ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ

ชื่อเรื่อง                     จารึกวัดพระเชตุพน ตอน โคลงภาพฤษีดัดตนและตำราอายุวัฒนะผู้แต่ง                       กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   แพทยศาสตร์เลขหมู่                      615.82 ศ528จสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์การพิมพ์พาณิชย์ปีที่พิมพ์                    2507ลักษณะวัสดุ               190 หน้าหัวเรื่อง                     จารึกพระเชตุพนภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก           รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับโคลงภาพฤษีดัดตนและตำราอายุวัฒนะ




อุโบสถหลังเก่าวัดทุ่งควายกิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง วัดทุ่งควายกิน ตั้งอยู่ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ภายในวัดมีอุโบสถหลังเก่ามีจารึกว่าสร้างเมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๒ ปัจจุบันอุโบสถหลังเก่าอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก ศาลาด้านหน้าอุโบสถพังลง กรมศิลปากรจึงได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี และสำนักสถาปัตยกรรม ขุดแต่งและบูรณะอุโบสถหลังเก่า ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ ให้กลับมามีสภาพมั่นคงแข็งแรงและฟื้นคืนรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม อุโบสถหลังเก่า เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ฐานอุโบสถเป็นฐานสิงห์ ซุ้มประตูเป็นปูนปั้นทรงโค้งเขียนลายพญานาค หลังคาทรงจั่วประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ทำจากไม้แกะสลัก มีชายคาปีกนกล้อมรอบ สันตะเข้เป็นปูนปั้นรูปพญานาคประดับเครื่องถ้วย ภายในอุโบสถมีฐานชุกชีก่ออิฐถือปูนประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย เหนือกรอบหน้าต่างเขียนภาพทศชาติชาดก รอบอุโบสถทั้ง ๘ ทิศมีซุ้มประดับใบเสมาหินทรายตรงกลางใบเสมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ด้านหน้าอุโบสถมีศาลาเครื่องไม้ อันเป็นลักษณะเฉพาะของอุโบสถในอำเภอแกลง ที่สร้างราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๕ หรือในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พบได้หลายวัด เช่น วัดจำรุง วัดหนองแพงพวย วัดเนินยาง วัดโพธิ์ทองพุทธาราม สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี



