เอกสารอัดสำเนา). สันติ เล็กสุขุม, ศิลปะอยุธยา: งานช่างหลวงแห่งแผ่นดิน, กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๒.


ชื่อผู้แต่ง           กรมพระยาดำรงราชานุภาพ , สมเด็จ ชื่อเรื่อง             ตำนานเรื่องสามก๊ก ครั้งที่พิมพ์          - สถานที่พิมพ์      พระนคร สำนักพิมพ์        โรงพิมพ์พระจันทร์ ปีที่พิมพ์            ๒๕๐๕ จำนวนหน้า        ๑๑๘  หน้า หมายเหตุ          สำนักงาน ก.ต.ภ. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร้อยตรีตวงสิทธิ์  จารุเสถียร                        ต้นตำนานของหนังสือสามก๊กนั้น ทราบว่าเดิมเรื่องสามก๊กเป็นแต่นิทานสำหรับเล่ากันอยู่ก่อน สมัยราชวงศ์ไต้เหม็ง (พ.ศ. ๑๙๑๑ - ๒๑๘๖) มีนักปราชญ์จีน เมืองฮั่งจิ๋วคนหนึ่งชื่อ ล่อกวนตง คิดแต่หนังสือเรื่องสามก๊กขึ้นเป็นหนังสือ ๑๒๐ ตอน ต่อมามีนักปราชญ์จีนหลายคน นักปราชญ์จีนคนหนึ่งชื่อ จิมถ่าง เลื่อมใสในหนังสือเรื่องสามก๊ก ช่วยแก้ไขคำพังโพยของเม่าจงกัง แล้วแต่งคำอธิบายเป็นทำนองคำนำ มองให้เม่าจงกังไปแกะตัวพิมพ์ตีพิมพ์หนังสือเรื่องสามก๊กขึ้น ส่วนตำนานการแปลหนังสือสามก๊กเป็นภาษาไทยมีคำบกเล่าสืบกันมาว่าเมื่อในรัชกาลที่ ๑ มีพระราชดำรัสสั่งให้แปลหนังสือพงศาวดารจีนเป็นภาษาไทย ๒ เรื่อง คือ เรื่องไซฮั่น เรื่อง ๑ กับ เรื่องสามก๊ก เรื่อง ๑



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ขอประชาสัมพันธ์และเชิญชวนทุกท่าน ร่วมรับชมการบรรยายพิเศษ เรื่อง “เส้นสาย ลายไหม ผ้าไทย เมืองสุรินทร์” ในวันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook Live พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ กรมศิลปากร


ชื่อเรื่อง                     ที่ระลึกสมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปริณายก องค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ปุ่น ปุณฺณสิริ)ผู้แต่ง                       กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ศาสนาเลขหมู่                      294.30922 ท535สถานที่พิมพ์               สุพรรณบุรีสำนักพิมพ์                 มนัสการพิมพ์ปีที่พิมพ์                    2516ลักษณะวัสดุ               130 หน้าหัวเรื่อง                     สงฆ์ – ไทย                              สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น บุญณสิริ)ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก         รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับพระชีวประวัติเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ตลอดจนพระราชพิธีสถาปนาฯ งานสมโภชที่จังหวัดสุพรรณบุรี และปฏิปทาในขณะดำรงเพศพรหมจรรย์อันจักเป็นแบบฉบับที่ดีของอนุชนรุ่นหลัง



black ribbon.