ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ



พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง ปราจีนบุรี: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/prachinburi      พ.ศ.2508 กองโบราณคดีได้ทำการสำรวจขุดแต่งโบราณสถาน ในจังหวัดปราจีนบุรี  และจังหวัดใกล้เคียงหลายแห่ง พบศิลปะโบราณวัตถุที่สำคัญ เป็นจำนวนมากซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ และโบราณคดี  กรมศิลปากรจึงได้มีดำริให้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ ขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี ประจำภูมิภาคตะวันออก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบ ในภูมิภาคนี้ เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2515  ในที่ดินราชพัสดุติดกับศาลจังหวัดปราจีนบุรี  พื้นที่ให้ 5 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวางบประมาณการก่อสร้างอาคารและจัดแสดงรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,766,568 บาท มีการดำเนินงานตามโครงการออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้                     - ระยะที่ 1 ระหว่าง พ.ศ. 2518 - 2520  เป็นการถมดินและก่อสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 2 ชิ้น ขนาดกว้าง 18 x 18 เมตร ใช้งบประมาณ 2,000,000 บาท                   - ระยะที่ 2 ระหว่าง พ.ศ. 2522 - 2525  สร้างอาคารบ้านพักข้าราชการ บ้านพักเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดตั้งระบบสาธารณูปโภค ครุภัณฑ์สำหรับการจัดแสดงใช้งบประมาณ 1,543,068 บาท                  - ระยะที่ 3 ระหว่าง พ.ศ. 2526 - 2528 ก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมมีห้องบรรยายและห้องอเนกประสงค์ ปรับปรุงบริเวณลานจอดรถ ใช้งบประมาณ 4,223,500 บาท                   พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรีได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2528 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์    



เชิญร่วมกิจกรรมสันทนาการเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น สถานที่ : เชิญร่วมกิจกรรมสันทนาการเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่นติดต่อ : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น ไม่เสียค่าใช้จ่าย


ประวัติโบราณสถาน เป็นวัดที่มีความสำคัญวัดหนึ่ง จารึกที่พบในวัดได้กล่าวถึงพญามังรายโปรดได้สร้างเจดีย์ขึ้นในที่ประทับและสถาปนาเป็นวัด เรียกว่า วัดเชียงมั่น ต่อมาในสมัยพญาติโลกราชโปรดให้สร้างเจดีย์ขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2014 ในพงศาวดารโยนกได้กล่าวถึงพญามังรายได้เสด็จจากเวียงเชียงมั่นหรือเวียงเหล็กเข้าไปประทับในพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ และในตำนานพิ้นเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่าพญามังรายได้ตั้งเวียงในชัยภูมิที่เรียกว่า เชียงมั่น จากหลักศิลาจารึกที่ 76 ศิลาจารึกวัดเชียงมั่น พ.ศ. 1839 ได้กล่าวถึงวัดเชียงมั่นว่า พญามังรายได้ทรงสร้างที่ประทับชั่วคราวเพื่อควบคุมการสร้างเมือง เมือ่แล้วเสร็จก้ได้โปรดให้ก่อเจดีย์ตรงที่หอนอนบ้านเชียงมั่น ให้ชื่อว่าวัดเชียงมั่น นับเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองชียงใหม่ ต่อมา พ.ศ. 2014 ในรัชสมัยพญาโลกติการาช ทรงโปรดให้สร้างเจดีย์ด้วยศิลาแลง 87 ปีต่อมา พม่าเข้ายึดครองเมืองเชียงใหม่ เจ้าฟ้ามังทรา (สมเด็จพระมหาธัมมิกะราชาธิราช) โปรดให้พระยาแสนหลวงสร้างเจดีย์วิหาร อุโบสถ หอไตร ธัมมสนาสนะ กำแพงประตูโขง สมัยพระจ้ากาวิละ (พ.ศ. 2325-พ.ศ. 2367) ได้บูรณะถาวรสถานเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง ลักษณะทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม เจดีย์ ตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม ซ้อนลดหลั่นกัน 2 ชั้น บนฐานประดับปูนปั้นรูปช้างครึ่งตัวโดยรอบ 15 เชือก และประดับช้างประจำมุมๆ ละ 1 เชือก ระหว่างช้างปูนปั้นแต่ละเชือก ประดับด้วยเสาลายเป็นภาพหน้าตัดของสถาปัตยกรรมอันประกอบด่วยฐานเขียง 2 ชั้น บัวคว่ำ ประดับลูกแก้วอกไก่ 4 เส้น และบัวหงายรับกับพื้นชั้นบน ของฐานเขียงชั้นที่ 2 ด้านทิศตะวันออกมีบันไดนาค ทอดยาวนับแต่ส่วนบนฐานเขียงชั้นที่ 2 ลงมาจนถึงพื้น ถัดไปเป็นฐานปัทม์ย่อเก็จ คั่นส่วนท้องไม้ด้วยลูกแก้วอกไก่ 1 เส้น รองรับองค์เรือนธาตุรูปสี่เหลี่ยมเพิ่มมุมไม้ 12 องค์ องค์เรือนธาตุแต่ละด้านประดับซุ้มจรนำ ด้านละ 3 ซุ้ม ภายในประดิษฐานสิ่งสักการะ ยกเว้นซุ้มกลางด้านทิศตะวันตกซึ่งปิดทับด้วยประตูจำลองประดับลวดลายปูนปั้น ส่วนบนของซุ้มทั้ง 4 ชั้น ประดับลูกแก้วอกไก่ บัวหงาย และหน้ากระดานรองรับจรนำของแต่ละซุ้ม องค์เรือนธาตุประดับลวดลายปูนปั้น ถัดไปเป้นบัวถลา 2 ชั้น มาลัยเถาแปดเหลี่ยม 4 ชั้น องค์ระฆัง บัลลังค์ คาดด้วยลูกแก้วอกไก่ 1 เส้น วงฉัตรโลหะฉลุลายปรดับด้วยก้านตาล ปล้องไฉน ปลียอด เม็ดน้ำค้าง วิหาร ทรวดทรงแบบล้านนา แต่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการซ่อมแซมกันต่อๆมา อุโบสถ เป็นอาคารลักษณะรูปทรงล้านนา หอไตร เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นก่ออิฐฉาบปูน ชั้นบนเป็นไม้




พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร   ศิลปะลพบุรี      อิทธิพลศิลปะขอมแบบบายน อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ วัสดุ               หินทราย ขนาด             สูงประมาณ ๑๔๘.๕ เซนติเมตร ประวัติ            พบที่โบราณสถานเนินทางพระ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี   ลักษณะทางประติมาณวิทยา                      ประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศว ร สลักจากหินทรายสีเขียว สูงประมาณ ๑๔๘.๕ ซม. พบที่ ี่โบราณสถานเนินทางพระในเขตอำเภอสามชุกซึ่งเป็นโบราณ สถานในศาสนาพุทธนิกายมหายาน สมัยลพบุรีเดิมจัด แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ลักษณะทางประติมาณวิทยาที่สำคัญ คือ เป็นประติมากรรมรูปบุรุษ   เกล้า มวยผมสูงถักผม ลักษณะที่เรียกว่า "ชฎามกุฎ" มวยผมผายออกตอนบน ส่วนโคนมวยคอด ต่างไปจากรูปพระอวโลกิเต ศวรศิลปะขอมทั่วไปที่มีมวยทรงกระบอก   ปรากฏรูปภาพพระพุทธปางสมาธิ หรือพระอติมาภะอยู่ด้านหน้ามวยผม มี กรอบไรพระศกทำลายเป็นรูปเม็ดไข่ปลา พระโพธิสัตว์มีพระพักตร์ค่อนข้างเหลี่ยมพระเนตยาวรี ลืมพระเนตร ต่างกับ รูปพระโพธิสัตว์ทั่วไปที่มีพระเนตรปิดสนิทอันเป็นลักษณะของศิลปะขอมแบบบายน สวมกุณฑลรูปตุ้ม สวมกรองศอสั้น รูปสามเหลี่ยมและพาหุรัด ม ๔  กร หัตถ์ซ้ายบนถือคัมภีร์ หัตถ์ซ้ายล่างถือหม้อน้ำมนต์ หัตถ์ขวาบนถือพวงลูกประคำ หัตถ์ขวาล่างถือดอกบัว นุ่งผ้าสั้น  มีชายผ้าเป็นรูปหางปลา คาดเข็มขัดมี หัวรูปสี่เหลี่ยมประดับลายดอกไม้ จาก ลักษณะทางประติมาณวิทยาของพระโพธิสัตว์ที่กล่าวไป แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะพื้นเมืองบางประการที่ผสม ผสานอยู่กับศิลปะขอมแบบบายนอายุราวพุทธศตวรรษที่๑๘ อันเป็นศิลปะที่ให้อิทธิพลโดยตรงกับรูปพระโพธิสัตว์องค์นี้








black ribbon.