กระเบื้องเชิงชาย ลายดอกบัว เมืองกำแพงเพชร ...กระเบื้องเชิงชายหรือที่เรียกว่ากระเบื้องหน้าอุด คือกระเบื้องมุงหลังคาแถวล่างสุดของหลังคาแต่ละตับทำหน้าที่อุดช่องว่างที่ชายคาเพื่อกันฝน และสัตว์เข้าไปตามแนวกระเบื้อง ส่วนใหญ่ทำเป็นทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หรือสามเหลี่ยมด้านเท่าพร้อมลวดลายต่างๆ เช่น ลายเทพนม ลายดอกบัว ประดับที่ชายคาสถาปัตยกรรมประเภทอาคารที่มีฐานานุศักดิ์อันสื่อถึงการแสดงฐานะของผู้ใช้อาคาร โดยสามารถแบ่งประเภทตามการใช้ประโยชน์เป็น ๒ ประเภท คือ ประเภทศาสนสถานเนื่องในศาสนาพุทธ เช่น อุโบสถ วิหาร และประเภทที่อยู่อาศัยซึ่งพบหลักฐานจากการขุดแต่งสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ พระมหาปราสาท พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ...ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ดอกบัว ใช้สื่อถึงแผ่นดินซึ่งเป็นที่เกิดของ ปทุม (ภาษาบาลี หมายถึง ต้นไม้ต้นแรก) และใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการอุบัติตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ตัวอย่างความเกี่ยวข้องในทางพุทธศาสนา ดอกบัว ได้ถูกยกมาเทียบเคียงถึงความสามารถในการเข้าใจหลักคำสอนและธรรมะของบุคคลที่แตกต่างกัน รวมถึงการนำรูปดอกบัวมาทำเป็นภาพประกอบกับรูปเคารพของพระพุทธเจ้า เช่น ฐานที่ประทับของพระพุทธรูป เป็นส่วนประกอบของทิพยบุคคล และเป็นลวดลายประดับ อันสื่อถึงการกำเนิดอันบริสุทธิ์ (โลกแห่งธรรม) ความอุดมสมบูรณ์ และแสงสว่าง...จากการศึกษากระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยาประเภทลายดอกบัว ของ นายประทีป เพ็งตะโก สันนิษฐานว่า...ลวดลายประดับรูปดอกบัวปรากฏตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นตลอดจนถึงอยุธยาตอนปลาย ลักษณะสำคัญคือรูปดอกบัวที่มีก้านมารองรับมีลักษณะธรรมชาติซึ่งพบในช่วงเวลาสั้นๆ และในระยะเวลาเดียวกันนั้นก็ทำเป็นรูปดอกบัวบานที่ไม่มีก้านมารองรับอันเป็นลักษณะที่นิยมในเวลาต่อมา วิวัฒนาการของกลีบบัวแรกเริ่มมีลักษณะเรียวยาวใกล้เคียงธรรมชาติ จากนั้นคลี่คลายเป็นกลีบดอกมีขอบหยัก คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากลายประเภทพันธุ์พฤกษาช่วงสมัยอยุธยาตอนกลาง (ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒) ในเวลาต่อมากลีบบัวปรับเปลี่ยนเป็นลายกระหนก (ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒) จนถึงระยะสุดท้ายที่มีลายใบไม้สามแฉกเข้ามาแทนที่เค้าโครงเดิม ...การกำหนดอายุโดยวิธีการเปรียบเทียบ (Relative Dating) พบว่าลวดลายในกระเบื้องเชิงชายที่พบจากการขุดแต่งวัดพระแก้ว และวัดช้างรอบ เมืองกำแพงเพชรนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับกระเบื้องเชิงชายที่พบในโบราณสถานของเมืองพระนครศรีอยุธยา โดยอ้างอิงภาพเปรียบเทียบลายกระเบื้องเชิงชายจากการศึกษาของ นายประทีป เพ็งตะโก ดังนี้...กระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวที่พบจากเมืองกำแพงเพชร จำนวน ๒ รูปแบบ ได้แก่๑. กระเบื้องเชิงชายลายดอกบัว (ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – พุทธศตวรรษที่ ๒๒) ลักษณะทรงสามเหลี่ยมมีหยักที่ขอบนอก ทำเส้นนูนล้อกับทรงกระเบื้องล้อมรอบลายดอกบัวจำนวนสองเส้น ไม่ทำก้านดอก กลีบดอกคลี่คลายไม่เป็นธรรมชาติ กลีบบัวเรียวยาว ขอบกลีบเริ่มทำเป็นหยัก อาจทำเพียงบางกลีบ หรือหลายกลีบ นอกจากนี้ยังพบลักษณะคล้ายใบไม้ ๓ แฉก หรือทรงพุ่มแหลมด้านบนของดอกบัว อันเริ่มแปรเปลี่ยนจนคล้ายกับดอกบัวดอกเล็กซ้อนอยู่ข้างบน จากการขุดแต่งวัดช้างรอบพบกระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวลักษณะคล้ายกับที่พบจากการขุดแต่งบริเวณวัดสุวรรณาวาส วัดไชยวัฒนาราม วัดขุนแสน วัดพระยาแมน และตำหนักสวนกระต่าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา๒. กระเบื้องเชิงชายลายดอกบัว (ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒) ลักษณะทรงสามเหลี่ยมมีหยักที่ขอบนอก มีการทำเส้นล้อกับทรงกระเบื้องล้อมรอบลายดอกบัวจำนวนสองเส้น มีร่องรอยเม็ดปุ่มอยู่บนสันนูนระหว่างเส้นกรอบดังกล่าว ลักษณะโครงสร้างลายคล้ายมีดอกขนาดเล็กซ้อนอยู่ข้างบน กลีบบัวมีทั้งทำหยักที่ขอบคล้ายใบไม้ และมีพัฒนาการรูปแบบประดิษฐ์เป็นลายกนกทั้งหมด จากการขุดแต่งวัดพระแก้ว และวัดช้างรอบพบกระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวลักษณะนี้คล้ายกับที่พบจากการขุดแต่งวัดสุวรรณาวาส วัดพลับพลาชัย และบริเวณตำหนักวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา...จากการกำหนดอายุลวดลายในกระเบื้องเชิงชายที่พบจากการขุดแต่งวัดพระแก้ว และวัดช้างรอบ เมืองกำแพงเพชร เปรียบเทียบกับผลการศึกษาลักษณะลวดลายจากหลักฐานที่พบในวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สอดคล้องไปในทางเดียวกันว่าหลักฐานที่พบมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒________________________________________ เอกสารอ้างอิงคณะกรรมการดำเนินงานจัดทำศัพทานุกรมด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์. ศัพทานุกรมโบราณคดี. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด, ๒๕๕๐.ประทีป เพ็งตะโก. กระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๐. ประทีป เพ็งตะโก. ประทีปวิทรรศน์ : รวมเรื่องโบราณคดีอยุธยา. กรุงเทพฯ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๖๔.วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. พจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรมไทย. นนทบุรี : เมืองโบราณ, ๒๕๕๙.


