ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,763 รายการ

ฉวีงาม  มาเจริญ.  บุษบกธรรมาสน์.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา, 2520.            บุษบกธรรมาสน์ เป็นศิลปะเกี่ยวกับพุทธศาสนา มักทำจากไม้แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง ลงรักปิดทอง ประดับกระจกสี หรือฝังมุก เพื่อให้สมเกียรติเป็นที่ประทับของพระภิกษุ ผู้เทศนาธรรม บุษบกธรรมาสน์ที่พบเห็นในวัดวาอารามต่างๆ ทั่วประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงฝีมือช่างไทยในแต่ละยุคสมัย


ชื่อแบบฉบับ : ธมฺมจกฺกฎีกา (ผูก 2) ชื่อเรื่อง : ฎีกาธรรมจักร (ผูก 2) เลขทะเบียน : ชม.บ.720/2 ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                         ผู้สร้าง : ไม่ปรากฏ                       ปีที่สร้าง : จ.ศ.1105 (พ.ศ. 2286) จำนวน : 1  คัมภีร์  1 ผูก                จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด             จำนวนหน้า : 44 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา                      ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา                เส้น : จาร ฉบับ : ล่องชาด                            ไม้ประกับ : ไม่มี                          ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน ประวัติ : จ.ศ.1105  (พ.ศ.2286)  ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่  เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568


ชื่อแบบฉบับ : ตำนานพระเจ้าเรียบโลก (ผูก 1) ชื่อเรื่อง : พุทธเลียบโลก (ผูก 1) เลขทะเบียน : ชม.บ.1238/1 ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                ผู้สร้าง : ไม่ปรากฏ                       ปีที่สร้าง : ไม่ปรากฏ จำนวน : 1 คัมภีร์  1 ผูก        จำนวนบรรทัด : 4 บรรทัด             จำนวนหน้า : 62 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา             ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา                เส้น : จาร ฉบับ : ล่องชาด                   ไม้ประกับ : ธรรมดา                     ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน            ประวัติ : ได้มาจากวัดสันผักแค  ต.ม่วงคำ  อ.พาน จ.เชียงราย  เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่  ปี พ.ศ. 2568               


เลขทะเบียน  นม.บ.19/3ก



ร่างพระราชบัญญัติหอสมุดแห่งชาติ








วันที่ ๑๒-๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา จัดโครงการเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท หลักสูตร"การเสริมสร้างวัฒนธรรม ค่านิยมสุจริต การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การต่อต้านการทุจริต และผลประโยชน์ทับซ้อนในหน่วยงานและชุมชน" โดยมีนายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิด ณ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา




  วัฒนธรรมการฝังศพทุ่งกุลาร้องไห้             จากการศึกษาวิจัยทางประวัติศาสตร์โบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าภูมิภาคนี้เป็นเขตสะสมทางวัฒนธรรมที่สำคัญ มีการแบ่งเขตสะสมทางวัฒนธรรมตามลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็น ๒ เขตใหญ่ๆ คือ แอ่งสกลนคร และ แอ่งโคราช มีเทือกเขาภูพานเป็นตัวกั้นกลาง             แอ่งโคราชมีหลักฐานทางวัฒนธรรมชัดเจน บริเวณของทุ่งกุลาร้องไห้ สภาพภูมิประเทศมีลักษณะที่โดดเด่น เรียกว่า แบบ broad depression หรือ แอ่งกระทะ เนื้อที่ทั้งหมด ๒.๑ ล้านไร่ ความยาวของทุ่งตามแนวตะวันออก – ตะวันตก ประมาณ ๑๕๐ กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดยโสธรและจังหวัดศรีสะเกษ             คนทุ่งกุลาร้องไห้ในอดีต แตกต่างจากกลุ่มวัฒนธรรมอื่นๆ ในเรื่องการฝังศพที่มีการนำกระดูกคนตายใส่ลงไปในภาชนะดินเผาแล้วฝังอีกครั้งหนึ่งเรียกกันว่า การฝังศพครั้งที่ ๒ (Secondary Burial)             นอกจากความพิเศษและความเป็นลักษณะเฉพาะในเรื่องประเพณีการฝังศพแล้ว ยังมีลักษณะของภาชนะดินเผาที่แตกต่างจากกลุ่มวัฒนธรรมอื่น คือ ภาชนะเนื้อดินสีนวลขาว และภาชนะดินเผาที่เรียกว่า แบบร้อยเอ็ด โดยการตกแต่งผิวด้านนอกด้วยลายเชือกทาบ จากนั้นทำให้เรียบ แล้วเขียนด้วยสีแดงทับ             การประกอบพิธีกรรมการฝังศพในภาชนะดินเผา ( Burial Jar ) ลักษณะดังกล่าว นอกจากจะพบแพร่กระจายในวัฒนธรรมทุ่งกุลาร้องไห้แล้ว ยังปรากฏในชุมชนโบราณทั้งในเอเชียภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ เช่น อินเดีย จีน ลาว เวียดนาม มาเลเซีย และภาคพื้นหมู่เกาะ อันได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และแถบตะวันออกไกล เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ว่าประเพณีการฝังศพในลักษณะนี้เริ่มขึ้นเมื่อใด หรือแม้แต่การแลกรับวัฒนธรรมประเพณีเริ่มต้นที่กลุ่มชนใดในภูมิภาคนี้             นอกจากภาชนะดินเผาแล้ว วัฒนธรรมทุ่งกุลาร้องไห้ยังปรากฏประเพณีการฝังศพที่มีการนำกระดูกคนตายใส่ลงไปในภาชนะดินเผา และฝังอีกครั้งหนึ่ง เรียกรูปแบบนี้ว่า ประเพณีการฝังศพครั้งที่ ๒ แบบแผนการฝังศพจะปรากฏมากมายหลายรูปแบบ เช่น ภาชนะบรรจุกระดูกทรงไข่ ทรงกลม และทรงกระบอก       ซึ่งล้วนแล้วแต่จะมีฝาปิดเป็นทรงอ่าง ทรงชามขนาดใหญ่(คล้ายกระทะ) และฝาปิดเป็นแผ่นดินเผา ทรงกลม มีหูหรือด้ามจับ จะพบว่ามีการฝังรวมกันเป็นกลุ่ม ทั้งการวางภาชนะในแนวนอนและตั้งฉากกับพื้น สำหรับการฝังโดยวางภาชนะในแนวนอนนั้นจะพบการวางภาชนะเรียงต่อกันเป็นแถว(ส่วนปากภาชนะจะต่อกับส่วนก้นของภาชนะดินเผาอีกใบหนึ่ง) และแบบพิเศษที่นำภาชนะทรงกระบอกขนาดใหญ่ ๒ ใบ มีลักษณะส่วนปากประกบกันมองดูคล้ายกับ “แคปซูล”             ช่วงเวลาที่มีการแพร่กระจายของกลุ่มวัฒนธรรมทุ่งกุลาร้องไห้อย่างหนาแน่นนั้น น่าจะจัดอยู่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย มีอายุประมาณ ๒,๕๐๐ ปีเป็นต้นมา จนกระทั่งปรากฏการรับอิทธิพลวัฒนธรรมเขมร ซึ่งมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ – ๑๘   วัฒนธรรมการฝังศพครั้งที่สองของจังหวัดสุรินทร์สมัยก่อนประวัติศาสตร์             จังหวัดสุรินทร์ตั้งอยู่ในแอ่งโคราช บริเวณแม่น้ำมูลตอนกลาง ซึ่งมีการค้นพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทางตอนเหนือของจังหวัดแถบอำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม อำเภอรัตนบุรี และอาจมีความสัมพันธ์กับแหล่งโบราณคดีกลุ่มทุ่งกุลาร้องไห้ และแหล่งโบราณคดีในลุ่มแม่น้ำชี โดยเฉพาะประเพณีการฝังศพครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นประเพณีที่แพร่หลาย และเป็นลักษณะเด่นทางวัฒนธรรมของชุมชนแถบลุ่มแม่น้ำชี – มูล             แหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในจังหวัดสุรินทร์ บริเวณฝั่งแม่น้ำมูล มักจะพบประเพณีการฝังศพครั้งที่สอง โดยการนำกระดูกของผู้ตายมาใส่ภาชนะแล้วนำไปฝังอีกครั้ง ประเพณีความเชื่อนี้คงเกิดจากการฝังศพแบบนอนหงายเหยียดยาวก่อนแล้วจึงพัฒนาเป็นนำกระดูกใส่ภาชนะ ต่อมาเมื่อได้รับเอาพุทธศาสนาเข้ามาจึงมีพิธีการเผาศพเกิดขึ้น             ในจังหวัดสุรินทร์ ประเพณีการฝังศพครั้งที่สองพบที่แหล่งโบราณคดีบ้านโนนสวรรค์ ตำบลนาหนองไผ่ อำเภอชุมพลบุรี สันนิษฐานว่าหลุมศพที่พบเหล่านี้ มีอายุราว ๒,๐๐๐ – ๑,๕๐๐ ปี โดยจัดอยู่ในกลุ่มทุ่งกุลาร้องไห้ มีความเชื่อว่า หลังจากนำศพผู้ตายไปฝังจนเนื้อหนังศพเปื่อยสลายแล้วจึงนำโครงกระดูกซึ่งอาจจะเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ของร่างกาย มาบรรจุในภาชนะดินเผา แล้วใช้ภาชนะดินเผาอีกใบปิดทับลงไป บางไหที่พบจะบรรจุโครงกระดูกทั้งโครงลงไป ซึ่งอาจจะเป็นศพของเด็ก             จากหลักฐานที่พบจึงสามารถสันนิษฐานว่าได้มีกลุ่มคนเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ มาตั้งแต่สมัยยุคเหล็ก (ประมาณ ๒,๕๐๐ ปี) และได้อาศัยสืบต่อกันมา จนพัฒนาขึ้นเป็นสังคมที่ซับซ้อนภายหลัง     บรรณานุกรม   ศิลปากร กรม รายงานเบื้องต้นการสำรวจแหล่งโบราณคดีในทุ่งกุลาร้องไห้ (เล่ม ๑ – ๒) พ.ศ.๒๕๔๔   ศิลปากร กรม นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ พิมพ์ครั้งที่ ๑ กรุงเทพมหานคร : บริษัท อทรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๐


รายละเอียดผลงาน......หนังสือตารากงเต๊กแลตำรากฐินมีเนื้อหาเกี่ยวกับ  ตำราพิธ๊กงเต๊ก พิธีชุมนุมเทพดา พิธีชักธงประกาศ พิธีเชิญวิญญาณ พิธีประกาศ  สวดพระพุทธมนต์ คำสวดพระพุทธมนต์ ฯลฯ


black ribbon.