บทความออนไลน์จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี “ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมืองปราจีนบุรี” **สำหรับนักท่องเที่ยวสายบุญ เมื่อมาเที่ยวจังหวัดปราจีนบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ขอแนะนำสถานที่ที่ทุกท่านสามารถไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดปราจีนบุรี ดังนี้ *** หลวงพ่ออภัยวงศ์ วัดแก้วพิจิตร ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี -- วัดแก้วพิจิตร ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาแม่น้ำปราจีนบุรี เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดปราจีนบุรี จากจารึกแผ่นหินภายในบริเวณวัดระบุว่า วัดแก้วพิจิตรสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๒ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยนางประมูล โภคา (แก้ว ประสังสิต) ภรรยาของขุนประมูลภักดี เป็นผู้สร้างวัด ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๑ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ได้อพยพครอบครัวจากเมืองพระตะบองมาอยู่ที่ปราจีนบุรี ด้วยเป็นผู้อุปถัมภ์วัดแห่งนี้ ท่านจึงได้เกณฑ์ช่าชาวเขมรให้มาบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถ พร้อมสร้างพระประธานด้วย จากรูปแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมของอุโบสถ จะเห็นลวดลายประดับอาคารที่ผสมผสามกันอย่างงดงามระหว่างศิลปะไทย จีน ยุโรปและเขมร -- หลวงพ่ออภัยวงศ์หรือพระพุทธรูปปางประทานอภัย ประดิษฐานเป็นพระประธานภายในอุโบสถของวัดแก้วพิจิตร เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวายกขึ้นหันพระหัตถ์ออกด้านนอกวางตั้งอยู่บนพระเพลา พระหัตถ์ซ้ายวางหงายพระหัตถ์ขึ้น *** หลวงพ่อเพชร วัดแจ้ง ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี -- พระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานภายในวิหารหลวงพ่อเพชร วัดแจ้งซึ่งสร้างใหม่คล้ายกับวิหารในภาคเหนือ -- หลวงพ่อเพชร หรือ พระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์นี้เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พระเกตุมาลาเป็นต่อมกลม พระรัศมีเป็นดอกบัวตูม ครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาขาว ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน มีชายจีวรห้อยด้านหน้าบริเวณพระเพลา ประทับนั่งอยู่บน ฐาน ๓ ชั้น มีผ้าทิพย์ห้อยด้านหน้า -- ตามประวัติระบุว่าพบในเจดีย์ร้างกลางทุ่ง โดยเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุห์นายกในสมัยรัชกาบที่ ๓ -- พระพุทธรูปหลวงพ่อเพชรองค์นี้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑ ตอนพิเศษที่ ๕๕ ง หน้า ๒๐ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ *** หลวงพ่อเชียงแสน วัดมะกอกสีมาราม ต.รอบเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี -- หลวงพ่อเชียงแสนหรือพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ – ๒๓ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พระเกตุมาลาเป็นต่อมกลม พระรัศมีเป็นดอกบัวตูมครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาข้างขวา มีชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน มีชายจีวรห้อยด้านหน้าบริเวณพระเพลา ประทับนั่งอยู่บนฐาน มีผ้าทิพย์ห้อยด้านหน้า -- ตามประวัติระบุว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๐ (สมัยรัชกาลที่ ๕) เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เมื่อครั้งสมัยเป็นแม่ทัพปราบฮ่อได้อัญเชิญมาจากเมืองเชียงแสน มาประดิษฐานที่วัดราชบพิธ กรุงเทพฯ และเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ท่านเจ้าคุณญาณเวที ยติโก เจ้าอาวาสวัดมะกอกสีมาราม ได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดมะกอกสีมาราม -- พระพุทธรูปหลวงพ่อเชียงแสนองค์นี้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๑ ตอนพิเศษที่ ๕๕ ง หน้า ๒๐ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ *** พระคเณศ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี -- พระคเณศ แห่งเมืองศรีมโหสถ อายุกว่า ๑,๔๐๐ ปี พบที่โบราณสถานหมายเลข ๒๒ กลางเมืองศรีมโหสถ เป็นพระคเณศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย โดยเป็นพระคเณศที่ประทับอยู่เหนือฐานสี่เหลี่ยมมีร่องน้ำสรง เรียกว่า “ฐานโยนิหรือโยนิโทรณะ” มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เหมือนช้างธรรมชาติและไม่ทรงเครื่องประดับ เทียบได้กับพระคเณศสมัยเมืองพระนครในศิลปะเขมร อายุราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๒ -- พระคเณศ เป็นเทพเจ้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมนับถือมากในศาสนาฮินดูในฐานะเทพเจ้าแห่งอุปสรรค ที่ชาวฮินดูเมื่อจะประกอบพิธีทางศาสนาจะต้องบูชาพระคเณศก่อน พระคเณศจึงกลายเป็นแห่งความรู้และความเฉลียวฉลาด เทพอักษรศาสตร์และวรรณคดี และเทพแห่งศิลปวิทยาการ -- ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม – ๙ กันยายน ๒๕๖๕ นี้ตรงกับช่วงเทศกาล “วันคเณศจตุรถี” เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองวันประสูติของพระคเณศซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันที่พระคเณศจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ เพื่ออวยพรแก่ผู้ที่เลื่อมใสที่ทำพิธีบูชาพระองค์ #เที่ยวปราจีนcontentcreator #เที่ยวปราจีนบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


องค์ความรู้จาก งานอนุรักษ์เอกสารของหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลาในสัปดาห์นี้ ขอเสนอ เรื่อง การอนุรักษ์เอกสาร : การซ่อมเอกสาร ตอนที่ ๑ การเตรียมเอกสารก่อนการซ่อม  เนื้อหากล่าวถึง หลักสำคัญในการซ่อม การลดกรดเอกสาร วิธีผสมกาว และ อุปกรณ์และสารเคมีที่ใช้ในการซ่อมเอกสาร จากการเรียบเรียงของ นางภารดี สุภากาญจน์ นักจดหมายเหตุชำนาญการ เเละกราฟิกโดยนายวีรวัฒน์ เหลาธนู นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ  ขอบคุณภาพบางส่วนจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา



         ตราดินเผารูปบุคคลกำลังหาบของ จากเมืองโบราณอู่ทอง          ตราดินเผารูปบุคคลกำลังหาบของ พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          ตราดินเผา กว้าง ๓ เซนติเมตร สูง ๒ เซนติเมตร อยู่ในสภาพชำรุด หักเหลือเพียงครึ่งชิ้น ผิวหน้ามีรอยกดประทับเป็นรูปนูนต่ำภาพบุคคลกำลังหาบของ เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับตราดินเผาสมัยทวารวดีชิ้นอื่นๆ พบว่ามีรูปแบบเดียวกันกับตราดินเผารูปบุคคลกำลังหาบของที่จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ตราดินเผาดังกล่าวเป็นตราดินเผาทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓.๘ เซนติเมตร ผิวหน้ามีรอยกดประทับเป็นรูปบุคคลที่เป็นเพียงเค้าโครงอย่างง่าย ไม่แสดงรายละเอียดของใบหน้าหรือเครื่องแต่งกาย มีสัดส่วนไม่สมจริงตามธรรมชาติ โดยมีมือใหญ่และยาวลงมาถึงหัวเข่า รูปบุคคลดังกล่าวกำลังหาบของโดยใช้ไม้คานวางพาดบนบ่า ของที่หาบอยู่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว อาจเป็นกระบุง หีบ หรือเครื่องใช้อื่นๆ สำหรับบรรจุสิ่งของ ส่วนด้านหน้ามีรูปบุคคลขนาดเล็ก ซึ่งอาจหมายถึงรูปเด็ก         ตราดินเผารูปบุคคลในอิริยาบถต่าง ๆ พบมาแล้วในศิลปะอินเดีย ในงานศิลปกรรมสมัยทวารวดีนอกจากตราดินเผาชิ้นนี้ ยังพบตราดินเผารูปบุคคลอีกหลายแบบ เช่น รูปบุคคล ๒ คนขี่ม้าตีคลี พบที่เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม และเมืองจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ รูปสตรี ๓ คน พบที่เมืองซับจำปา จังหวัดลพบุรี รูปบุคคลปีนต้นไม้ พบที่เมืองจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น สันนิษฐานว่าอาจมีการนำเหตุการณ์ที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันมาสร้างสรรค์เป็นลวดลายต้นแบบบนตราประทับ เช่น การขี่ม้าตีคลี และการปีนต้นไม้ เป็นต้น         สันนิษฐานว่าตราดินเผาชิ้นนี้น่าจะผลิตขึ้นในท้องถิ่นโดยคนพื้นเมืองทวารวดี โดยรับอิทธิพลทางด้านรูปแบบและคติความเชื่อมาจากอินเดีย และอาจมีการนำเหตุการณ์ที่พบเห็นในชีวิตประจำวันมาเป็นต้นแบบ และนำมาผลิตเป็นตราดินเผาในรูปอย่างง่าย เพื่อใช้สำหรับเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวบุคคลหรือกลุ่มคน ชนชั้นปกครอง นักเดินทาง หรือพ่อค้าก็เป็นได้ กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ - ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว        เอกสารอ้างอิง อนันต์ กลิ่นโพธิ์กลับ. “การศึกษาความหมายและรูปแบบตราประทับสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗. ที่มารูปภาพ ภาพตราดินเผารูปบุคคลกำลังหาบของ จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จาก อนันต์ กลิ่นโพธิ์กลับ. “การศึกษาความหมายและรูปแบบตราประทับสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗.


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           39/2ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              36 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


จากการสำรวจขุดค้นแหล่งเรือจมบางกะไชย 2 อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี พบปืนใหญ่จำนวน 2 กระบอก ซึ่งใช้เป็นอาวุธประจำเรือ ที่สามารถป้องกันการบุกรุกจากเรือโจรสลัดได้ในระยะไกล วันนี้จึงขอนำเสนอเกร็ดความรู้เกี่ยวกับหลักฐานปืนใหญ่ที่พบจากแหล่งเรือจมลำนี้


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 134/2เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 170/2เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           5/3ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              38 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนา                                                      พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           23/4ประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                30 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54.5 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.